[CR] เดิน 80 กิโลเที่ยว เกียวโต-โอซาก้า ( Osaka - Universal Studio - Aoi Matsuri - Kyoto ) EP.1

ประเดิมกระทู้แรกในชีวิตกับ ทริป เดิน 80 กิโลเที่ยว เกียวโต-โอซาก้า ( Osaka - Universal Studio - Aoi Matsuri - Kyoto )

ออกตัวไว้ก่อนครับ ว่าถ่ายรูปไม่เป็น Mode Auto Only โฟกัสอาจจะพลาด แต่ลองชมกันไปเพื่อความบันเทิงนะครับ ทริปนี้สนุกมากๆ
พวกเราเล่นกีฬา ดำน้ำ และเปิดโฮสเทลเล็กๆครับ Theme ดำน้ำที่แรกของประเทศไทย อ่านแล้วชอบก็ลองไปติดตามกันที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ www.facebook.com/monkeydive

เวลาคนเศร้าเขาบอกให้เข้าวัด เอาน้ำมนต์ลูบหัวกลับบ้านก็หาย แต่สำหรับคนที่หมดไฟ ขาดแรงบันดาลใจ ไร้ Inspiration ใครคนนึงบอกไว้ว่าให้รีบเก็บกระเป๋าและออกเดินทางไปไหนสักที่ ที่ไม่รู้จักมาก่อน แล้วคำตอบ " จะคอยอยู่ระหว่างทางเอง "

วันที่ 20 เมษา หลังจากที่เก็บกระดานโต้คลื่นตัวสุดท้ายเข้าที่ เรานั่งอยู่หน้าคอมจิบเบียร์ยี่ห้อเดิมๆเหมือนทุกวัน ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆใช้ชีวิตอยู่ในทะเลอันดามัน ดำน้ำและโลดโผนโจนทะยานอยู่บนกระดานโต้คลื่นตัวเก่งที่ชายหาดที่สวยที่สุดในประเทศไทย ในแต่ละปีเราได้เจอนักเดินทางจากทั่วโลกเป็นร้อยๆคน ได้ฟังประสบการณ์การเดินทางเป็นร้อยเรื่อง และนั่นคือการจุดประเด็นเป็นใจให้ความอยาก "เที่ยว" มันเกิดขึ้นผ่านสมองในเวลาไม่กี่วินาที เราโทรหาเพื่อน 2-3 คน " ไปปุ่น ป่าวเพื่อน " แต่ไปครั้งนี้ไม่ธรรมดานะเว้ย _ไม่มีตังค์ ไป Backpack กันมั้ย? และคืนนั้นด้วยเบียร์และบรรยากาศมือก็ลั่นกดจองไปที่ "โอซาก้า" เมืองที่เขาว่ากันว่าใครไปต้องติดใจ กับพวกเราชายฉกรรจ์ 3 คน เริ่มกันเลยดีมั้ย



เราเดินทางด้วยสายการบิน AirasiaX ครับ ราคาไปกลับ 6,xxx บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากๆ ถูกกว่าบินกรุงเทพ-ภูเก็ตบางช่วงเวลาเสียอีก ราคานี้จองล่วงหน้าแค่ 2 อาทิตย์กว่าถือว่าไม่ต้องคิดมาก Tips: ตอนแรกจองไป-กลับ ใน Booking เดียวกันแต่ปรากฏว่าจองแยกถูกกว่า เลยจองแยกขาไปและขากลับครับประหยัดได้หลายบาทเลย งงๆเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนจะจองตั๋วให้วางแผนและลองทุกวิถีทางครับ



ลืมบอกไปว่า การไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเพื่อนอีก 2 คนครับ หนึ่งคนเป็นนักกีฬาโต้คลื่นของประเทศไทยและอีกคนเป็นมือตัดต่อวิดีโอครับ
ส่วนผมเคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ครั้งครับ ที่โตเกียวและฟุคุโอกะ สรุปแล้วไม่มีใครเคยไปโอซาก้าเลยสักคน มาเริ่มงมเข็มกัน ทริปนี้จะ โหด มันส์ ฮาขนาดไหน ไปดูกัน


ไฟลทนี้นอนไม่หลับเลยจริงๆ Flight attendants น่ารักมากๆครับ (โดยเฉพาะแอร์ผมสั้น ผิวแทนตาคมๆ คุณสวยมากเกือบจะขอเบอร์กลางอากาศล่ะ) ผู้โดยสารต่างเอาหนังสือขึ้นมาอ่านทำการบ้านกันสุดชีวิต บรรยากาศราวกับติวหนังสือก่อนสอบในสตาร์บัค แรกๆวางแผนไว้ว่าจะประหยัดทุกบาททุกสตางค์และทุกเยนครับ จะไม่กินอะไรใดๆบนเครื่อง แต่พอคนแถวข้างหน้าเปิดข้าวมาเท่านั้นแหละ กลิ่นยั่วน้ำลาย ท้าทายความหิวสุดๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดสั่งอาหารบนเครื่องเลยครับ แต่ครั้งนี้ยอม อร่อย แซ่บมากๆ สมราคานะผมว่า เพื่อนๆต้องลองดู


ในทริปนี้ด้วยที่หลายๆคนเดินทางเป็นครั้งแรกและอยากจะประหยัดด้วย เลยมีหลายๆอย่างที่เราตกลงร่วมกันเช่นขาไป ไม่โหลดกระเป๋าครับ แต่ตอนขากลับได้ซื้อกระเป๋าโหลดไว้ 1 ใบกะจะเอาไว้ใส่ของฝากครับ กฏแรกที่เราได่ทำข้อตกลงร่วมกันคือเอาของไป เสื้อผ้าอุปกรณ์กล้องทุกสรรพสิ่งห้ามเกิน 70% ของพื้นที่กระเป๋า เผื่อไว้สำหรับทุกอย่าง เสื้อผ้าให้เอาไปแค่สำหรับ 5 วันเท่านั้น ค่อยไปซื้อใมห่จะได้ถือโอกาสบังคับซื้อของเลย หุหุ ก่อนขึ้นเครื่องชั่งน้ำหนักเป้แต่ละคนได้ประมาณ 6.5 กิโล ซึ่งแสดงว่าขากลับยังมีพื้นที่ว่างใส่ของสบายๆ

ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงล่ะครับ ยังไม่ได้นอนเลย ถึงเวลา 22:40 พอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน ใช้เวลาไม่นานผ่านตม.ออกมาได้ครับ เด็ก Beach Boy อย่างเราๆมีอาการหวั่นกลัวโดนสกัดกันเล็กน้อย สำหรับคนที่กลัวนั่งรถไฟเข้าเมืองไม่ทัน ไฟล์ทของผมเดินไปขึ้นรถสบายๆครับ ขนาดว่าอึที่สนามบินสัก 15 นาทีก็ยังทัน อย่าได้ Worry  Tips: การเดินทางควรมีสติวางแผนล่วงหน้าทุกอย่างครับ เช่นเตรียมเอกสารก่อนล่วงหน้าหากต้องใช้ จะได้ไม่ตะลุกตะกักเวลาคนขอเรียกดูและป้องกันการสูญหาย หากเดินทางเป็นครั้งแรกควรเตรียมเอกสารต่างๆให้ครบถ้วนครับเช่นที่พัก ทริปต่างๆ หากโดนเรียกจะได้แสดงเอกสารได้เลย ผมและเพื่อนๆปรินท์กันมาคนละชุดใส่แฟ้มใสสวยงามยิ่งกว่าตอนส่ง Portfolio ตอนป.6


สำหรับคืนแรก เราเลือกพักกันแถวนัมบะ (Namba) ครับ เข้าที่พักวางกระเป๋าแล้วออกมาเดินเล่นกันครับ เบียร์สักคนละแก้ว takoyaki สักหน่อยไหนๆก็มาถึงแล้ว จัดไปอย่าให้เสีย



แต่แล้วก็ยั้งไม่อยู่ เลยจัด Kinryu Ramen ราเม็งมังกรทอง กันต่อเป็นร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงครับ เด็ดมากยืนกินท่ามกลางอากาศ 14 องศา ชิลสุด มนุษย์ฮีโร่ * ทุกสาขาเป็นตู้กดนะครับ ดูราคาอาหารที่จะสั่ง สอดเงินเข้าไปและกดที่รูป อย่าตื่นเต้นครับง่ายพอๆกับซื้อบัตร BTS แต่หากทำไม่ได้หรือเมนูซับซ้อน ยกมือไหว้แบบไทยแล้วบอกออกไป Can you help me please?


ดูนาฬิกาอีกทีตีสาม นอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าครับ คืนนี้ที่ New Japan Cabana Capsule Hotel (1000Baht/night/Person) เด๋วขอมาให้ข้อมูลเรื่องห้องทีหลังนะครับ



Ohayou gozaimasu! วันนี้เราเริ่มต้นออกเดินทางเช้ากันหน่อย 10 โมง 55+ วันนี้ตั้งใจไป ปราสาทโอซาก้าคร้าบบผม แต่ว่าเราจะเดินกันไปนะครับ




แวะทานข้าวหน้าเนื้อที่ร้าน matsuya ซักหน่อย อร่อยมากๆราคาจานล่ะ 160 บาท ทานกับไข่สดๆ ชูกำลังปึ๊งปั๋งเป็นที่สุด
matsuya เป็นร้านข้าวหน้าเนื้อที่ผมชอบตรงที่เปิด 24 ชั่วโมง คืนไหนเมาๆนี่กิน 1 ชามรู้เรื่อหลับสบาย เมนูที่นี่ถือว่าราถูกมากๆ และมีให้เลือกหลายขนาด คนทานหน่อยสั่งชามเล็กประหยัดไปได้ เยอะ!


เราเลือกเดินไปเรื่อยๆจาก Namba-Dotombori-Shinsaibashi-Matsuya-Osaka Castle เป็นระยะทาง 5.2 กิโลเมตร วันนั้นอากาศร้อนพอสมควร


สาเหตุที่เลือกเดินกัน ไม่ใช่เพราะประหยัดนะครับ อยากเดินชมเมือง อยากดูผู้คน Street และกรุ๊ปของเราไม่ได้รีบกันครับ เหนื่อยก็หยุด แวะโน่นนี่บางคนปวดฉี่ก็เข้า 7-11 (มีทุกสาขา) พักหายใจแป๊ป



มาถึงล่ะ ปราสาทโอซาก้า ร่มรื่นและดูอลังการกว่าที่จินตนาไว้เยอะมากๆ ปราสาทโอซาก้าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1583 และไม่น่าเชื่อว่าถูกทำลายและโดนฟ้าผ่าจนเสียหายอย่างหนักมาก่อน

ด่านแรกก็เจอคุณลุง นกพิราบ ยืนขายขนมถุงเล็กพร้อมนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ยืนล้อมรอบ เลยซื้อขนมให้นกลองดูสักห่อจะเป็นไรไป





ใครมีบัตร Amazing Pass เข้าฟรีนะครับ บัตรนี้คุ้มมากๆ ข้อมูลเพิ่มเติม >> www.osaka-info.jp/osp/en/index.html


ปราสาทโอซาก้ามีทั้งหมด 8 ชั้นนะครับ บางชั้นห้ามถ่ายรูปต้องสังเกตุด้วยนะครับ ภายในตกแต่งและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เล่าเรื่องราว
หากมีเวลาแนะนำให้เดินช้า พิจารณาไปเรื่อยๆ มีเรื่องราวน่าสนใจเยอะมากจริงๆ








ลงมาจากปราสาทก็เจอ Magic Show อันนี้ผมชอบสุดๆครับ เป็นการแสดงมายากลที่เอนเตอร์เทนดีมากๆ ถึงฟังไม่ออกแต่รู้สึกอันกับโชว์ต่างๆมากๆ มีทั้งเล่นมายากล โชวลูกแก้วลอย และเต้นแบบโรบอท ผมนี่ปรบมือจนนิ้วนางแทบอักเสบเลยทีเดียว ประทับใจครับ



ก่อนออกจากอาณาบริเวณปราสาทก็มาป๊ะกับคุณลุงครับ ไม่ใช่ว่าคุณลุงใส่หมวกเหมือนป๋าเทพแต่อย่างใด แต่บนหัวของคุณลุงมีนกเกาะอยู่ครับ
คุณลุงเลี้ยงนกไว้ที่บ้านเชื่องมากๆ วันนี้เลยพาออกมาเดินเล่น