เชื่อมั้ย การที่คนเราจะทำอะไรสักอย่าง แบบมีไฟขึ้นมาปุ๊บ
สิ่งนึงที่ทำให้หมดไฟคือ คำวิจารณ์ คำเสนอแนะ คำปรึกษา
การที่เรามีไอเดียไรสักอย่างแล้ว ฮึดขึ้นมา ไฟมาแล้ว
โทรไปปรึกษา หรือ ขอไอเดียใครซักคน อาจจะเป็นเพื่อน พี่น้อง ญาติ หรืออะไรก็ตาม
อย่าลืม คนเราความคิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บางคนอคติไม่เห็นด้วย บางคนกลางๆเฉยๆ บางคนเห็นด้วย
แต่ส่วนมากเวลามีความคิดแหล่มเป็ดหรือไอเดียนอกกรอบอะไรสักอย่าง โทรไปคุยด้วยส่วนใหญ่จะเจอการ"ฉุด" ไม่ให้ทำ คำพูดเช่นว่า มันไม่น่าจะดีน้า ไม่น่าจะเข้าท่า แบบนี้ดีกว่า หลายคนพยายามจะดึงเข้ามาหากรอบที่ตัวเองตั้งธงไว้ เมื่อเราคิดจะหลุดกรอบ แค่คำพูดที่ดึง รั้ง อย่าเลย ไม่ดี ไม่เฟี้ยว เสียปล่าว หรือแม้แต่คำว่า ลองคิดดูใหม่ มันเป็นการฉุดแบบ ตอนแรกมีไฟและ พอโดนวิจารย์จากคนนู้นคนนี้ ฮึบ ฮึบ เร่งไม่ขึ้น ไฟหมดและ สรุปคือไม่ได้เริ่มทำ ตอนแรกผมใช้วิธีช่างแม่มจะทำซะอย่าง แต่เชื่อเถอะ คำพูดเหล่านั้นต้องเข้ามา สุดท้ายไฟไม่พอ ก็ต้องล้มเลิกไป
จริงๆถ้ามีไฟปุ๊บ คิดว่าดีแล้วทำเลย ปรึกษาใคร ไม่ต้อง ซุ่มทำให้เสร็จ ออกมาเป็นชิ้นงาน เรื่องจริงยิ่งกว่าจริง คนอื่นจะชื่นชมที่ผลงาน ชิ้นงาน มากกว่าไอเดียที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง อย่างเช่น เพื่อนผม เขาทำอาชีพนึง ที่ค่อนข้างนอกกรอบ ถ้าตอนเขายังไม่เริ่มทำมีแค่ไอเดีย แล้วเขาถามคนนู้นคนนี้ว่าทำดีมั้ย จนบัดนี้เขาอาจไม่ได้ทำ เขาเลยไม่ปรึกษาใคร เขาทำเองซุ่มทำผลงานจนออกมาเป็นชิ้น ผมดูวิธีการเค้า คือเขาทำๆๆๆ ผลงาน ผมรู้และ ทำไมเขาทำสำเร็จ เขาไม่ให้อะไรมาเบนความตั้งใจเขา คำพูดนี่แหละตัวเบนที่ทำให้ไขว้เขวเลย มันทำให้หมดไฟเอาดื้อๆ
ช่วงหลังผมเลยเอามั้ง จะทำอะไร จากสมัยก่อนโทรถามคนนู้นคนนี้ เดี๋ยวนี้ คำแนะนำใช่มั้ย คำวิจารณ์อะไร ไม่ต้อง ไม่จำเป็น แล้วถ้าทำพลาด ทำเสีย ไม่สำเร็จขึ้นมาล่ะ เจ๊งขึ้นมาทำไง ช่างแม่ม ทำเสียก็เสียไปสิ อย่างน้อยก็ได้ลองทำ ไม่ลองทำจะรู้ได้ยังไงว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คิดไอเดียมา ไฟมา อยากลองทำใช่มั้ย ทำเลย ไฟมาต้องทำ มัวแต่คิด มัวแต่ถามคนอื่น พอถามปุ๊บเจอคำพูดที่ทำให้ไฟมอดปั๊บก็ไม่ได้ทำซักที ทำโดยไม่ถามใคร ซุ่มทำนี่แหละดีสุด เวิร์ค
ปล.ผมซุ่มทำอะไรอย่างนึงมานานแล้ว แต่ไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะผมรู้จะเจอคำวิจารณ์สารพัด ตอนนี้ทำมาครึ่งโปรเจคแล้ว และมั่นใจมันว่าเป็นงานขายไอเดียที่ขายได้ เพราะผมรู้ว่าถ้าปรึกษาใครไป ถามใครไปจะเจอคำตอบมาลักษณะไหนยังไง งั้นไม่ถามดีกว่า ซุ่มทำไปไม่ให้ใครรู้ เพราะคำวิจารณ์คนหรือที่เรียกว่าคำแนะนำ จะเป็นการติซะส่วนมาก การติ การปรามาสเนี่ยแหละ ต่อให้ไฟแรงแค่ไหน ถ้าไม่เข้มแข็งพอ หมดไฟเอาดื้อๆ แต่ผมรู้ข้อนี้นะเลยไม่ทำกับคนอื่น ก็ยังมีน้องมีเพื่อนบางคนโทรถามผม ขอทำแนะนำอยากทำนู่นทำนี่ ผมบอกคำเดียว ทำเลย ทำสิ นายทำได้ ไม่ลองไม่รู้ ผมจะไม่ติไอเดียเขา ไม่ห้ามเขา ไม่ขวางเขา แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมส่วนมากไม่ใช่นะ เป็นคนอื่นทั่วๆไป ถาม ทำอย่างงี้ดีหรือปล่าว คุณจะโดนคำติ คำวิจารณ์ต่างๆนาๆ คุณจะโดนดูดพลังไฟจากคำพูดคน จากดูดไฟไปเล็กน้อยจนถึงไฟหมด Game Over เลยทีเดียว ต่อให้มีใบก็ชุบไม่ฟื้น
ปล.2 ใช้ได้กับทุกเรื่องนะ เช่น คุณชอบสาวคนนึง แล้วไปถามเพื่อน ถ้าเพื่อนสนับสนุน เช่น ลุยเลย เอาเลย คุณก็ได้ทำ แต่ถ้าเจอเป็นคำวิจารณ์ล่ะ เช่น เธอรวยนะ อย่าริเด็ดดอกฟ้าเลย โอ้ย หนุ่มตอมหึ่งมีแฟนแล้วแหละ ทำพูดเช่นนี้มันทำให้เราเดินหรือถอยล่ะ ส่วนมากถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ถอยทุกราย
หรือ คุณจะทำธุรกิจ อยากขายของ ปรึกษาได้คำตอบว่า ขายยาก ขายไปเดี๋ยวก็เจ๊ง หรือ บางคนเจอคำพูดขวางลำต่างๆนานา สุดท้ายมีไฟแค่ไหนก็ฮึดไม่ขึ้น ทำอะไรทุกอย่างสมหวังกับผิดหวังมันมาคู่กัน 50/50 ผมยังเชื่อว่า ไม่สำเร็จ ล้มเหลว ดีกว่าไม่ได้ทำ
1.คิดอะไรได้ คิดว่าดีทำเลย ไม่ต้องถามใคร 2.คิดแล้วทำ ทำไม่สำเร็จ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไอเดีย ความตั้งใจเราหายไปกับสายลมโดยคำพูดคน
ถ้าเรามีไฟขึ้นมา อยากทำอะไรสักอย่าง อยากทำให้สำเร็จ ทำเลยอย่าถามคนอื่น ถ้างั้นอาจหมดไฟ
สิ่งนึงที่ทำให้หมดไฟคือ คำวิจารณ์ คำเสนอแนะ คำปรึกษา
การที่เรามีไอเดียไรสักอย่างแล้ว ฮึดขึ้นมา ไฟมาแล้ว
โทรไปปรึกษา หรือ ขอไอเดียใครซักคน อาจจะเป็นเพื่อน พี่น้อง ญาติ หรืออะไรก็ตาม
อย่าลืม คนเราความคิดไม่เหมือนกันทั้งหมด บางคนอคติไม่เห็นด้วย บางคนกลางๆเฉยๆ บางคนเห็นด้วย
แต่ส่วนมากเวลามีความคิดแหล่มเป็ดหรือไอเดียนอกกรอบอะไรสักอย่าง โทรไปคุยด้วยส่วนใหญ่จะเจอการ"ฉุด" ไม่ให้ทำ คำพูดเช่นว่า มันไม่น่าจะดีน้า ไม่น่าจะเข้าท่า แบบนี้ดีกว่า หลายคนพยายามจะดึงเข้ามาหากรอบที่ตัวเองตั้งธงไว้ เมื่อเราคิดจะหลุดกรอบ แค่คำพูดที่ดึง รั้ง อย่าเลย ไม่ดี ไม่เฟี้ยว เสียปล่าว หรือแม้แต่คำว่า ลองคิดดูใหม่ มันเป็นการฉุดแบบ ตอนแรกมีไฟและ พอโดนวิจารย์จากคนนู้นคนนี้ ฮึบ ฮึบ เร่งไม่ขึ้น ไฟหมดและ สรุปคือไม่ได้เริ่มทำ ตอนแรกผมใช้วิธีช่างแม่มจะทำซะอย่าง แต่เชื่อเถอะ คำพูดเหล่านั้นต้องเข้ามา สุดท้ายไฟไม่พอ ก็ต้องล้มเลิกไป
จริงๆถ้ามีไฟปุ๊บ คิดว่าดีแล้วทำเลย ปรึกษาใคร ไม่ต้อง ซุ่มทำให้เสร็จ ออกมาเป็นชิ้นงาน เรื่องจริงยิ่งกว่าจริง คนอื่นจะชื่นชมที่ผลงาน ชิ้นงาน มากกว่าไอเดียที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง อย่างเช่น เพื่อนผม เขาทำอาชีพนึง ที่ค่อนข้างนอกกรอบ ถ้าตอนเขายังไม่เริ่มทำมีแค่ไอเดีย แล้วเขาถามคนนู้นคนนี้ว่าทำดีมั้ย จนบัดนี้เขาอาจไม่ได้ทำ เขาเลยไม่ปรึกษาใคร เขาทำเองซุ่มทำผลงานจนออกมาเป็นชิ้น ผมดูวิธีการเค้า คือเขาทำๆๆๆ ผลงาน ผมรู้และ ทำไมเขาทำสำเร็จ เขาไม่ให้อะไรมาเบนความตั้งใจเขา คำพูดนี่แหละตัวเบนที่ทำให้ไขว้เขวเลย มันทำให้หมดไฟเอาดื้อๆ
ช่วงหลังผมเลยเอามั้ง จะทำอะไร จากสมัยก่อนโทรถามคนนู้นคนนี้ เดี๋ยวนี้ คำแนะนำใช่มั้ย คำวิจารณ์อะไร ไม่ต้อง ไม่จำเป็น แล้วถ้าทำพลาด ทำเสีย ไม่สำเร็จขึ้นมาล่ะ เจ๊งขึ้นมาทำไง ช่างแม่ม ทำเสียก็เสียไปสิ อย่างน้อยก็ได้ลองทำ ไม่ลองทำจะรู้ได้ยังไงว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คิดไอเดียมา ไฟมา อยากลองทำใช่มั้ย ทำเลย ไฟมาต้องทำ มัวแต่คิด มัวแต่ถามคนอื่น พอถามปุ๊บเจอคำพูดที่ทำให้ไฟมอดปั๊บก็ไม่ได้ทำซักที ทำโดยไม่ถามใคร ซุ่มทำนี่แหละดีสุด เวิร์ค
ปล.ผมซุ่มทำอะไรอย่างนึงมานานแล้ว แต่ไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะผมรู้จะเจอคำวิจารณ์สารพัด ตอนนี้ทำมาครึ่งโปรเจคแล้ว และมั่นใจมันว่าเป็นงานขายไอเดียที่ขายได้ เพราะผมรู้ว่าถ้าปรึกษาใครไป ถามใครไปจะเจอคำตอบมาลักษณะไหนยังไง งั้นไม่ถามดีกว่า ซุ่มทำไปไม่ให้ใครรู้ เพราะคำวิจารณ์คนหรือที่เรียกว่าคำแนะนำ จะเป็นการติซะส่วนมาก การติ การปรามาสเนี่ยแหละ ต่อให้ไฟแรงแค่ไหน ถ้าไม่เข้มแข็งพอ หมดไฟเอาดื้อๆ แต่ผมรู้ข้อนี้นะเลยไม่ทำกับคนอื่น ก็ยังมีน้องมีเพื่อนบางคนโทรถามผม ขอทำแนะนำอยากทำนู่นทำนี่ ผมบอกคำเดียว ทำเลย ทำสิ นายทำได้ ไม่ลองไม่รู้ ผมจะไม่ติไอเดียเขา ไม่ห้ามเขา ไม่ขวางเขา แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมส่วนมากไม่ใช่นะ เป็นคนอื่นทั่วๆไป ถาม ทำอย่างงี้ดีหรือปล่าว คุณจะโดนคำติ คำวิจารณ์ต่างๆนาๆ คุณจะโดนดูดพลังไฟจากคำพูดคน จากดูดไฟไปเล็กน้อยจนถึงไฟหมด Game Over เลยทีเดียว ต่อให้มีใบก็ชุบไม่ฟื้น
ปล.2 ใช้ได้กับทุกเรื่องนะ เช่น คุณชอบสาวคนนึง แล้วไปถามเพื่อน ถ้าเพื่อนสนับสนุน เช่น ลุยเลย เอาเลย คุณก็ได้ทำ แต่ถ้าเจอเป็นคำวิจารณ์ล่ะ เช่น เธอรวยนะ อย่าริเด็ดดอกฟ้าเลย โอ้ย หนุ่มตอมหึ่งมีแฟนแล้วแหละ ทำพูดเช่นนี้มันทำให้เราเดินหรือถอยล่ะ ส่วนมากถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ถอยทุกราย
หรือ คุณจะทำธุรกิจ อยากขายของ ปรึกษาได้คำตอบว่า ขายยาก ขายไปเดี๋ยวก็เจ๊ง หรือ บางคนเจอคำพูดขวางลำต่างๆนานา สุดท้ายมีไฟแค่ไหนก็ฮึดไม่ขึ้น ทำอะไรทุกอย่างสมหวังกับผิดหวังมันมาคู่กัน 50/50 ผมยังเชื่อว่า ไม่สำเร็จ ล้มเหลว ดีกว่าไม่ได้ทำ
1.คิดอะไรได้ คิดว่าดีทำเลย ไม่ต้องถามใคร 2.คิดแล้วทำ ทำไม่สำเร็จ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไอเดีย ความตั้งใจเราหายไปกับสายลมโดยคำพูดคน