ขอออกตัวก่อนนะคะว่าฉันเป็นผู้หญิงบ้านๆเด็กต่างจังหวัดมาทำงานและเรียนใน กทม และตอนนี้อาชีพของฉันคือไม่ใช่งานประจำ ทำเป็นจ็อบหรือเรียกง่ายๆว่า พริตตี้ นั่นเอง ไม่ใช่พริตตี้ตัวแม่หรือ มีชื่อเสียงอะไรเลย
เรื่องมีอยู่ว่าเราได้รู้จักผู้ชาย2คนซึ่งเรารู้สึกว่าเค้ารักและดีกับเรามากๆ
โอ้ลืมบอกว่าก่อนหน้านี้เราพึ่งเลิกกันกับแฟนที่คบหากันมานานมากกว่า10ปีแต่แล้วเราก็ไปไม่รอดเพราะความห่าง ตั้งแต่ฉันโตมาจนตอนนี้ฉันมีแฟนแค่คนเดียวจนถึงตอนนี้
บอกก่อนนะคะว่าผู้ชาย2คนนี้ไม่ใช่คนไทย เป็นผู้ชายในประเทศใกล้บ้านเรานี่แหละค่ะ กำลังจะจัดซีเกมส์อยู่
ตอนแรกเราได้รู้จักผู้ชายคนแรก (ขอแทนชื่อผู้ชายคนนี้ว่า เอ)เป็นคนมาจีบเราและทำดีกับเราอย่างเปิดเผย จนเพื่อนๆของเราก็บอกว่าเค้าเป็นคนดีและเทคแคร์เราดีมากซึ่งเราก็รู้สึกดีเช่นกัน เราก็ได้คุยกับเอทุกวันสอนภาษาไทยเค้าบ้าง จากที่เค้าพูดไทยได้น้อยมากจนตอนนี้เค้าพูดไทยเก่งมากแล้ว
และต่อมาอีกประมาน2เดือน เราก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนที่2 (ขอแทนชื่อว่าบี) คนนี้เรารู้จักกันเหมือนบังเอิญไม่ได้ตั้งใจจะรู้จักกันหรือตั้งใจจะมาคุยกันและบีก็ยังเป็นลูกครึ่งไทยกับ....อีกด้วย
**เราจะแยกแยะเอกับบีให้ฟังนะคะ
สำหรับเอ ในช่วงแรกเราคุยกันถูกคอมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องเรียบร้อยมาก ไม่ว่าจะเป็น เรอ ตด หรืออะไรก็ตาม เรารู้สึกว่าเอเป็นคนที่เข้าใจเรามาก ( โดยส่วนตัวเราแล้วเราเปนคนที่เอาแต่ใจและงี่เง่ามากตามประสา ผญ) เค้ายอมเราและทำให้เราทุกอย่างบินมาหาเราบ่อยๆที่เมืองไทยทุกเดือนและระยะเวลาก็ผ่านมาเกือบปี จนถึงตอนนี้เรารู้สึก เอ เค้าเยอะกับเรามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเชคโทรศัพท์ เชคทุกอณู เพราะเค้าถือสิทธิ์ว่าเอเป็นคนซื้อโทสับให้เราเค้ามีสิทธิ์เชคทุกอย่าง เค้าเริ่มเอาแต่ใจกับเรามากขึ้นทุกเรื่อง ทั้งๆที่ตอนแรกเราคิดว่าเค้าเปนคนไม่เอาแต่ใจเลย แต่ตอนนี้เค้าเยอะมากเชคว่าเราไปไหน ทำอะไร ไปทำงานจริงไหม ไปกับใคร เชคตลอดจนเราอึดอัด
และสิ่งที่เราไม่ชอบเอตั้งแต่แรกก็คือ เรื่องเราคุยเรื่องครอบครัวให้เค้าฟังว่าเราต้องดูแลครอบครัว เมื่อเราแต่งงานแล้วก็ยังต้องดูแลแม่ช่วยแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรืออะไรต่างๆ แต่เอกลับตอบเรามาแบบว่าเงิบ เอบอกว่า ดูแลทำไม ทำไมต้องดูแล ต้องส่งเสียแม่ไปตลอดชีวิตหรอ เรารู้สึกอึ้งและตกใจ และเราก็คิดว่าเค้าไม่ใช่คนไทยเค้าคิดไม่เหมือนเรา ต่อไปเราสอนเค้า เค้าคงจะเข้าใจ และอีกเรื่องที่เราไม่ชอบเค้าคือ เค้าจะชอบบ่นเวลาเราพาไปกินข้าวที่กรุงเทพหรือทำอะไรต่างๆในกรุงเทพ เค้าจะชอบบ่นว่าแพง ไม่อร่อยแล้วยังแพง เราได้ยินเราก็รู้สึกว่า เฮ้ย เราเป็นคนพาเค้าไปกินข้าวแต่พอจ่ายตังบอกแพง เราได้ยินแล้วเรารู้สึกไม่ดีเหมือนเราเป็นคนผิดที่พาเค้าไป ที่แนะนำเค้าไปร้านนี้ บางครั้งเรากลัวเค้ากินอาหารเหมือนเราไม่ได้เราจึงพาเค้าไปกินอาหารที่ดีและหลากหลายและมีเมนูภาษาอังกฤษให้เค้าอ่าน เราคิดแบบนี้. แล้วก็มี1วันที่เราทะเลาะกันจนเรามาคุยกันเรื่องนี้ว่าเราไม่ชอบให้เค้าพูด เราไม่อยากให้เค้าดูไม่ดีในสายตาเพื่อนเราหรือสายตาคนอื่นที่ได้ยิน แต่เค้าไม่เข้าใจเราและเถียงกับเรายกใหญ่จนเรายอม.. และเค้าจะชอบพูดกับเราว่าเค้าหาตังค์ได้เยอะกว่าเรา เราต้องเชื่อฟังเค้าทุกอย่าง ซึ่งจะบอกว่าเราก็ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเงินเค้าเลย. เค้าไม่ได้หยิบยื่นให้เราแต่อย่างใด เราก็ไม่เคยขอ
อีกเรื่องที่เราทะเลาะกันก็คือเอเชคโทรศัพท์เราซึ่งเค้าก็ไปเชคเจอ บี และเค้าโกรธเรามากว่าทำไมต้องคุยกันแบบนี้เราอธิบายให้เค้าฟังและเค้าก็ให้อภัยเราและยังคุยกันปกติ และทุกครั้งที่เค้าบินมาหาเราเค้าก็เห็นว่าเราคุยกับ บี ตลอดจนเค้าจะไม่ให้อภัยเราแล้วและด้วยความที่เค้ารักเรามากเราก็ยังคุยกันอยู่ ส่วนบีเรายอมรับว่าเราคุยแต่เรารู้สึกเฉยๆไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเค้าแต่เท่าที่คุยเราก็สัมผัสได้ว่าเค้าเปนคนดีและเทคแคร์เรามากเหมือนกันทุกครั้งที่บีบินมาไทยเราก็จะออกไปกินข้าวกับเค้าและเที่ยวดื่มนิดหน่อยแต่ทุกครั้งที่ไปก็ไปกับเพื่อนจนหลังๆมาเหมือนรู้สึกว่าเราเทคแคร์เรามากขึ้นเราคุยกันมากขึ้นเพราะเอไปทำงานที่ประเทศอื่นไม่ค่อยได้คุยกันประมาน1อาทิตย์ ในเวลา1อาทิตย์เราก็คุยกับบีทุกวันคุยจนเรารู้สึกว่าเรารู้สึกดีกับเค้าแล้วและก็คุยมาเรื่อย
บีเป็นผู้ชายที่ดีมาก ดีเหมือนแฟนเก่าเราเลย ครอบครัวอะไรทุกอย่างเรารู้สึกว่าเราเค้าเข้าใจเรา เข้าใจครอบครัวเราที่เป็นครอบครัวธรรมดา จะบอกก่อนว่าบี เป็นคนที่มีฐานะคนนึงถือว่ามีรวยมากเลยด้วยซ้ำ เวลาเค้าบินมากรุงเทพเค้าก็จะชอบซื้อของแบรนเนมมาให้เราตลอดโดยที่เราไม่เคยขอและเอ่ยปากเรารู้สึกสบายใจเวลาเราไปไหนมาไหนกับบีโดยที่ไม่ต้องอึดอัดเรื่องจ่ายตังค์ เวลาเราจะบินกลับ ตจว เค้าก็เปนคนซื้อตั๋วให้เราตลอดโดยที่เราไม่ได้ขอ มีบางครั้งซื้อให้พี่ชายเราด้วย แต่กลับเอเค้าไม่เคยเอ่ยปาก และเราเคยเอ่ยปากให้เอซื้อตั๋วให้เราเพราะเราไม่มีบัตรเครดิต พอซื้อให้เสร็จเราบินกลับกรุงเทพ เค้าบอกเราว่าทำไมตั๋วแพงจัง เรารู้สึกไม่ดีเลย ต่างกับบีมากๆ
ส่วนเรื่องที่เราไม่ชอบของบีก็คือเค้าจะชอบเหมือนบังคับเรานิดหน่อยว่าเมื่อไหร่จะทำงานดีๆทำงานออฟฟิตไหม ซึ่งเราไม่ชอบให้ใครมาบังคับ และอีกอย่างคือเค้าแค่กินอะไรไม่เหมือนเรา นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน นี่กินไม่ได้ นั่นกินไม่ได้ เราก็รู้สึกอึดอัดเวลาสั่งอาหาร กลัวเค้ากินไม่ได้ซื้อมาเสียตังแต่เค้าก็ไม่เคยบ่น แค่บางครั้งเราไปข้างนอกกับเค้าบางครั้งเรารู้สึกไม่เป็นตัวเอง ต่างกับเอที่เราเป็นตัวเองมากๆ
และอีกอย่างคือบีเค้าก็รู้ว่าเราคุยกับเอเค้าก็โกดแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ บีพยายามทำให้เราทุกอย่างเปลี่ยนตัวเอง จนเรารู้สึกว่าตอนนี้เค้าเปลี่ยนตัวเองเพื่อเราจริงๆเปลี่ยนเพื่อเราเค้าบอกว่าเค้าอยากชนะในเราอยากมีเราในอนาคตของเค้า เราก็โห !! มันขนาดนั้นเลยหรอ ซึ่งเอก็มีบ้างที่เค้าเปลี่ยนเพื่อเราแต่เค้าก็มีเหตุผลของเค้า
**สรุปคือ ผู้ชาย2คนนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เหมือนกันอย่างเดียวคือเค้าแคร์เราและรักเรามาก
เอเป็นผู้ชายที่เราคลิ๊กกัน อยู่ด้วยไปไหนแล้วสบายใจ..แต่ไม่สบายใจอย่างเดียวคือเรื่องเงิน และเราก็รู้สึกว่าเรารักเอมาก แคร์เอมากกว่าบี
บีเป็นผู้ชายที่เราอยู่ด้วยแล้วอึดอัดนิดหน่อย ในการใช้ชีวิตเพราะเค้าใช้ชีวิตหรูหราและเรารู้สึกว่าเราต่างกับเค้ามากเหลือเกิน ถึงเค้าพยายามจะทำตัวธรรมดาแล้วก็ตาม ผู้ชาย2คนนี้พูดเรื่องอนาคตกับเราตลอดจนเรารู้สึกว่าทำไมเราถึงเจอคนที่ดีตั้ง2คน
ในความคิดเราเราคิดว่าถ้าเราแต่งงานกับเอเราคงจะเข้ากันได้เรื่องครอบครัว เรื่องกิน และอะไรต่างๆยกเว้นเรื่องเงิน
แต่กับบี ถ้าเราแต่งงานกับบีเราคงแตกต่างกันมากเราจะเข้ากับครอบครัวเค้าได้ไหม เราจะใช้ชีวิตยังไงเรารู้สึกกลัวในการเลือกเพราะว่าเราพึ่งจะเลิกกับแฟนเราที่คบกันมากว่า10ปี เลิกกันมาได้ ปีนึง จนมาเจอ ผู้ชาย2คนนี้ รู้สึกกลัวการเป็นแฟน กลัวการเลือกผิด เลือกอีกคนเสียดายอีกคน
อยากจะถามความคิดเห็นผู้หญิงว่าเค้าจะเลือกใคร ส่วนผู้ชายด่าได้ตามสบายค่ะ รู้ตัวเองค่ะว่าเห็นแก่ตัวทุกอย่างจนตอนนี้รู้สึกว่าเราต้องเลือกแล้วแต่หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้
ป.ล. เรามีอะไรกับเอแล้ว แต่กับบียังไม่มี ( คิดว่าคงมีคนสงสัย)
จะทำยังไงเมื่อฉันลังเลกับหัวใจของฉันเอง ฉันควรเลือกใครดี?
เรื่องมีอยู่ว่าเราได้รู้จักผู้ชาย2คนซึ่งเรารู้สึกว่าเค้ารักและดีกับเรามากๆ
โอ้ลืมบอกว่าก่อนหน้านี้เราพึ่งเลิกกันกับแฟนที่คบหากันมานานมากกว่า10ปีแต่แล้วเราก็ไปไม่รอดเพราะความห่าง ตั้งแต่ฉันโตมาจนตอนนี้ฉันมีแฟนแค่คนเดียวจนถึงตอนนี้
บอกก่อนนะคะว่าผู้ชาย2คนนี้ไม่ใช่คนไทย เป็นผู้ชายในประเทศใกล้บ้านเรานี่แหละค่ะ กำลังจะจัดซีเกมส์อยู่
ตอนแรกเราได้รู้จักผู้ชายคนแรก (ขอแทนชื่อผู้ชายคนนี้ว่า เอ)เป็นคนมาจีบเราและทำดีกับเราอย่างเปิดเผย จนเพื่อนๆของเราก็บอกว่าเค้าเป็นคนดีและเทคแคร์เราดีมากซึ่งเราก็รู้สึกดีเช่นกัน เราก็ได้คุยกับเอทุกวันสอนภาษาไทยเค้าบ้าง จากที่เค้าพูดไทยได้น้อยมากจนตอนนี้เค้าพูดไทยเก่งมากแล้ว
และต่อมาอีกประมาน2เดือน เราก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนที่2 (ขอแทนชื่อว่าบี) คนนี้เรารู้จักกันเหมือนบังเอิญไม่ได้ตั้งใจจะรู้จักกันหรือตั้งใจจะมาคุยกันและบีก็ยังเป็นลูกครึ่งไทยกับ....อีกด้วย
**เราจะแยกแยะเอกับบีให้ฟังนะคะ
สำหรับเอ ในช่วงแรกเราคุยกันถูกคอมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องเรียบร้อยมาก ไม่ว่าจะเป็น เรอ ตด หรืออะไรก็ตาม เรารู้สึกว่าเอเป็นคนที่เข้าใจเรามาก ( โดยส่วนตัวเราแล้วเราเปนคนที่เอาแต่ใจและงี่เง่ามากตามประสา ผญ) เค้ายอมเราและทำให้เราทุกอย่างบินมาหาเราบ่อยๆที่เมืองไทยทุกเดือนและระยะเวลาก็ผ่านมาเกือบปี จนถึงตอนนี้เรารู้สึก เอ เค้าเยอะกับเรามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเชคโทรศัพท์ เชคทุกอณู เพราะเค้าถือสิทธิ์ว่าเอเป็นคนซื้อโทสับให้เราเค้ามีสิทธิ์เชคทุกอย่าง เค้าเริ่มเอาแต่ใจกับเรามากขึ้นทุกเรื่อง ทั้งๆที่ตอนแรกเราคิดว่าเค้าเปนคนไม่เอาแต่ใจเลย แต่ตอนนี้เค้าเยอะมากเชคว่าเราไปไหน ทำอะไร ไปทำงานจริงไหม ไปกับใคร เชคตลอดจนเราอึดอัด
และสิ่งที่เราไม่ชอบเอตั้งแต่แรกก็คือ เรื่องเราคุยเรื่องครอบครัวให้เค้าฟังว่าเราต้องดูแลครอบครัว เมื่อเราแต่งงานแล้วก็ยังต้องดูแลแม่ช่วยแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรืออะไรต่างๆ แต่เอกลับตอบเรามาแบบว่าเงิบ เอบอกว่า ดูแลทำไม ทำไมต้องดูแล ต้องส่งเสียแม่ไปตลอดชีวิตหรอ เรารู้สึกอึ้งและตกใจ และเราก็คิดว่าเค้าไม่ใช่คนไทยเค้าคิดไม่เหมือนเรา ต่อไปเราสอนเค้า เค้าคงจะเข้าใจ และอีกเรื่องที่เราไม่ชอบเค้าคือ เค้าจะชอบบ่นเวลาเราพาไปกินข้าวที่กรุงเทพหรือทำอะไรต่างๆในกรุงเทพ เค้าจะชอบบ่นว่าแพง ไม่อร่อยแล้วยังแพง เราได้ยินเราก็รู้สึกว่า เฮ้ย เราเป็นคนพาเค้าไปกินข้าวแต่พอจ่ายตังบอกแพง เราได้ยินแล้วเรารู้สึกไม่ดีเหมือนเราเป็นคนผิดที่พาเค้าไป ที่แนะนำเค้าไปร้านนี้ บางครั้งเรากลัวเค้ากินอาหารเหมือนเราไม่ได้เราจึงพาเค้าไปกินอาหารที่ดีและหลากหลายและมีเมนูภาษาอังกฤษให้เค้าอ่าน เราคิดแบบนี้. แล้วก็มี1วันที่เราทะเลาะกันจนเรามาคุยกันเรื่องนี้ว่าเราไม่ชอบให้เค้าพูด เราไม่อยากให้เค้าดูไม่ดีในสายตาเพื่อนเราหรือสายตาคนอื่นที่ได้ยิน แต่เค้าไม่เข้าใจเราและเถียงกับเรายกใหญ่จนเรายอม.. และเค้าจะชอบพูดกับเราว่าเค้าหาตังค์ได้เยอะกว่าเรา เราต้องเชื่อฟังเค้าทุกอย่าง ซึ่งจะบอกว่าเราก็ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเงินเค้าเลย. เค้าไม่ได้หยิบยื่นให้เราแต่อย่างใด เราก็ไม่เคยขอ
อีกเรื่องที่เราทะเลาะกันก็คือเอเชคโทรศัพท์เราซึ่งเค้าก็ไปเชคเจอ บี และเค้าโกรธเรามากว่าทำไมต้องคุยกันแบบนี้เราอธิบายให้เค้าฟังและเค้าก็ให้อภัยเราและยังคุยกันปกติ และทุกครั้งที่เค้าบินมาหาเราเค้าก็เห็นว่าเราคุยกับ บี ตลอดจนเค้าจะไม่ให้อภัยเราแล้วและด้วยความที่เค้ารักเรามากเราก็ยังคุยกันอยู่ ส่วนบีเรายอมรับว่าเราคุยแต่เรารู้สึกเฉยๆไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเค้าแต่เท่าที่คุยเราก็สัมผัสได้ว่าเค้าเปนคนดีและเทคแคร์เรามากเหมือนกันทุกครั้งที่บีบินมาไทยเราก็จะออกไปกินข้าวกับเค้าและเที่ยวดื่มนิดหน่อยแต่ทุกครั้งที่ไปก็ไปกับเพื่อนจนหลังๆมาเหมือนรู้สึกว่าเราเทคแคร์เรามากขึ้นเราคุยกันมากขึ้นเพราะเอไปทำงานที่ประเทศอื่นไม่ค่อยได้คุยกันประมาน1อาทิตย์ ในเวลา1อาทิตย์เราก็คุยกับบีทุกวันคุยจนเรารู้สึกว่าเรารู้สึกดีกับเค้าแล้วและก็คุยมาเรื่อย
บีเป็นผู้ชายที่ดีมาก ดีเหมือนแฟนเก่าเราเลย ครอบครัวอะไรทุกอย่างเรารู้สึกว่าเราเค้าเข้าใจเรา เข้าใจครอบครัวเราที่เป็นครอบครัวธรรมดา จะบอกก่อนว่าบี เป็นคนที่มีฐานะคนนึงถือว่ามีรวยมากเลยด้วยซ้ำ เวลาเค้าบินมากรุงเทพเค้าก็จะชอบซื้อของแบรนเนมมาให้เราตลอดโดยที่เราไม่เคยขอและเอ่ยปากเรารู้สึกสบายใจเวลาเราไปไหนมาไหนกับบีโดยที่ไม่ต้องอึดอัดเรื่องจ่ายตังค์ เวลาเราจะบินกลับ ตจว เค้าก็เปนคนซื้อตั๋วให้เราตลอดโดยที่เราไม่ได้ขอ มีบางครั้งซื้อให้พี่ชายเราด้วย แต่กลับเอเค้าไม่เคยเอ่ยปาก และเราเคยเอ่ยปากให้เอซื้อตั๋วให้เราเพราะเราไม่มีบัตรเครดิต พอซื้อให้เสร็จเราบินกลับกรุงเทพ เค้าบอกเราว่าทำไมตั๋วแพงจัง เรารู้สึกไม่ดีเลย ต่างกับบีมากๆ
ส่วนเรื่องที่เราไม่ชอบของบีก็คือเค้าจะชอบเหมือนบังคับเรานิดหน่อยว่าเมื่อไหร่จะทำงานดีๆทำงานออฟฟิตไหม ซึ่งเราไม่ชอบให้ใครมาบังคับ และอีกอย่างคือเค้าแค่กินอะไรไม่เหมือนเรา นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน นี่กินไม่ได้ นั่นกินไม่ได้ เราก็รู้สึกอึดอัดเวลาสั่งอาหาร กลัวเค้ากินไม่ได้ซื้อมาเสียตังแต่เค้าก็ไม่เคยบ่น แค่บางครั้งเราไปข้างนอกกับเค้าบางครั้งเรารู้สึกไม่เป็นตัวเอง ต่างกับเอที่เราเป็นตัวเองมากๆ
และอีกอย่างคือบีเค้าก็รู้ว่าเราคุยกับเอเค้าก็โกดแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ บีพยายามทำให้เราทุกอย่างเปลี่ยนตัวเอง จนเรารู้สึกว่าตอนนี้เค้าเปลี่ยนตัวเองเพื่อเราจริงๆเปลี่ยนเพื่อเราเค้าบอกว่าเค้าอยากชนะในเราอยากมีเราในอนาคตของเค้า เราก็โห !! มันขนาดนั้นเลยหรอ ซึ่งเอก็มีบ้างที่เค้าเปลี่ยนเพื่อเราแต่เค้าก็มีเหตุผลของเค้า
**สรุปคือ ผู้ชาย2คนนี้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เหมือนกันอย่างเดียวคือเค้าแคร์เราและรักเรามาก
เอเป็นผู้ชายที่เราคลิ๊กกัน อยู่ด้วยไปไหนแล้วสบายใจ..แต่ไม่สบายใจอย่างเดียวคือเรื่องเงิน และเราก็รู้สึกว่าเรารักเอมาก แคร์เอมากกว่าบี
บีเป็นผู้ชายที่เราอยู่ด้วยแล้วอึดอัดนิดหน่อย ในการใช้ชีวิตเพราะเค้าใช้ชีวิตหรูหราและเรารู้สึกว่าเราต่างกับเค้ามากเหลือเกิน ถึงเค้าพยายามจะทำตัวธรรมดาแล้วก็ตาม ผู้ชาย2คนนี้พูดเรื่องอนาคตกับเราตลอดจนเรารู้สึกว่าทำไมเราถึงเจอคนที่ดีตั้ง2คน
ในความคิดเราเราคิดว่าถ้าเราแต่งงานกับเอเราคงจะเข้ากันได้เรื่องครอบครัว เรื่องกิน และอะไรต่างๆยกเว้นเรื่องเงิน
แต่กับบี ถ้าเราแต่งงานกับบีเราคงแตกต่างกันมากเราจะเข้ากับครอบครัวเค้าได้ไหม เราจะใช้ชีวิตยังไงเรารู้สึกกลัวในการเลือกเพราะว่าเราพึ่งจะเลิกกับแฟนเราที่คบกันมากว่า10ปี เลิกกันมาได้ ปีนึง จนมาเจอ ผู้ชาย2คนนี้ รู้สึกกลัวการเป็นแฟน กลัวการเลือกผิด เลือกอีกคนเสียดายอีกคน
อยากจะถามความคิดเห็นผู้หญิงว่าเค้าจะเลือกใคร ส่วนผู้ชายด่าได้ตามสบายค่ะ รู้ตัวเองค่ะว่าเห็นแก่ตัวทุกอย่างจนตอนนี้รู้สึกว่าเราต้องเลือกแล้วแต่หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้
ป.ล. เรามีอะไรกับเอแล้ว แต่กับบียังไม่มี ( คิดว่าคงมีคนสงสัย)