คุณเป็นอีกคนหรือเปล่าคะ ที่ตัดสินใครที่หน้าวอร์บนโลกออนไลน์?
คิดว่าคงไม่ใช่ทุกคน แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นเช่นนั้น
หลายครั้งที่ดิฉันอ่านบทความบนโลกออนไลน์แล้วเชื่อ อาจจะไม่ทันที บางข่าว บางสถานการณ์ เราอ่านเพราะมีผู้รู้มาอ้างอิง ยกตัวอย่างสถานการณ์ล่าสุด เช่นข่าวโรฮิงจาที่กำลังดังอยู่ ดิฉันได้อ่านข่าวจากหลายเว็บข่าว และบทความจากบุคคลที่แชร์กันมา ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันแทบทั้งหมด จนกระทั่ง ไปอ่านข้อความจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีข้อมูลแตกต่างออกไป ส่วนมากท่านอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งท่านได้ให้ข้อมูลไม่ได้โดยทางให้ร้าย แต่ก็ไม่ได้เข้าข้างแต่อย่างใด และตัวดิฉันเอง เข้าห้องสมุด ศึกษาที่มาประวัติศาสตร์ของประเทศและชนกลุ่มนี้ แน่นอนว่า ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับความเป็นมาของโรฮิงจา ต่างจากที่คนโดยส่วนมากแชร์กันออกไปค่อนข้างมาก
และนั่นเองทำให้เริ่มเอะใจขึ้นมาว่า ปกติตัวเราเป็นคนตัดสินอะไรจากที่เห็นในสื่อสังคมออนไลน์หรือเปล่า แน่นอนว่า ตัวดิฉันเองตัดสินนิสัยคนจากหน้าfacebook การโพสรูป และสเตตัส ถึง 60% ซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ และบางครั้งไม่ได้เอะใจเลยว่า สังคมออนไลน์ มันก็แค่หน้ากากเท่านั้น
หาตัวอ้างอิงความเป็นจริงแทบจะไม่ได้
แม้แต่เว็บความรู้อย่างWikipedia ยังสามารถแก้ไขข้อมูลได้จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของระบบ
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เกิดประสบการณ์ตรงขึ้นกับตัว เมื่อมีคนรู้จัก มาตัดสินความรักของดิฉันกับแฟนว่าคงไปกันไม่รอด เพราะมี Mutual Friends บนfacebook แค่19คน !!?
ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ของความถูกต้องน้อยกว่าเสี่ยงเซียมซีหรืออ่านดวงรายสัปดาห์เสียอีก
การมีเพื่อนร่วมกันบนเฟสบุคน้อย ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ด้านความรักจะมีน้อย แล้วก็ไม่ได้แปลว่า การโพสข้อความลงบนหน้าวอร์แฟนมากๆจะหมายความว่าคู่รักคู่นั้นรักกันมาก มีMutual Friends มากๆ จะแปลว่ารู้จักกันดี
ปล.การที่เราไม่ค่อยโพสหน้าวอร์ ไม่โพสสเตตัสหวานๆ ไม่โพสรูปคู่กันบ่อยๆ นั่นหมายถึง เราอยู่บนโลกออนไลน์น้อย อยู่บนโลกความจริงมากขึ้น จับมือถือน้อยลง จับมือกันมากขึ้น โพสสเตตัสให้กันน้อยลง แล้วพูดเองจากปากให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินเองมากขึ้น
ปล.2 คนคุยกันโดยไม่ต้องพูด คนได้ยินโดยไม่ต้องฟัง แต่บางครั้ง ก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป
คนเราใส่ใจในโลกโซเชี่ยวมาเกินไป เลยตัดสินอะไรเฉพาะที่เห็นในโลกออนไลน์
คิดว่าคงไม่ใช่ทุกคน แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นเช่นนั้น
หลายครั้งที่ดิฉันอ่านบทความบนโลกออนไลน์แล้วเชื่อ อาจจะไม่ทันที บางข่าว บางสถานการณ์ เราอ่านเพราะมีผู้รู้มาอ้างอิง ยกตัวอย่างสถานการณ์ล่าสุด เช่นข่าวโรฮิงจาที่กำลังดังอยู่ ดิฉันได้อ่านข่าวจากหลายเว็บข่าว และบทความจากบุคคลที่แชร์กันมา ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันแทบทั้งหมด จนกระทั่ง ไปอ่านข้อความจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีข้อมูลแตกต่างออกไป ส่วนมากท่านอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งท่านได้ให้ข้อมูลไม่ได้โดยทางให้ร้าย แต่ก็ไม่ได้เข้าข้างแต่อย่างใด และตัวดิฉันเอง เข้าห้องสมุด ศึกษาที่มาประวัติศาสตร์ของประเทศและชนกลุ่มนี้ แน่นอนว่า ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับความเป็นมาของโรฮิงจา ต่างจากที่คนโดยส่วนมากแชร์กันออกไปค่อนข้างมาก
และนั่นเองทำให้เริ่มเอะใจขึ้นมาว่า ปกติตัวเราเป็นคนตัดสินอะไรจากที่เห็นในสื่อสังคมออนไลน์หรือเปล่า แน่นอนว่า ตัวดิฉันเองตัดสินนิสัยคนจากหน้าfacebook การโพสรูป และสเตตัส ถึง 60% ซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ และบางครั้งไม่ได้เอะใจเลยว่า สังคมออนไลน์ มันก็แค่หน้ากากเท่านั้น
หาตัวอ้างอิงความเป็นจริงแทบจะไม่ได้
แม้แต่เว็บความรู้อย่างWikipedia ยังสามารถแก้ไขข้อมูลได้จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของระบบ
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เกิดประสบการณ์ตรงขึ้นกับตัว เมื่อมีคนรู้จัก มาตัดสินความรักของดิฉันกับแฟนว่าคงไปกันไม่รอด เพราะมี Mutual Friends บนfacebook แค่19คน !!?
ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ของความถูกต้องน้อยกว่าเสี่ยงเซียมซีหรืออ่านดวงรายสัปดาห์เสียอีก
การมีเพื่อนร่วมกันบนเฟสบุคน้อย ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ด้านความรักจะมีน้อย แล้วก็ไม่ได้แปลว่า การโพสข้อความลงบนหน้าวอร์แฟนมากๆจะหมายความว่าคู่รักคู่นั้นรักกันมาก มีMutual Friends มากๆ จะแปลว่ารู้จักกันดี
ปล.การที่เราไม่ค่อยโพสหน้าวอร์ ไม่โพสสเตตัสหวานๆ ไม่โพสรูปคู่กันบ่อยๆ นั่นหมายถึง เราอยู่บนโลกออนไลน์น้อย อยู่บนโลกความจริงมากขึ้น จับมือถือน้อยลง จับมือกันมากขึ้น โพสสเตตัสให้กันน้อยลง แล้วพูดเองจากปากให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินเองมากขึ้น
ปล.2 คนคุยกันโดยไม่ต้องพูด คนได้ยินโดยไม่ต้องฟัง แต่บางครั้ง ก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป