กรุณาสอนวิธีจีบผู้ชายให้ทีค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 74
มาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ เราก็หญึ่งหนึ่งที่มีลุคห้าว ดูแลตัวเองได้ และเราก็มีสามีด้วยฝีมือการจีบของเราเอง จุ๊บๆ

มะ เราจะเรื่องเราให้ฟัง

ตอนเราจีบสามีอ่ะ เราใช้คำว่าหน้าด้านเข้าสู้ค่ะ
ไม่ใช่ว่าอ่อยให้ท่า แก้ผ้า ทุบหัว มอมเหล้าแล้วลากเข้าห้องนะคะ (ในใจคิด แต่มิกล้ากระทำ)
เราเป็นผู้หญิงห้าวมาก แต่งตัวไม่เป็น แต่เพื่อชายที่ชอบเราแปลงร่างได้นะ แต่ก็ได้แค่นั้นแหล่ะ Facepalm
เราอาศัยว่ากล้าทักเขาก่อน กล้าโทรไปหาเขาก่อน ส่งข้อความ ส่งขนม
ชวนคุย แต่ก็ตั้งลิมิตว่าถ้าเกินกว่านี้แล้วเขาไม่โอกะเรา เขารำคาญเรา เราจะหยุด
ลิมิตเราคือสามเดือน คือ..นางมิอะไรกะเราเลยค่ะ รำคาญเรามาก ด่าเราด้วย เหมือนเราไปวุ่นวายกับชีวิตเขาอมยิ้ม08
เราเลยเลิกตื้อ เลิกตาม เจอหน้ากันก็หลบ ความอายไม่รู้มาจากไหน ไม่กล้ามองเขาเลย
ไม่โทรหา ไม่อะไรสักอย่าง เบื้องหลังนี่คือเกือบตายนะคะ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร รักมาก คลั่งมาก
นั่งฟังเพลงอกหัก แม่มมม โคตรอิน
แต่...........แต่ แต่หลังจากนั้นอีกสองเดือนได้เรื่องเลยน๊าอมยิ้ม07
พูดไปเหมือนนิยายน้ำเน่า เขาแชทมาหาเราก่อน ทักก่อน เหมือนลองๆถาม แกเป็นไรมากป่ะ หายไปไหนวะ
เราก็ผู้หญิงแมนๆคนหนึ่ง ก็ตอบว่า เออ ไม่เป็นไร  ฉันยังอยู่ได้  ฉันยังไม่ตาย อย่ามาห่วงเลย แล้วก็พยายามเลิกคุย แต่มันไม่หยุด
เพื่อนๆบอกมันพยายามจะจีบเรากลับ ไปๆมาๆ แต่งงานกันละ
ตอนงานแต่งงานมีคนถามว่ารักกันได้ไง หันมามองหน้ากันแล้วได้แต่เกาหัวเราะ

ตอนนี้ยังคิดเลยถ้าเราไม่ลองลุยเข้าไปก่อน ไม่เสี่ยงก่อน เราจะได้มันมาไหม ถ้าเรามัวแต่อาย บางเราอาจจะต้องรอให้ใครสักคนมาเลือก
แต่ถ้าเรากล้าขึ้นมาสักนิด อย่างน้อยๆเราก็ได้ลองใช้เสน่ห์พิชิตใจผู้ชายที่เราเลือกเองกับมือนะคะ

สู้ๆนะคะ ดอกไม้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 78
ตอบยากมาก และตอบไม่ได้ว่าผู้ชายแต่ละคนชอบอะไรแบบไหน

จริงๆ ไม่ต้องใช้คำว่า ผู้หญิง ผู้ชาย ด้วยซ้ำ เพราะ "คน" เราร้อยพ่อพันแม่ แตกต่างกันมากมาย


ผมจะขอเล่าในมุมของผู้ชายขี้อาย ที่มีแฟนแต่ละคน (2 คน) ก็มาจากการโดนจีบทั้งหมด

แฟนคนแรกเป็นเพื่อน เค้าก็ห้าวๆ ฮาๆ แมนๆ หน่อย ผมก็จะเจี๋ยมเจี้ยม โดนเพื่อนๆ หญิงแกล้งประจำ ตรงนี้ง่ายหน่อยตรงที่เป็นเพื่อนกันก่อน ถึงผมจะขี้อาย แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกันมันเลยสบายๆ แต่ผมเองต้องปรับตัวเยอะ เพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ก็ไม่รู้อันไหนมากไปน้อยไป ตอนนั้นอดีตแฟนผมเค้าเคยมีแฟนมาแล้ว มีประสบการณ์ ผมเยอะไป ขี้หึงบ้างอะไรบ้าง สุดท้ายก็เลิกกันหลังคบแค่ 3 เดือน

แล้วก็กลับมาคบกันใหม่ รวดเดียว 7 ปี

ผมจะไม่เล่าว่าทำไมเลิกกันแล้วกัน เพราะไม่น่าจะเกี่ยว เรื่องการเป็นแฟนกัน ความสนิทคุ้นเคยทำให้อะไรๆ ง่าย และผมก็มีความสุขมากถึงแม้ผมจะไม่ได้เริ่มชอบเค้าก่อน



สำหรับมุมมองของผมเองนะ "คนที่ใช่" อาจไม่ได้มีแค่ 1 คนในโลก มันเหมือน เราส่องกระจกมองดูตัวเองแล้วให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ ดูด้านดีด้านเสียของตัวเอง แล้วก็มองหาคนที่ไล่เลี่ยกัน มากกว่าน้อยกว่าไม่ว่ากัน (มาตรฐานไม่สูง)

ด้วยเพราะเหตุนี้ มันเลยดูเหมือน "ไม่เลือก" (บางทีเพื่อนชอบแซว) แต่เพราะจริงๆ แล้วเราไม่คิดว่าความแตกต่างในแต่ละบุคคลเป็น "ข้อเสีย" แต่แค่มองว่ามันแตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน อะไรแบบนั้น

จะสูงต่ำดำขาว หน้าตาโทนไหนแบบไหน ผมก็โอเคแทบจะทั้งหมดเลย มันก็มีบ้างที่แบบว่าไม่สเปค แต่รวมๆ แล้วน้อยมาก

ไม่เคยมานั่งคิดว่าตาแบบนั้น จมูกแบบนี้ สีผิวแบบนั้น น้ำหนักเท่านี้ ได้หมด


ถึงได้บอก ว่าเพราะเหตุนี้ "คนที่ใช่" มันเลยเป็นคำนิยามที่กว้าง

พอลงมาที่นิสัย เราก็คิดไปเองว่ามุมมองหรือความคิดบางเรื่องน่าจะเป็นสากล เป็น common sense แต่อย่างว่า ร้อยพ่อพันแม่ บางทีก็เจอคนที่ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ คุยแล้วมีตั้งแต่ระดับแค่นั่งฟังเฉยๆ แบบไม่อิน ไปยันรับไม่ได้และไม่อยากคุยด้วย ก็มี (แต่น้อยมาก)


หลักๆ คนเราก็เริ่มจากสเกลกว้างๆ ก่อน เป็นคนอย่างไร มั่นใจในตัวเองสูง เห็นแก่ตัว self-centered หรืออะไรรึปล่าว พวกนี้จะเป็นอันแรกที่ผมกลัวมาก ไม่ชอบคนแบบนี้ (ซึ่งจริงๆ ก็เจอเนืองๆ นะ จากผู้หญิง)

คือ มันจะเริ่มจากสิ่งที่เราเป็นก่อน แล้วก็พยายามมองหาข้อนั้นในตัวอีกฝ่าย เช่นว่า ถ้าผมชอบถ่อมตัว ผมก็ย่อมไม่ชอบคนที่หลงตัวเอง อะไรแบบนี้


เรื่องหลักกับเรื่องรองของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกันแหละนะ อย่างบางคนเรื่องหลักอาจอยากดูว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับอนาคต การสร้างเนื้อสร้างตัว อะไรแบบนี้

ซึ่งอย่างผม ผมก็จะดูก่อนเลยว่าคนนั้นเป็นคนมีจิตใจเป็นยังไง จิตใจดี โอบอ้อมอารี รักครอบครัว รักสัตว์ มองโลกในแง่ดี อะไรแบบนี้ เราก็จะชอบไประดับนึงละ แล้วก็มาดูเรื่องการใช้ชีวิต ติดหรูรึปล่าว materialistic รึปล่าว ใช้เงินอย่างไร ทำงานอย่างไร มองอนาคตอย่างไร

คนรักกัน คือการโตไปด้วยกัน ไม่ใช่มองหาต้นไม้ที่แข็งแรงให้เราพึ่งพิงได้




เรื่อง Sex

ผมและเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ๆ เปิดกว้างและเฉยๆ กับเรื่องเซ็กส์ มองเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่เคยคิดว่า sex จะ devalue คน

ว่าก็ว่า sex เป็นหนึ่งในสัญชาติพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ซึ่งมันใหญ่กว่าแนวคิดของเผ่าพันธ์มนุษย์เสียอีก ไม่ว่า เชื้อชาติ, ศาสนา, วัฒนธรรม ฯลฯ พวกนี้มาที่หลังสัญชาติพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต กิน อยู่ หลับนอน เอาตัวรอด สืบพันธ์ ฯลฯ

มันคงคล้ายๆ ที่ ฮิตเลอร์ คิดว่าเผ่าพันธ์อารยันของตัวเองดีที่สุดในโลก, บางศาสนา/ลัทธิ ยกย่องตัวเองและลดค่าคนอื่น

ผมก็คิดว่าตลก ที่มนุษย์เผ่าพันธ์เดียวเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และเริ่มอยู่เหนือธรรมชาติ กระทั่งต่อต้านหรือตัดสินธรรมชาติ

Sex และการมีคู่เป็นของคู่กัน ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวคนกระทำ มันเป็นแค่เครื่องมือ เหมือนปืนอยู่ในมือตำรวจกับโจรย่อมส่งผลต่างกัน


และผมไม่ใช่แค่คิด แต่พิสูจน์และรับไว้ด้วยตัวเอง แฟนคนแรกของผม เค้าเป็นคนแรกของผม แต่ตัวเค้าเองเคยมีแฟนมาเยอะ และยังเคยทำแท้งมาด้วย แต่ผมก็ไม่เคยมองว่าเค้าแย่กว่าคนอื่น สำคัญที่ทัศนคติ ในเมื่อเค้าเองมองกลับไปแล้วยอมรับว่ามันคือสิ่งไม่ดี ไม่ถูกไม่ควร ผมก็จบ

สำคัญ ที่ความคิด

แฟนคนที่สอง ถึงไม่เคยไปทำแท้ง แต่ด้วยอายุแตะหลักเลข 3 (พอกัน) เค้าก็ย่อมมีแฟนมาพอสมควร ซึ่งเค้าเป็นแค่คนที่สองของผม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเช่นกัน


มันคงตลกดี ที่ผู้ชายมีความรัก ต้องการมี sex มันรู้สึกดี แบบที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "make love" เราอยากให้แฟนซึ่งก็คือผู้หญิงรู้สึกดีด้วย

แต่ผู้ชายกลับจะมองว่าผู้หญิงที่มี sex เป็นเรื่องไม่ดี มันไม่ดูลักลั่น ยอกย้อนไปหน่อยรึปล่าว?


โดยสรุปแล้วก็อย่างที่จั่วไปแล้วในหัวข้อนี้ sex เป็นสัญชาติพื้นฐานที่เก่าแก่พอๆ กับการมีสิ่งมีชีวิต และมันทำให้เราขยายพันธ์กันจนได้มานั่งเถียงกันผ่านอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ ผมจึงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ใครทั้งสิ้น ด้อยคุณค่าลง เลย แม้ แต่ น้อย





เขียนมาเสียยาว เหมือนไม่เกี่ยว แต่จริงๆ ประเด็นอยู่ที่ว่า

"คนจีบเป็นคนเลือก คนถูกจีบเป็นคนถูกเลือก" จริงรึปล่าว?

สำหรับผม อารมณ์แฟน พูดแย่ๆ ก็คือมันเป็นได้หลายคน มันไม่จำเป็นต้องเป็นคนๆ เดียวใน 6-7 พันกว่าล้านคนบนโลก เพราะตามข้างบนทั้งหมด มันคือการแมตช์ การจับคู่ ซึ่ง ก็อยู่ที่แต่ละคนอีกล่ะว่าจะเข้มงวดแค่ไหน ต้องตรงเป๊ะตามสเปคเลยมั้ย หรือปรับลดหย่อนกันได้

มันก็สะท้อนตามนิสัยของแต่ละคนนั่นล่ะนะ

ผมเอง ถึงแม้ไม่ได้จีบใครเลย โดนจีบเป็นแฟนอย่างเดียว แต่ก็ดูคุณสมบัติของอีกฝ่าย ว่าใกล้เคียงกับที่เราชอบมั้ย มากน้อยแค่ไหน มีอะไรที่รับไม่ได้เลยมั้ย

และในเมื่อมัน base on คุณสมบัติเหล่านั้น จึงแน่นอนว่ามันย่อมมีคนที่เป็นไปได้มากมายมหาศาล



สิ่งที่ทำให้คนมากมายมหาศาลที่มีคุณสมบัติตรงกันนั้น กลายเป็น "1 เดียวในจักรวาล" คือ ความผูกพันธ์ คือความสัมพันธ์ที่สร้างด้วยกัน คือความทรงจำ พูดอะไร ดูอะไร ไปไหนกินอะไรทำอะไรด้วยกัน แบบนี้ แล้วถึงจุดๆ หนึ่งนั่นเองที่เค้าจะกลายเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครแทนที่ได้

คนที่ผมเคยได้แอบรัก แฟนที่เคยได้รัก ก็มีที่ของเค้าในความทรงจำ ในหัวใจผมเสมอ ครั้งนึงอะไรสักอย่างพาเรามาพบกัน และได้มีความสุขมากๆ ด้วยกัน เมื่อมันจบไปก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งเลวร้าย แค่ทำที่ทำทางที่เหมาะสมให้มันอยู่ ไม่ปะปนกับปัจจุบันก็พอ





อยากจะบอกว่า ขอบคุณผู้หญิงทุกคนที่ make the first move

ขอบคุณที่คุณกล้าแรด 55555555

ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตผู้ชายบางคนแบบพวกเรา

ถ้าไม่มีพวกคุณ คงจะมีผู้ชายอีกมากที่แตะหลัก 30 แล้วคงยังต้องนั่งใส่แว่นเล่นเกมหน้าทีวี/คอมพ์



ป.ล. การดื่มเป็นสิ่งไม่ค่อยดี แต่ถ้าคนใช้ (ซึ่งคือเรา) ควบคุมมันได้ก็โอเค ที่พูดเพราะว่าเวลาได้ดื่มกับผู้หญิง(ผู้ชายก็ด้วยล่ะนะ)แล้วเหมือนเดินทางลัด รู้จักตัวตนของกันและกันได้เร็วขึ้นมาก แทบจะพูดได้ว่าส่อนิสัยออกมา

แฟนคนที่สอง เจอกันตอนไปดื่มกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่อ็อฟฟิศ เค้ามาขอไลน์ผม คบกัน ไปเที่ยวกันรัวๆ ยังไม่ทันจะเต็ม 1 เดือนดี ก็มีอะไรกัน ฟังดูแรง แต่ตอนนั้นหลังจากนั้นมาก็แฮปปี้มาก และยังเคยบอกเค้าบ่อยๆ ว่าขอบคุณที่เตงแรด ที่เข้ามาในชีวิตเค้า 555555

จริงๆ หลังจากเจอกันครั้งแรกแล้ว นอกจากไปดินเนอร์ปกติแล้วก็ชวนไปดื่มสลับๆ กันด้วย บ่อยอยู่ เพราะมีความสุข ไปแล้วคุยกันเป็นคุ้งเป็นแคว คุยแป๊ปเดียวรู้จักเหมือนคบกันมาเป็นปี

ไม่เคยต้องหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเลย

เค้าก็ดื่มแบบพวกสาวๆ นั่นแหละ พวก Hoegaarden Rose หรืออะไรเบาๆ แบบนี้ ไม่ใช่คนดื่มอะไรอยู่แล้ว ผมเองปกติก็ดื่มตามสังคม พอคุยกันเยอะแล้วก็ปาร์ตี้กันน้อยลง ไปหาทำกิจกรรมอะไรอย่างอื่น ไปเที่ยว ดูหนัง ซื้อบลูเรย์มานอนดู อะไรแบบนี้



คนเราคุยในไลน์ในเฟซมันไม่เหมือนตัวจริง หากอยากพัฒนาความสัมพันธ์ ต้องได้คุยกันเยอะๆ ๆ ๆ ซึ่งมันควรจะมาจากการทำกิจกรรมร่วมกัน อาจจะกินข้าว ไปเที่ยว หรืออะไรสักอย่าง (เพียงแต่ว่าด้วยวิถีชีวิตและเวลาจำกัด สมัยนี้หลายๆ คนก็เลยไปดริ้งค์กันพอสมควร)

ขอให้โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 38
ผู้ชายวัยผ่านโรคมามากเขาไม่แคร์เรื่องสวยไม่สวยมากแล้ว เขาชอบคนที่ใช่
เป็นตัวของตัวเอง อย่าฝืนเรียบร้อยเกินเหตุ ยิ้มตามธรรมชาติ หัวเราะแบบธรรมชาติ อย่าเกร็ง อย่าหวังมาก เขาดูออก
คิดว่าอยากเป็นเพื่อนสนิทก็พอ อย่าเอาตัวเข้าแลก เป็นธรรมชาติของเราให้มากที่สุดเขาจะตัดสินใจเองว่าใช่หรือไม่ใช่
ถ้าไม่ใช่ก็ได้เพื่อนสนิทเพิ่ม

ขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่