เที่ยวปีนัง

กระทู้สนทนา
"พี่หยุด 5 วัน ไปเที่ยวไหน" น้องที่ทำงานถามขึ้นมา
คำถามนี้เล่นเอาคนถูกถามขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง " หยุด 5 วัน วันไหนเหรอ" งงเพราะไม่รู้ว่าบริษัทประกาศหยุดวันที่ 4 พค ที่ผ่านมานั่นเอง
ครั้นพอรู้ว่ามีวันหยุดติดกันยาวเราก็ตาลีตาเหลือกหาที่เที่ยวทันที แต่ด้วยความที่ระยะเวลากระชั้นชิดจึงหาไม่รู้จะพาตัวเองไปที่ไหน เพราะที่เที่ยวส่วนใหญ่ไม่ว่าจะในเมืองไทยหรือต่างประเทศใกล้เคียงจะถูกจองไว้จนเต็ม โดยเฉพาะประเทศที่ฮอตฮิตติดลมบนอย่างญี่ปุ่น  สุดท้ายมาปักหมุดไว้ตรงที่ มาเลเซีย ปีนัง เมืองแห่งมรดกโลก เมืองที่ถูกขนานนามว่า ไข่มุกแห่งตะวันออกและเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรม
หลังจากจองที่พักกับตั๋วเครื่องบินแอร์เอเซียผ่าน expedia (ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก 2 คืน) ในราคาแปดพันกว่าบาท เราก็ชะล่าใจไม่หาข้อมูลไดๆ เกี่ยวกับปีนังทั้งสิ้น มาหาเอาอีกทีก็ตอนวันที่ใกล้เดินทางนั่นแหละ
ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึงทริปนี้เราไปกับหลานสาวอีกคนหนึ่ง Flight นี้คนเดินทางเต็มไม่เหลือที่ว่างเลยว่างั้นเถอะ เราออกเดินทางกันในเวลา 15.45 และเนื่องจากที่มาเลเซียเวลาไวกว่าหนึ่งชั่วโมงเราเลยไปถึงที่สนามบินปีนังด้วยเวลาหกโมงนิดๆ
ทันทีที่ถึงสนามบินสิ่งแรกที่ทำคือจัดการซื้อซิมสำหรับเล่น internet ราคาอยู่ที่ 21 RM (ประมาณ 200 บาท) โปรโมชั่น 7 วันใช้เนทไม่อั้นพร้อมโทรกลับเมืองไทย
หลังจากผ่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเราก้มาหาเอกสารการท่องเที่ยวที่สนามบิน แต่ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะเหลือแต่ภาษาจีน ซึ่งเราไม่กระดิกเลยสักตัว หลังจากผิดหวังจากเรื่องข้อมูลการท่องเที่ยวแล้วเราสองคนเลยหาทางไปที่พักที่จองไว้ หลังจากสอบถามการเดินทางไปโรงแรมก็ทำเอาเราเข่าแทบทรุด โรงแรมที่จองไว้ชื่อ “ JV Hotel @ Bandar Tasek Mutiara” ตอนที่จองก็อ่านมาแล้วว่าอยู่ใกล้กับ จอร์ททาวน์และใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงจากสนามบิน แต่หลังจากไปสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ปรากฏว่าที่พักดังกล่าวอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะปีนัง ซึ่งทางเดียวที่ไปได้ก็คือนั่งแทกซี่แต่ขอโทษค่าแท็กซี่ไปราคาอยู่ที่ 113 RM เล่นเอาเราอึ้ง หลังจากมึนงงอยู่นานสุดท้ายเลยขอให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ช่วยหาโรงแรมแถวๆ จอร์ททาวน์ให้ เพราะหลังจากคิดแล้วค่าแท็กซี่ไปที่พักที่จองไว้สองคืนคงจะไม่คุ้ม อีกอย่างที่เที่ยวส่วนใหญ่มันอยู่บนเกาะปีนังทั้งหมด นี่แหละนะผลของการทำการบ้านมาไม่ดี
เนื่องจากเป็นวันหยุดทำให้โรงแรมแถวจอร์ททาวเต็มกันเกือบหมด แต่เราก็ไม่ได้โชคร้ายเสียทีเดียวในที่สุดเราก็หาโรงแรมเล็กๆได้ โรงแรม ชื่อ “ OLD BUDGET HOTEL” เราได้ Single room ห้องน้ำรวมแต่ใช้ด้วยกันสองห้อง ราคาอยู่ที่ 85 RM ( ในช่วงวันหยุดยาวโรงแรมส่วนใหญ่จะเพิ่มราคาขึ้นอีกประมาณห้องละ 5 RM)
จากสนามบินเรานั่งรถเมล์สาย 401 ไปลง Komtar tower  ราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 2.40 RM รถที่นี่ไม่มีกระเป๋ารถเมล์เหมือนบ้านเราที่สำคัญควรเตรียมเงินค่ารถให้พอดีเพราะเขาไม่มีเงินทอน  
รถที่ปีนังติดเอาเรื่องเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็ไม่รู้ว่าที่ไหนจะชนะ  แต่ที่แน่ๆ แอร์บนรถเมล์ที่นี่เย็นเฉียบเย็นชนิดเล็บเราเขียวน้ำมูกไหลกันเลยทีเดียว  ประมาณเกือบสามทุ่มเรากับหลานก็มาถึงที่พัก ซึ่งหาไม่ยากเลยถ้าเดินมาจาก Komtar Tower.


ครั้นพอเข้าที่พักเรียบร้อย เราสองคนก็เดินไปตลาดซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับที่พักเพื่อไปหาของกิน คนที่ตลาดเยอะมากที่สำคัญไม่เหลือโต๊ะให้เรานั่งเลยว่างั้นเถอะ และของกินก็เกลี้ยง สุดท้ายก็ได้สองอย่างนี้มากินซึ่งที่ซื้อเพราะเห็นคนซื้อกันเยอะมากเลยเอาบ้าง ส่วนรสชาตินั้นเอาเป็นว่าไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่เราว่าน้ำจิ้มมันหวานไป



คืนนี้เราสองคนอาหลานนอนเบียดกันบนเตียงนอนเล็กๆ แอร์ในห้องเสียงดังกระหึ่ม หลับๆตื่นๆ เพราะไม่คุ้นเคยกับการนอนกับใครบนเตียงเล็กๆ ตื่นหลายตลบมางีบหลับอีกทีตอนไหนก็ไม่รู้ แต่มาตกใจอีกทีเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงดังมากๆวิ่งมากระทบโสตประสาท ทีแรกนึกว่ามีคนมาทะเลาะกันอยู่ตรงหน้าห้องพัก แต่หลังจากหายตกใจและสติก็มาก็รู้ว่าเป็นเสียงละหมาดนั่นเอง เออ แต่ว่าเมื่อคืนไม่เห็นมีมัสยิดอยู่แถวนี้เสียหน่อย แต่ยังไงเสียให้หลับต่อคงไม่ได้ละเพราะเสียงดังกรอกหูอยู่แบบนี้นอนไม่ลง อาบน้ำแต่งตัวกันเลยดีกว่า วันนี้จะไป Penang Hill กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่