แบกเป้เที่ยว San Francisco 3 วัน 2 คืน ทริปเฉพาะกิจของ 2 ชะนีกับ 1 นาย

สวัสดีค่า พี่ๆน้องๆ ผู้รักการเดินทางทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยค่ะ คือตั้งใจเขียนขึ้นมาและต้องการเปิดตัวล็อคอินที่สมัครไว้นานมากจะเป็นสิบปีแล้วด้วยสถานที่สวยๆ ที่เราได้ไปเยี่ยมชมมาเมื่อปีที่แล้ว (ค.ศ.2014) ค่ะ

หลังจากจบโครงการ Work and Travel โครงการยอดฮิตของเด็กมหาวิทยาลัย เราก็ไล่ตามฝันเหมือนที่หลายๆ คนทำนั่นแหละค่ะ คือไปเที่ยว ไปเห็น ไปรับรู้ กับสิ่งที่ต้องมาอยู่ตรงนี้เท่านั้นถึงจะสัมผัสได้ ที่จริงมีหลายที่ที่เราไปค่ะ โดยเฉพาะ L.A. คืออยู่ไป 2 อาทิตย์เต็มๆ นานที่สุดในทริปแล้วแหละค่ะ แต่ที่จะมารีวิววันนี้คือ ทริปเฉพาะกิจ ทริปแบบไม่ได้ตั้งใจให้เป็นทริป ที่ San Francisco ค่ะ! 5555



ต้องบอกก่อนว่า ที่มันเป็นทริปเฉพาะกิจก็เพราะเริ่มแรกเกิดจากการที่เรากับเพื่อนอีกคนอยากไปดูคอนเสิร์ตของ youtuber ฝั่งอเมริกากลุ่มหนึ่ง ( youtuber คือเหล่าเน็ตไอดอลที่โตมาจาก youtube เผื่อผู้ที่ไม่ทราบค่ะ แหะๆ) ตอนแรกก็คิดแค่ว่าจะไปดูคอนเสิร์ตแล้วก็กลับ ไม่ได้จะไป Golden Gate, Fisherman´s Wharf หรอก แต่พี่คนไทยใจดีที่ให้พักด้วยตอนอยู่ L.A. ยืนยัน นอนยันเลยว่าต้องไป ต้องไปให้ได้ ไม่งั้นจะไปซานฟรานทำไมครับบบบ พวกเราก็เลยอ่ะ งั้นจะเผื่อเวลาไปก็ได้ (เห็นมั้ยว่าพวกเราสนใจแค่คอนเสิร์ตจริงๆ 5555) อยู่ซานฟรานซัก 2—3 วันก็ได้ อุตส่าห์อยากรีบกลับไปแอลเอเพื่อไปเข้า Universal Hollywood อีกรอบเพื่อเก็บเครื่องเล่นให้หมดแท้ๆ สุดท้ายก็เป็นอันว่า ใส่ Golden Gate กับ Fisherman's Wharf เข้าไปในโปรแกรมสั้นๆของเราด้วยค่ะ

Day I; เดินทางข้ามเมือง
เริ่มต้นทริปที่แอลเอค่ะ หลายๆ คนอาจจะเดินทางโดยเครื่องบิน แต่เราเลือกที่จะใช้บริการ Megabus ค่ะ เหตุผลคือทริปนี้เกิดขึ้นเพื่อจะไปดูคอนเสิร์ตอ่ะเนอะ ก็ไม่ได้รีบไปอะไรขนาดนั้น คือคอนเสิร์ตมีรุ่งขึ้น ก็คิดกันว่าจะเดินทางกันวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้ไปถึงซานฟรานก่อนค่ำค่ะ ได้ทั้งชิว ทั้งดูวิวข้างทางเลยค่ะ เป็นวิวที่ต่างจากบนฟ้าแน่นอน ถึงราคาตั๋วเครื่องบินกับรถบัสจะไม่ทิ้งห่างกันมากก็เถอะ ส่วนตัวคิดว่าคุ้มสำหรับคนที่ชิวๆ ไม่มีกำหนดการแน่นค่ะ

ราคาตั๋วจะขึ้นอยู่กับ รอบเวลาเดินทางค่ะ มีตั้งแต่ราคา $24-40 / เที่ยว/ คนค่ะ พวกเราก็ซื้อตั๋วผ่านเว็บ www.megabus.com เรียบร้อย เก็บเสื้อผ้าใส่เป้สำหรับ 3 วัน แล้วทิ้งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ในบ้านพักที่แอลเอค่ะ คืนนั้นจำได้ว่าเข้านอนกันตั้งแต่ 4 ทุ่มเพื่อให้ตื่นตี 4 ครึ่ง เพื่อไปขึ้นรถรอบแรกตอน 6 โมงครึ่งค่ะ แต่เหตุมันเกิดก็ตรงที่ พวกเราตื่นกันตอน 6 โมงพอดีเลยค่า!!! อกอีแป้นจะแตกมากกกกก คือต้องขึ้นรถภายในครึ่งชั่วโมง โอ๊ยย แค่เดินทางจากบ้านพักย่าน Korean Town ไป Union Station ก็ปาไปจะครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ รู้แก่ใจ ไม่ทันชัวร์ ก็เกิดสองจิตสองใจขึ้นมาซะงั้น ประมาณว่าเห้ย ต้องซื้อตั๋วใหม่เลยนะ 30 กว่าเหรียญเลยนะที่เสียไปอ่ะ แล้วนี่จะต้องเสียใหม่ ให้รอบที่เร็วที่สุดคือ 9 โมงครึ่งอีก 37 เหรียญ (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการจอง $1.50 ค่ะ) รวมๆกันก็ 70 กว่าเหรียญแล้วค่ะสำหรับเที่ยวเดียวนะคะ นั่งคิดกับเพื่อนอยู่พักนึงว่าจะล้มทริปดีมั้ย

แต่สุดท้ายค่ะ ด้วยพลังแห่งความรักที่มีต่อ youtuber เหล่านั้นก็ชนะความเสียดายและความขี้เกียจค่ะ 5555 ก็ซื้อตั๋วรอบใหม่ อาบน้ำแต่งตัว สะพายเป้คนละใบมุ่งหน้าไปยัง Union Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่ที่ไม่ได้เป็นแค่สถานีสำหรับรถไฟบนดินเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานีของรถไฟใต้ดิน และรถบัสสายต่างๆ อีกด้วย คือมันเป็นสถานีขนส่งสาธารณะแบบครบวงจรนั่นแหละค่ะ


โฉมหน้าของ Union Station แห่ง Los Angeles ค่ะ



ถึง Union Station เราก็ตามหาจุดจอดรถเลยค่ะ ก็จะมีป้ายเล็กๆ ชี้ทางไปยังจุดจอดรถของบริษัท Megabus ค่ะ (คือมันจะมีหลายบริษัทนะคะ ต้องดูดีๆ) พอมั่นใจแล้วว่าจะต้องขึ้นรถตรงไหน ก็นั่งแหมะรอมันตรงนั้นเลยค่ะ ไม่กล้าไปไหนแล้ว กลัวตกรถอีก 5555 พอใกล้ๆ เวลาก็จะมีพนักงานของบริษัทมาแจกบัตรคิวค่ะ เราก็ต้องเข้าแถว แจ้งชื่อที่ใช้ซื้อตั๋ว แล้วรับบัตรคิว แล้วก็ไปนั่งรอจนกว่ารถจะมาแค่นั้นเองค่ะ ส่วนใครมีกระเป๋าที่ต้องการโหลดไว้ใต้ท้องรถก็แจ้งพนักงานได้เลยค่ะ เมื่อรถมาถึง พนักงานเขาจะช่วยดูแลเรื่องนี้เอง รู้สึกว่าตามนโยบายของบริษัทจะให้นำกระเป๋าเดินทางขนาดมาตรฐานมาได้ 1 ใบ และกระเป๋า carry-on ที่ใส่ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้อีก 1 ใบค่ะ (ช่วงรอรถไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ เพราะสภาพแต่ละคนคือง่วงมาก และเหนื่อยมากจากการกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อจะมาถึง Union Station ให้เร็วที่สุดค่ะ)

ประมาณ 9 โมง 15 รถก็มาถึงค่ะ จอดเทียบชาลาอย่างสวยงาม ทุกคนเข้าแถวขึ้นรถตามคิวเป็นระเบียบเรียบร้อย รถบัสเป็นรถปรับอากาศสองชั้นค่ะ มีที่นั่งสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม 2-4 คนอยู่ชั้นล่าง เรามีกัน 3 คน ก็เลยเลือกนั่งตรงนั้นแหละค่ะ (คนที่สามก็งอกขึ้นมาแบบฉุกละหุกเหมือนกัน 555) ที่นั่งเป็นเก้าอี้ยาว หันหน้าเข้าหากัน และมีโต๊ะพลาสติกกั้นตรงกลางค่ะ เป็นโต๊ะสำหรับวางของกิน ขนม น้ำค่ะ ในรถบัสทานอาหารได้นะคะ แต่ไม่ควรเป็นอาหารที่มีกลิ่นฉุน ทั้งนี้ คนขับรถจะแวะจอดที่จุดพักรถ (คล้ายๆ มอเตอร์เวย์บ้านเราอ่ะค่ะ มีปั๊ม มีร้านอาหาร) ระหว่างทาง 1 ครั้ง โดยให้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อให้ทุกคนแวะกินอาหารกันค่ะ ในรถมีห้องน้ำเสร็จสรรพด้วยค่ะ และไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วย ภายในรถสะอาดใช้ได้เลยล่ะค่ะ แถมยังมี wifi ด้วย ถูกใจก็ตรงนี้แหละค่ะ

โฉมหน้ารถบัสที่จะพาเราไปซานฟรานค่ะ เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขออนุญาตนำภาพมาจาก Google นะคะ
เครดิตภาพ :  www.nycgo.com


ภายใน ชั้นล่างจะเป็นลักษณะประมาณนี้ค่ะ เครดิตภาพ : www.wanderu.com




มีต่อข้างล่างค่ะ >>>>>>
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่