วันนี้ เสนอคำว่า " ไม่ผิด แล้วทำไมไม่กลับมาสู้คดี "

บ่อยครั้งที่จะได้ยินคำว่า" ไม่ผิด แล้วทำไมไม่กลับมาสู้คดี "นั้น ตอบแบบให้ความรู้ว่า คดีที่ถูกตัดสินไปนั้น มันไม่มีสิทธิ์ ให้สู้คดี ตัดสินแล้วตัดสินเลยเป็นอันสิ้นสุด ไม่ทราบว่า คนกลุ่มหนึ่งยังไม่รู้แม้กระทั่ง คดีที่ดินรัชดา คนซื้อไม่ผิด คนขายไม่ผิด แต่สามีคนซื้อ เซ็นอนุญาตในฐานะสามี ผิด !

คดีนี้ จะเป็นยางลบฐาน ให้อนุชน รุ่นหลัง ได้ศึกษา ถึงวิธีพิจารณา คดีว่า การซื้อการประมูลหลักทรัพย์ กับหน่วยราชการไทย(กองทุนฟื้นฟู) ซื้อมันมาแล้ว จะนำมาซึ่งความซวย ความพินาศของตระกูล ต้องติดคุกติดตะราง มีความผิด ประมูลให้มันด้วยราคาสูงสุด ถามว่าคนขาย หน่วยงานของรัฐ ได้ประโยชน์มั้ย ได้ ได้ราคามั้ย ได้ สูงสุดมั้ย สูงที่สุด แล้วใครเสียหาย มีมั้ย ไม่มี มันเป็นคดีที่พิลึกพิลั่น สั่นประสาท มีช่องว่าง ช่องโหว่ทางกฎหมาย ที่จะเอาผิดให้ได้ ก็ต้องเอา เหมือนอย่างนายสมัคร ถูกคดีทำกับข้าว ก็กระเด็นจากตำแหน่งนายกได้ มันง่ายแบบพิลึก มันเหมือนจ้องหาทางเอาผิดทุกกระเบียดนิ้ว อย่าพลาดมา หาทุกวิถีทาง จับมันทุกกระเบียดนิ้ว จะเอาความผิดเขาให้ได้  ไม่คิดถึงสิ่งดีดีที่เขาทำเอาใว้ให้บ้านเมืองบ้าง ?

สิ่งที่คนซื้อ คนที่ประมูลได้ ด้วยราคาสูงที่สุด ได้รับไม่ใช่ที่ดิน แต่เป็นความซวย ต้องเสียสามีไปทั้งคน ยุติธรรม ที่สุดในโลก มั้ย ?

คดีนี้จะเป็นยางลบฐาน ที่เตือนสติให้ใครก็ตาม อย่าไปบังอาจ ไปประมูลที่ดินกับหน่วยงานราชการ เพราะอาจเป็นเช่นนี้ สามีเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ยังโดนคดี แล้วนับประสาอะไร กับประชาชนน คนธรรมดา จะอยู่ในสังคมแบบได้อย่างไรไหว ต่างชาติที่ไหนใครเขาก็กลัว กระบวนการอย่างนี้ !!!!

ลองคิดดูนะครับ ผู้ที่เกลียดชัง ทักษิณ ทั้งหลาย คุณลองเอาสมองคิดสักนิดว่า เขาทำให้รัฐหรือใครเสียหาย สักบาทมั้ย ที่ว่าเขาผิดต้องติดคุกสองปีนั้น คดีนี้ เขาทำให้ใครเสียหาย สักบาทมั้ย รัฐเสียหาย หรือมีใครเสียหายมั้ย การโกง การทุจริต มันต้องมีผู้เสียหาย วิชากฎหมาย ต้องเรียนกันใหม่ ว่า แม้ไม่มีผู้เสียหาย แม้ประมูลอย่างโปร่งใส แม้ไม่มีเจตนา ก็สามารถติดคุกได้ มีความผิดได้ ถ้าอยากจะหาเรื่องเอาผิด !!!!!

คดีนี้ ทักษิณ ผิดมากขนาดไหน เขาฆ่าพ่อ ล่อแม่คุณ ข่มขืนลูกเมียคุณ หรือทุจริตเงินใครไปสักบาทมั้ย คุณถึงคิดอาฆาตพยาบาท เขาขนาดนั้น ถ้ายังมีสติ ถ้ายังมีความคิด ลองเอาสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ คิดถึงผิดถูกชั่วดี แค่นี้ก็พอจะตัดสินได้ ว่า จะกวักมือท้าเรียกให้เขามาสู้คดีที่เมืองไทย อย่างเยอะเย้ยเย้ยหยัน ผมเคยคุยกับพวกสลิ่ม หลายคน ทุกคนก็ยอมรับว่า มันคือการหาเรื่อง รู้ทั้งรู้ทั้งนั้น ก็มันคนไม่ใช่สัตว์ ที่จะทำเป็นไม่รับไม่รู้ ว่าเรื่องราวคดีมีความเป็นมาอย่างไร มันรู้กันทั้งนั้น แต่เพราะความอคติ ที่อยู่ในใจ ทำเป็นเย้ยหยัน ทำเป็นท้าทาย ทำลายเขาได้ดีชอบ นี่คือนิสัย !

ลองตอบคำถามผมสักคำ ว่า คนที่พวกคุณเชื่อแบบถวายหัว อย่างสนธิ ถูกศาลตัดสิน มีความผิดทุจริตต่อตลาดหลักทรัพย์ ปกปิดซ่อเร้น หลอกลวง แจ้งสำแดงเท็จ ศาลตัดสินจำคุกเกือบร้อยปี ตัดสินไปสองศาล ถามพวกคุณว่า คนอย่างนั้นคุณว่ามันดี นี่แหละคนไทย ไทยขยะ ที่เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ทำไมจิตใจมันตกต่ำ ดำมืดได้ขาดนี้ ??

ทำไมไม่ลองคิดดูว่า ถ้าทักษิณ เลวจริง ต่างชาติ คนทั้งโลกยอมรับเขาได้อย่างไร มีแต่คนกลุ่มเดียวในเมืองไทย ที่โดนมนต์โกเต็กซ์เข้าไปเท่านั้นที่เชื่อแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร คนกลุ่มที่เรียกว่า ตัวเองว่า เสื้อเหลือง พันธมิตร หลากสี สลิ่ม กปปส ล้วนคือคนๆเดียวกันทั้งเพ ผลิตผลชาติกำเนิดมาจาก สนธิ ทั้งสิ้น พอสนธิเริ่มเสื่อม หาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้ ก็ไปเกาะกำนัน พอกำนันเสื่อมก็ไปเกาะขี้ที่ลอยน้ำมา ไม่มีอะไรซับซ้อน

การหลงสื่อ การโฆษณาชวนเชื่อ การกรอกหู การล้างสมองคนเหล่านี้ คนที่มีปัญญาไม่แข็งแรง เขาสอนอย่างไร เชื่อหมดใจ นี่แหละนิสัยสลิ่ม มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสงสาร ที่สิบปี ไม่ทำให้คนเหล่านี้ เลิกเป็นทาส เลิกเสพติด ลองดูพฤติกรรม เขาสอนให้เกลียดทักษิณ เกลียดเสื้อแดง เห็นไม่ได้ ตาขวางฟูมฟาย น้ำลายฟูมปาก นี่คือนิสัย มันบ้า มันคลุ้มคลั่ง แต่เชื่อว่า กาลเวลา จะทำให้พวกเขาหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง แต่ก็อาจจะเจียนตาย เพราะส่วนใหญ่ คือผู้สูงอายุ นี่แหละ ด้วยพิษของสื่อ สื่อชั่ว มันสามารถทำลายคนไทยเกือบครึ่งประเทศ เสพติดคิดชั่วตามที่ตัวต้องการ ทั้งที่ตัวมันเอง ชั่วแสนชั่ว ชั่วยิ่งกว่าใครๆ แต่มันก็ทำให้บ้านนี้เมืองนี้ เสียหายเกลียดชังสร้างความพินาศได้อย่างมากมาย อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ความเสียหายครั้งนี้ ยับเยินมากมายเหลือคณานับ เพราะไม่เพียงแต่สร้างความเกลียดชังแตกแยกให้กับเผ่าพันธุ์ไทย แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น มันดึงสถาบันต่างๆ เข้ามาเกลือกกลั้วจนมัวหมอง ทั้งพระสงฆ์องคเจ้า ศาล ตุลาการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ หมอ นักเรียนนิสิต นักศึกษา ปัญญาชน คนเดินถนน เรียกว่าความขัดแย้งลุกลามบานปลายไปทั่วทั้งแผ่นดิน นั่นแหละผลงานของมัน ผลงานที่สลิ่มภูมิอกภูมิใจ ในสิบปีที่ผ่านมา !

มีคนอ้างว่า ความขัดแย้ง ที่มีมานานนับสิบปี กำลังจะแก้ไขปัญหา ให้เกิดความปรองดอง สามัคคีกลับคืนมา ถามว่า ไหน ใคร ทำอย่างไร วันนี้ยังไม่มีวี่แววว่า จะมีหน้าไหน ออกมาเพื่อขจัดความขัดแย้ง ที่กำลังร่าง กติกา กันอยู่ในสภาปฎิรูปนั้น ก็เห็นกันอยู่อย่างชัดๆว่า มันกำลังร่างเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม แล้วมาอ้างว่า กำลังปรองดองกำลังสามัคคี แค่เห็นหน้า อ้า...  คนแก้ ก็รู้แล้วว่ามันจะแก้อย่างไร ก็เล่นเอาคู่ขัดแย้ง คนที่เกลียดชัง คนที่คิดทำลายฝ่ายตรงข้าม ตัวเป็นๆ ตัวเป้งๆ นั่นแหละกลุ่มหัวๆ ตัวขัดแย้ง ที่ขึ้นเวที กปปส ทั้งนั้น มีที่ไหนในโลกเขาทำวะ เอาคู่ขัดแย้ง มาตั้งกติกาเสียเอง เจริญเถอะ....ประเทศไทย!!


ปล    ขอเสริมอีกนิด ว่า ที่จะทำประชามตินั้น ไม่ต้องทำให้เสียงบประมาณ 3000ล้าน เพราะมันไม่ผ่านอยู่แล้ว เพราะคนที่ร่างล้วนคือตัวอคติ ตัวขัดแย้ง ไม่รู้ว่าหน้าไหนไปลากกันมา  ถ้าไม่อยากให้เสียเวลา คนที่ร่างมันต้องมาจากทุกฝ่าย" ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน "ไม่งั้นไ่ม่มีวันจบหรอกจะบอกให้ .....
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
คดีนี้ผมมองแค่จุดเริ่มแรกที่ คตส. มุ่งเป้าจะเอาผิดให้ได้โดยไม่สนใจหลักกฎหมาย  หลักนิติธรรมใดๆ  ถ้าผมจำไม่ผิดในขณะนั้นกองทุนฟื้นฝูฯที่กำกับโดย ธปท. ซึ่งนับเป็นผู้เสียหายโดยตรงในคดีนี้  กลับออกมาบอกต่อสาธารณะว่าไม่ได้เป็นผู้เสียหาย  ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น  ไม่ยอมเข้าชี้แจงความเสียหายกับ คตส.  จน คตส. ต้องทำหนังสือถึงเพื่อบอกให้กองทุนฯกล่าวโทษความเสียหายมาที่ คตส.    และเมื่อฝ่าย ธปท. ที่กำกับดูแลกองทุนฯเข้าชี้แจงกับ คตส. ก็ยังยืนยันว่าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น

     เหมือนกับว่ากองทุนฯโดย ธปท. ไม่รู้ว่าความเสียหายอยู่ตรงไหน  หรืออาจมองว่าการดำเนินการประมูลในเรื่องนี้ที่กระทำจนเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน ( เหลือเพียงขั้นตอนโอนที่ดินซึ่งสามีต้องเซ็นต์ยินยอมเท่านั้น  กรณีนี้ส่วนตัวยังสงสัยอยู่ว่าที่ดินที่ได้มาจากการประมูลของกองทุนฯ  เมื่อผู้ประมูลได้ดำเนินตามขั้นตอนรวมทั้งชำระเงินแก่กองทุนฯเสร็จ  มีความจำเป็นหรือกฎหมายบังคับหรือไม่ว่าคู่สมรสต้องเซ็นต์ยินยอมให้ทำนิติกรรมโอนที่ดิน  เพราะหากเป็นเช่นนั้นทำไมไม่มีการบังคับในขั้นตอนการเข้าร่วมประมูลตั้งแต่ต้น  อันนี้แค่สงสัย.)

      ต่อ...ในช่วงนั้น  (หากจำไม่ผิด  ...อีกแล้ว)  เลยเถิดจนกลายเป็นประเด็นความคัดแย้งระหว่าง  กองทุนฯ + ธปท.  กับ คตส.  จนต้องมีการออกมาข่มขู่กันผ่านสื่อว่าถ้ากองทุนฯไม่ชี้แจงกล่าวโทษ  คตส. จะดำเนินคดีฐานละเว้น  จนในที่สุดกองทุนฯโดย ธปท. ก็ได้ยินยอมกล่าวโทษความเสียหาย (ที่ตนเองยืนยันว่าไม่เสียหาย) ตามที่ทาง คตส. แจ้ง

    และ (หากจำไม่ผิด  ...อีกแล้ว) มีกรณีที่มีการสัมภาษณ์ผ่านสื่อ  หรือ คตส. สอบถามบุคคลในอดีตที่เกี่ยวข้องกับ ธปท.  กองทุนฯ  รัฐบาล  หลายท่านอย่าง  ชวน  หม่อมอุ๋ย  ถึงเรื่องอำนาตหน้าที่การกำกับดูแลกองทุนฯของนายกฯ  ซึ่งความเห็นในแง่กฎหมายทุกคนก็ไปในทางเดียวกันคือ  นายกฯไม่มีอำนาจหรือหน้าที่กำกับดูแล กองทุนฯ   ทั้งหมดนี้จึงทำให้ในตอนนั้นผมเลิกสนใจคดีนี้ในทันที

     เพราะมันเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองที่ชัดซะจนไม่จำเป็นต้องมาดูข้อกฎหมาย  หรือผลของการตัดสินคดีที่เกิดขึ้นตามมา  ทั้งจากการที่ คตส. ใช้อำนาจที่เผด็จการมอบให้มาข่มขู่ให้ผู้ที่เขามองไม่เห็นและตรวจสอบไม่พบว่าเขาเสียหาย  เข้าชี้แจงกล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของพวกตน  ผมยังสงสัยอยู่ว่าหากคดีนี้ กองทุนฯ โดย ธปท. ไม่ถูกข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า  และยืนยันตามที่ได้ให้สัมภาษณืออกสื่อ  รวมถึงจากการที่เข้าชี้แจงต่อ คตส. ในครั้งแรก  ว่าตรวจสอบแล้วขั้นตอนการประมูลถูกต้อง  คุณสมบัติเข้าประมูลถูกต้อง  ไม่เกิดความเสียหายแก่รัฐ  แล้วไม่ชี้แจงกล่าวโทษตามที่ คตส. ข่มขู่  คดีนี้จะเกิดขึ้นได้ยังงัย

     ทั้งหมดเล่าจากความทรงจำครั้งอดีตของผมเอง  ผิดถูกยังงัยใครมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นก็รบกวนแก้ไขและชี้แจงแก่เพื่อนให้ทราบด้วย  ที่ผมจำได้เพราะ  คดีนี้ถือเป็นจดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมาเป็นเสื้อแดงในปัจจุบัน  เดิมที่เพียงแค่รักความเสมอภาค  เสรีภาพ  ประชาธิปไตย  เหมือนเสรีชนทั่วไป  การเมืองแต่ก่อนผมสนใจแต่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหน  มองว่ามันเป็นเพียงสมบัติพลัดกันชมทุกคนมีดีเลว  ผมเลือกเสพแนวคิดที่ดีของแต่ละฝ่ายการเมือง  มีข้อสงสัยการทำหน้าที่ของใครก็เลือกค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าอะไรถูกผิดเป็นกรณีๆไป  สุดท้ายเราก็แค่เอาข้อมูลที่เรามาใช้ในการตัดสินใจเลือกตัวแทนมาบริหารประเทศแทนเราเมื่อโอกาสมาถึง  ก็แค่นั้น

      แต่เมื่อมีการมุ่งเอาผิด  มุ่งทำลายล้างกันทางการเมือง  โดยไม่สนหลักการใดๆให้เห็นอย่างเด่นชัดในกรณีนี้  ทำให้ผมต้องจับตาและยิ่งสนใจการทำงาน  กระบวนการดำเนินการของกลุ่มก้อนฝ่ายการเมืองอีกฟากหนึ่งเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ  และยิ่งรับรู้  ยิ่งเห็นแนวคิด  ของคนกลุ่มนี้มากๆ  มารู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นเสื้อแดงเต็มตัวไปแล้ว  

ปล.1  จุดเริ่มต้นความขัดแย้งที่บาดลึกมานับ 10 ปี ของคนในชาติ  แม้จะมีต้นเหตุจากการรัฐประหาร 2549  แต่การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม  การที่ผู้มีอำนาจในขณะนั้นเลือกที่จะนำเครื่องมือที่ใช้ในการผดุงความเป็ธรรมมาใช้ในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง  โดยไม่สนใจหลักความเป็นธรรมใดๆ  ทั้งการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาผิดบุคคลเป็นการเฉพาะ  การบังคับใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลัง   การเลือกบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมและเสมอภาค  พวกเขาคิดแค่จะทำลายฝ่ายตรงข้าม  คิดแค่จะรักษาอำนาจของตนให้มั่นคง  คิดแค่จะวางแผนสืบทอดอำนาจระยะยาวผ่านพรรคการเมืองฝั่งตน  จนไม่สนใจหรือลืมไปว่ามันจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ  ความเชื่อมั่น  ในกระบวนการยุติธรรม  ในเสาหลักแห่งอำนาจอธิปไตยคือตุลากรไปอย่างยากจะแก้ไขกลับมา

ปล.2  อำนาจรัฐถูกยึดสุดท้ายยังมีวันหวนกลับ (แค่ตัวบุคคล)  อำนาจนิติบัญญัติถูกครอบงำยังมีทางแก้ไข (นี่ก็ตัวบุคคล) แต่หากอำนาจตุลาการยุติธรรมไม่อาจสร้างความเชื่อมั่น  ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงใจ  คงยากที่จะกลับมาให้คนศรัทธาได้อย่างเต็มใจในเร็ววัน ( ศรัทธา  ความหวัง  ไม่ได้เปลี่ยนง่ายๆเหมือนตัวบุคคล  ต้องสร้างบ่มเพาะซึ่งความเชื่อใจ  เขื่อมั่น  จนเกิดการยอมรับซึ่งต้องใช้ระยะเวลายาวนาน )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่