ก็เหมือน อยากคลุมฮิญาบในโรงเรียนวัดนั่นแหละครับ เรียกร้อง ฟ้องร้องจนวุ่นวายไปหมด ทั้ง ๆ โรงเรียนปอเนาะ หรือมัสยิด กลับไม่ยอมไปเรียน
ประเด็นหลัก ๆ คือ ต้องการแผ่ขยาย ศาสนา ต้องการแสดงว่าตนเหนือกว่าใคร ๆ พอไปอยู่ในสังคมอื่น ๆ หากมีจำนวนที่มากพอก็จะเรียกร้องโน่น นี่ นั่น ที่เป็นอิสลาม .. หากไม่ได้ก็อ้างว่าโดนรังแก ทีนี้ละ หลักของศาสนา บอกว่า หากโดนรังแก ก็ให้สู้รบกันได้ ฆ่าคนอื่นได้โดยไม่บาป และได้บุญ ทำเพื่อศาสนา .. มันเป็นวัฏจักร แบบนี้แหละครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ๆ ก็มักได้ยินว่า อิสลามถูกรังแก

อยากรู้ก็ไปอ่านอัลกุรอ่าน
ถ้าเคยอ่านแล้วก็จะรู้ว่าทำไมมุสลิมเขาเป็นอย่างนั้น
พื้นฐานเลย คือ เขามองศาสนิกอื่น ๆ เป็นคนบาป เป็นคนที่พระเจ้าไม่โปรดปราน เมือถึงวันพิพากษามีนรกเปนที่ไปอย่างเที่ยงแท้
และอะไร ๆ ๆ บนโลกนี้รวมทั้งเขาด้วย เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด (ไม่มีอะไรเป็นปัจเจก)
ดังนั้น จากพื้นฐานความคิดนี้
      - ความลำบากของเขา คือ การทดสอบของพระผู้เป็นเจ้า
      - การได้รับความช่วยเหลือ ก็เป็นความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งก็หมายถึงว่าพวกเขาเป็นชนสะอาดบริสุทธิ์เผ่าพันธุ์สูงส่ง ส่วนพวกที่มาช่วยนี่ก็แค่มาตามกฤษฎาภินิหารของพระผู้เป็นเจ้า (หมายถึงว่ าพวกแกก็แค่คนรับใช้ของฉัน)
       - รูปเคารพ สิ่งเคารพอื่นใด กระทั่งงานศิลปะที่เป็นรูปคนสัตว์ สิ่งของ นั้น คนที่ทำขึ้น คือ พวกที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า ทำตัวเป็นภาคีเท่าเทียมพระเจ้า (เพราะสร้างสรรพสิ่งขึ้นมา) เป็นความผิดสูงสุด สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจะต้องถูกทำลายทิ้งเพราะมุสลิมทนอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ มันทุกข์ทรมานสุดขีด)
*****ทีนี้พากันเข้าใจสักเล็กน้อยหรือยัง***** ใครจะทำอะไรโลกสวยกะมุสลิม เอาเป็นขอบเขตให้อยู่ด้วยกันได้ แค่นั้นพอ ป้องกันอย่าให้เขาลามปาม  ก็ไปอ่านอัลกุรอ่านก่อน แล้วก็ห่วงลูกหลานในอนาคต
บรรพบุรุาก็บอกแล้ว งู ก็แค่งู อยู่ไปแบบงู คนไม่ต้องมาเป็นงูด้วยหรอก แต่แขกอยู่แล้วคนอื่น ๆ ต้องเป็นแขกทั้งหมด ตราบใดที่ยังไม่เป็นแขกทั้งหมด ก็ไม่มีสันติ