จาก ซีรี่ส์ ยอดหญิงนักออกแบบ...ถ้าเจ้าของร้านมีเรื่องชู้สาวกับลูกจ้าง คุณจะยังไปอุดหนุนร้านเค้าอยู่ไหม?

ดูซีรี่ส์ตอนล่าสุดนี่ ที่อิโตะจัง เจ้าของร้านตัดเสื้อ ตัดสินใจเด็ดขาด ว่าจะไม่เลิกกับซูโอะ ช่างตัดสูทหนุ่ม คืออิโตะจัง เตรียมใจแล้วว่าจะต้องเจอกับอิมแพคอะไรจากสังคมบ้าง แต่เพราะรักนั้นแหละ จึงไม่อยากเสียซูโอะซังไป จึงกล้าดื้อต่อญาติพี่น้องที่จะแหวกขนบสังคมญี่ปุ่น นางคิดว่า ตัวเองก็สู้ชีวิตมาดราม่ารันทดสุดๆแล้ว จะสู้เพื่อรักแท้ของนาง ทำไมจะทำไม่ได้

ก็สมดังคำที่ท่านนายกสมาคมพูดไว้ตอนต้นๆว่า "จะอยู่ในเส้นทาง หรือนอกเส้นทาง ยังไงก็คือชีวิตมนุษย์ มนุษย์เราก็ต้องดิ้นรนชีวิต" เราตีความไปว่า ถ้าเลือกตัดสินใจที่จะนอกกรอบที่สังคมวางเอาไว้ ก็ต้องรับผลที่ตามมาให้ได้ เพราะมันจะลำบากกว่าคนที่อยู่ในกรอบมากกว่าเท่านั้นเอง คือเราคิดว่า ประธานคงมีหัวคิดที่เป็นกลางๆ คือมองเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว คือเห็นใจทั้งคู่ด้วย แต่ท่านจะออกตัวสนับสนุน มันก็เป็นเรื่องไม่ควร เพราะในขนบสังคมญี่ปุ่นนั้น ยังถือเรื่องผิดศีลกามาว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากๆ ต่อให้ชอบกันด้วยใจก็ตาม (ถ้าเป็นละครไทย ไม่รู้จะโดนแบนหรือเปล่า เพราะมันสุ่มเสี่ยงออกไปในทางส่งเสริมคนที่เป็นเมียน้อยให้กล้าสู้มากขึ้น?)

อิโตะจังก็คิดแบบว่า ทั้งพ่อและสามีก็ตายไปแล้ว นางจะยึดติดกับคนที่ไม่ได้อยู่แล้วไปเพื่ออะไร ยึดไปชีวิตก็ทุกข์ นางทุกข์มามากแล้ว ขอมีความสุขสำหรับตัวเองไม่ได้หรือ...เรื่องนี้ก็เห็นใจอิโตะนะ แต่เราก็เห็นด้วยแค่ครึ่งเดียว เพราะถ้าอิโตะอยู่กับซูโอะซังแค่สองคน มันก็อีกเรื่อง แต่นี่มันส่งผลกระทบกับลูกจ้างคนอื่นๆ ที่เค้าไม่ได้มีหัวคิดทันสมัยแบบเดียวกันด้วยนี่ซิ อย่างเวลาไปซื้อของในเมือง ก็จะโดนคนซุบซิบนินทาว่า เป็นลูกจ้างร้านอื้อฉาว

ถ้าเป็นเรา เราคงไม่กล้าเดินหน้าแบบอิโตะจังขนาดนั้นแน่ๆ เพราะสังคมญี่ปุ่นยุคนั้น ไม่ได้คิดมองเป็นเรื่องส่วนตัวที่แยกส่วนกันแบบที่อิโตะจังคิด...ไม่ต้องเอาอดีต เอาแค่ปัจจุบัน แค่เรารู้เรื่องส่วนตัวอื้อฉาวของเจ้าของร้าน เช่น เป็นเมียน้อยคนอื่น ไปแย่งสามีเค้ามา ไปสวมเขาให้สามีบ้านอื่น เราเป็นคนหัวที่ไม่ชอบการผิดลูกผิดเมีย ยังไม่อยากจะไปอุดหนุนเลย จนกระทั่งเจอจังๆเข้ากับเพื่อนใกล้ตัว ตอนแรกก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขานะ แต่ต่อมาชีวิตเขาลำบาก ก็สู้ชีวิตเลี้ยงลูกเป็นแม่หม้ายสามีทิ้งไป ก็เลยเห็นใจเขา...และเพื่อนคนนึงเคยกับเราว่า "ถ้าเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ได้ไปทำให้เราเดือดร้อน แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไม?" การที่เขาทำผิดศีล 3 นี่ อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่คนนอกอย่างเราไม่รู้ถ่องแท้ก็ได้ เราดีแค่ไหนกันจึงไปตัดสินชีวิตเขาว่าเลวแบบนั้น? จนมองข้ามสิ่งที่เขาทำมาหากินไปเพื่อเลี้ยงปากท้อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องศีลธรรมเลย

แต่ก็คิดในอีกแง่ว่า ถ้าคนเรามองเพิกเฉยแค่ว่า การผิดลูกผิดเมีย เป็นเรื่องส่วนตัวปกติธรรมดามนุษย์ที่ใครก็ทำกันได้แล้ว เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขานัก...สังคมมันจะไม่แหลกเหลวฤา? เพราะสังคมญี่ปุ่นที่เขาเคร่งครัดเรื่องพวกนี่ ก็เพราะไม่อยากให้คนสร้างปัญหามากขึ้นนี่เอง...เพราะการกำหนดกรอบศีลธรรมขึ้นมา ก็เพื่อไม่ให้มนุษย์ทำตัวตามใจเหลวแหลกนั่นเอง

แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะยังอุดหนุนสินค้าของเขาอยู่ไหมคะ?
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เคยอ่านสารคดี และดูสารคดีที่พูดถึงประเด็นสังคมแม่บ้านญี่ปุ่น ผู้หญิงแอบมีชู้ค่อนข้างสูง
เขาบรรยายว่าเพราะความกดดันและเหินห่างจากสามี
โดยเฉพาะกรณีแม่รักลูกชายตัวเอง จะมีมากกว่าสังคมตะวันตก
ถึงขนาดที่โรงหนังจะมีหนังรักๆใคร่ๆฉายยามบ่าย เรียกว่า Matinee

ผมก็เลยคิดว่า การมีชู้ของนางเอก เป็น Taboo ก็จริง คือสิ่งต้องห้าม
แต่..แม่บ้านบางส่วนก็อาจจะอยากเจอใครสักคนแบบที่นางเอกเจอก็ได้...เลยทำให้นางเอกยืนอยู่ได้ในสังคม



อยากออกความเห็นเรื่องละครเรื่องนี้นิดนึง
ตรงที่ถ้าดูดีๆ จะพบว่าภรรยาของคนรักนางเอก ป่วยเป็นโรคประสาทมานาน ไม่มีเรื่องทางเพศมานานแล้ว
สามีเป็นฝ่ายหาเงินมาเลี้ยง และไม่เคยทิ้งภรรยาเลย
ส่วนนางเอกก็เป็นแม่หม้ายที่สู้ชีวิตเพียงลำพัง เป็นคนแข็งๆ ไม่อ่อนโยน

เมื่อผู้หญิงแข็งมาเจอผู้ชายอ่อนโยน แถมมีปมให้น่าปกป้อง
ผู้ชายมาเจอผู้หญิงที่ยืนหยัดเพื่อตัวเอง ไม่หวังให้ชายต้องดูแล
ทั้งสองคนต่างมาเจอส่วนที่ตัวเองใฝ่หาในตัวกันและกัน
โอกาสสปาร์กมันก็เกิดได้ง่าย
ตัวนางเอกเองไม่ได้แต่งงานเพราะความรัก แต่เพราะความเหมาะสม
ครั้งหนึ่งในชีวิตนางเอกได้มีโอกาสรับรู้ว่า "การรักใครยิ่งกว่ารักตัวเอง" เป็นอย่างไร
ก็ยังดีกว่าชีวิตนี้ไม่เคยรู้จักคำว่ารักเลย

ผมว่าแม้มันเป็นความผิด แต่ก็มีความงดงามซ่อนอยู่นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่