ชีวิตฝึกงานในช่วงปิดเทอมของหนูและใครอีกหลายๆคน

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะทุกคนที่หลงเค้ามาอ่านกระทู้แรกของเด็กคนนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

จขกท. เรียนปวช.3ค่ะ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คือการเรียนแผนกบริหารธุรกิจเนี่ย เราต้องฝึกงานตั้งแต่ปิดเทอมใหญ่ของปวช.2 จนถึงเปิดเทอมปวช.3 ที่บอกว่าต้องฝึกงานคือที่รร.ให้ฝึกค่ะ ถือว่าเป็นเกรดเลยทีเดียว โดยจะเรียกการฝึกงานนี้ว่า "เรียนในสถานประกอบการ" ก็ได้ค่ะ ก่อนหน้าที่จะได้ฝึกที่นี้เลือกมาหลายที่มากค่ะ  สุดท้ายคุณครูที่รร.เลยจับย้ายให้มาฝึกที่สายการบินแห่งหนึ่งที่บินในประเทศและแถบเอเชีย แหมพอรู้เรื่องว่าจะมาฝึกที่นี้เท่านั้นแหละ ตอนแรกก็ตกลงกับเพื่อนไว้อีกสองคนว่าจะมาฝึกที่เดียวกัน แต่ที่ฝึกงานเขารับได้แค่2คนเท่านั้น ก็เลยคิดว่าตัวเองไปแย่งที่ฝึกงานเพื่อนแน่ๆ เพราะต้องมีเพื่อนคนหนึ่งโดยย้ายไปอีกที่ แต่ก็จะทำยังไงได้ในเมื่อครูเลือกแล้ว เราจะไปท้วงครูก็จะดูไม่ดี เพื่อนเราเลยโดนย้ายไปฝึกอีกที่ค่ะ  หลังจากนั้นในช่วงปิดเทอม (ได้หยุดแค่อาทิตย์เดียวเรียกปิดเทอม ชีวิตดีดี๊) เราก็ต้องไปฝึกงานค่ะ


พาร์ท การเดินทางไปที่ทำงาน
ตอนแรกเราก็คิดว่าการเดินทางไปทำงานนั้นช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้ แต่ทว่ามันไม่เป็นไปตามที่คิดเสมอไป ช่วงแรกๆไปทำงานโดยนั่งรถเมล์และต่อmrtไป ข้อเสียเลย 1.รถรอนานจริงๆ สามารถฟังเพลงที่ช่วยให้จรรโลงใจได้ประมาณ5-6เพลง หรือ ยืนเม้ามอยกับผู้คนที่รอรถเมล์เหมือนกับเรา 2.คือเบียดค่ะ จริงๆเราไม่อยากจะไปยืนเบียดใครเลยแต่สถานการณ์มันบีบบังคับค่ะ บนรถเมล์คนเยอะมาก mrt ก็คล้ายๆกันค่ะ เรานั่งจากบางซื่อไป0วัฒฯ ซึ่งสถานีที่เราลงคนลงน้อยมาก แล้วเราอยู่ตรงกลางระหว่างประตู เวลาจะออกต้องขอทางพี่ๆทั้งหลายเพื่อออก  แต่หลังจากนั้นไม่นาน เราก็พบวิถีทางของเราแล้ว ที่บ้านมีรถเมล์179ผ่านพอดี เราก็ไปขึ้นเลยค่ะ จากแยกประชานุกูล ยันสุดสายแล้วต่อ 179เหมือนเดิม ตอนขากลับ  การที่เราขึ้น179ไปเป็นเดือนนั้นก็ทำให้รู้จักกระเป๋ารถเมล์ ยัน คนขับเลยค่ะ  และก็ทำให้ได้คุยกับคุณป้าที่และพี่บางคนที่ขึ้น179ประจำด้วย  (มัวแต่พูดถึงตอนไปทำงาน! ไหนละลูกฝึกงานของลูกน่ะ มาค่ะพร้อมจะเล่าแบบจริงๆจังๆแล้ว)


พาร์ทฝึกงาน
วันแรกที่ไปฝึกงานคือที่รร.ไปส่งค่ะ วันนั้นเป็นวันทำบุญบริษัทพอดี เพราะเพิ่งย้ายมาเปิดที่ใหม่ ตอนที่เข้าบริษัทมาเรามาอยู่กับพี่ๆฝ่าย HR ค่ะ งานแรกที่ได้คือตัดกระดาษป้ายชื่อหน้าห้อง ceo และ บลาๆๆ ตระกูล c ทั้งหลายแหล่ ถึงจะเป็นงานเล็กๆ แต่ก็ดูมีอะไรอยู่นะ แล้วคือสิ่งที่ตื่นเต้นในการทำงานนี้คือต้องแข่งกับ ระยะเวลาของการทำบุญ ต้องพูดก่อนเลยว่า ตระกูลcจะต้องเข้าห้องหลังจากทำบุญเสร็จ ถ้าห้องไม่มีชื่อไม่มีตำแหน่งเป็นห้องเปล่าๆเค้าก็คงจะ… นั่นละฮ่ะท่านผู้อ่าน  งานนี้ก็เลยต้องรีบค่ะ ในที่สุดงานแรกก็ผ่านไป หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็ว่างเลยค่ะ เพราะว่าไม่มีอะไรจะให้ทำจริงๆ เพราะเพิ่งไปวันแรก และรร.ก็ยังไม่ประสานงานให้เป็นเรื่องเป็นราว ตอนที่นั่งเฉยๆ ก็สังเกตนะคะ ว่าพี่ๆทนการทำงานแบบนี้ได้ยังไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนหลายวันผ่านไปเราก็มีที่อยู่ในบริษัทเป็นหลักเป็นแหล่งสักที หลังจากที่ตอนแรกจะไปอยู่ฝ่ายITแต่คืองานพี่เขาแลดูยิ่งใหญ่จริงๆ ข้าน้อยสู้ไม่ไหวถึงจะเรียนคอมก็เถอะ เราไม่สามารถที่จะดูแลระบบทั้งบริษัทได้จริงๆค่ะ แต่พี่เค้าก็ยังใจดี ถามว่าเราชอบอะไรจะได้ส่งไปทำตรงนั้นเรากับเพื่อนบอกเลยค่ะว่าชอบด้านกราฟฟิค พี่เค้าเลยจัดให้เลยไปกับMC ทำพวกโปรโมชั่นใช้Illustrator หรือ Photoshop  รีทัชรูป เข้างาน 9 โมง เลิก 6 โมง(แต่เราตกลงเข้างาน 8โมง เราเลยขอพี่เค้า พี่ที่แผนกเลยให้เลิก5โมงแทนค่ะ) ก่อนพี่เค้าจะพาไปมอบตัวให้กับแผนก เค้าก็แนะนำให้รู้จักกับแผนกต่างๆในบริษัท บางคนก็ถามว่าอยู่มหาลัยปีไหนแล้ว เรียนที่ไหน เราเลยบอกไปว่าไม่ได้เรียนมหาลัย แต่เรียนปวช.ค่ะ ที่รร.ให้มาฝึกงานบางคนก็ทำหน้างง แล้วถามว่าปวช.คือยังไง เราเลยบอกไป อ่อ เทียบเท่าม.5ค่ะ พี่บางคนก็ตกใจเลย แล้วถามประมาณว่า ม.5ฝึกงานแล้วหรอ เราก็ยิ้มๆให้  ในที่สุดก็เดินมาถึงแผนกที่เราจะต้องทำงานด้วย วันนั้นทั้งวันก็ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ดีคือนั่งเปื่อยให้ผ่านๆวันนั้นไป ไม่กี่วันเราก็มีงานแล้วค่ะ นั่นก็คือการไดคัทรูปนางฟ้า เพื่อจะใช้ในโปรโมชั่น แต่ละคนแอ๊คท่าได้สุดยอดมากเลยค่ะ และหน้าแต่ละคนก็เป๊ะมาก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ และหลังจากนั้นไม่นาน ภาระอันยิ่งใหญ่ก็มาอีกนั้นคือ การไดคัท คนบังคับเครื่องลอยฟ้า เพื่อที่จะเอาไปทำรูปติดบัตร 80คน ตอนเปิดไฟล์มานี้ตื่นเต้นดีนะคะ ได้เห็นคนบังคับเครื่องลอยฟ้าถึงเป็นรูปในโน้ตบุ้คก็เถอะ ไดคัท+รีทัช แบบนี้อยู่ประมาณ2-3อาทิตย์ พี่เค้าไม่รีบเอา เราเลยไม่รีบทำ (เดี๋ยวนะตรรกะไหนเนี่ย!) แต่แล้วก็เกิดเรื่องค่ะ เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ การทำงานย่อมมีปัญหาเสมอ เอ่อหรือเราเคยได้ยินคนเดียวด้วยความโง่งี่เง่าของหนูเองค่ะ เราดันเผลอไปลบไฟล์ของบริษัทเราออกจากเครื่อง และหนึ่งในนั้นคือมีไฟล์นางฟ้าและคนบังคับเครื่องลอยฟ้า โอ้วพระสงฆ์!! ยาดมด่วน ทุกคนคงจะคิดว่ามันก็ยังอยู่ในถังขยะไงยัยโง่ แต่ที่เราลบคือมันหายไปเลยค่ะ ไม่มีอยู่ในถังขยะ คือไม่ได้กดshiftนะ แต่มันหายจริงๆ ก็เลยไปโหลดตัวกู้ไฟล์มา ตัวกู้ไฟล์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมาก ขอใช้คำว่ามากเกิ๊น เพราะว่าใช้เวลากู้นานกว่า3ชั่วโมง เรานี่ไม่เป็นอันจะทำอะไรเลย ในที่สุดทุกอย่างก็กู้กลับมาได้ทั้งซากเก่าซากใหม่ เรากดไปที่ไฟล์นักบินจิ้มเข้าไปประหนึ่งดุจความเร็วแสง แต่!!ไฟล์เสียค่ะ ณ จุดๆนั้นคือ เราerrorไปแล้ว และได้มารู้ทีหลังว่า ssd ไม่สามารถกู้ไฟล์มาได้ทั้งหมด ไฟล์อาจจะเสีย ด้วยเหตุนี้แหละจึงต้องทำใจยอมรับมันแล้วกลับไปทำใหม่สะ แต่โชคยังดีค่ะ คือเรากับเพื่อนแบ่งกันทำคนละครึ่ง ซึ่งแสดงว่าเราก็แค่ทำอีกครึ่งนึง ส่วนนางฟ้านั้นก็เอาไฟล์ที่เสร็จแล้วให้พี่เค้าไปเรียบร้อยค่ะ พี่ๆในแผนกก็บอกว่าน่าสงสารจังแบ่งให้พี่อีกคนเอาไปทำมั้ย แต่ด้วยความที่มันเป็นความผิดพลาดของเราเอง เราเลยบอกปัดพี่เค้าไปว่าไม่เป็นไรค่ะ และอีกไม่กี่วัน เราก็ทำงานที่เราลบไปจนเสร็จ คือโล่งเลยค่ะ ณ จุดจุดนั้น ไม่นานหนูก็มีงานเข้าอีกแล้ว งานที่เราได้รับมอบหมายจากพี่นั่นก็คือ การไดคัทรูปพี่ๆพนักงานในบริษัทเพื่อใช้ในการติดบัตรเข้าบริษัทค่ะ ตู้หู้วววววว ไม่ใช่น้อยๆนะคะ แต่ไม่เป็นไร พี่เค้าบอกไม่รีบค่ะ ก็เลยทำกันอย่างเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก และเราก็ได้ทำงานตกลงกับเพื่อนแล้ว (เออ แกเอาไปไดคัทนะ ส่วนฉันจะรีทัชเอง) และเราก็รอรูปที่เพื่อนไดคัทเสร็จ คนแรกที่เราจับมาเป็นหนูทดลองคือ พี่ฝ่ายบัญชีค่ะ พี่เค้าจะตัวเล็กๆ น่ารักหน่อย เราก็เลยไม่ได้ทำอะไรมาก เอาปานออก ปรับรูปหน้า วี เชฟ (พูดเหมือนคุณหมอศัลยกรรมเลย) งานนี้ก็ถือว่าไม่ยากและไม่ง่ายค่ะ พี่บางคนรีทัชง่าย บางคนรีทัชยาก แตกต่างกันไป เราก็ทำไปเรื่อยๆจนครบทุกคนในรอบนั้น งานนี้รวมแล้วใช้เวลา1 เดือนค่ะ อันนี้รวมกับรูปที่ถูกส่งมาเป็นชุดหลังจากที่ทำรอบแรกเสร็จ  ผู้อ่านคงคิดสินะค่ะ ว่าในระหว่างการนั่งไดคัทและรีทัชรูปนั้น พวกหนูๆไม่ทำอะไรกันบ้างเลยหรอไม่เบื่อเลยหรือยังไง คือต้องพูดเลยค่ะ ว่าในระหว่าง1เดือนนั้น เรามีงานอย่างอื่นเข้ามาด้วยค่ะ พี่เค้าเลยให้งานทำโปรโมชั่นของการบิน ว่าเออตอนนี้บินจากตรงนี้ไปตรงนี้ได้แล้วนะ อะไรแบบนี้ เรากับเพื่อนนี่คิดไม่ออกเลยค่ะ เพราะไม่เคยทำ แต่สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง แต่ไม่ได้ให้พี่เค้าดูค่ะ เพราะคิดว่าพี่เค้าจะมาถามว่างานไปถึงไหนแล้ว ก็เลยจะเก็บไว้รอพี่เค้ามาถาม สุดท้ายงานนั้นก็ไม่สำเร็จ ที่ไม่สำเร็จก็คือไม่ได้ส่งให้พี่ที่แผนกเค้าดูค่ะ เราก็ได้ข้อคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ เพราะแทนที่เราจะมัวรอพี่เค้ามาถาม ทำไมเราไม่เข้าไปบอกพี่เค้าเอง ว่าเราทำเสร็จแล้ว แบบนี้เป็นยังไงบ้างคะ ตรงไหนที่ต้องแก้  แต่พี่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เราคิดว่าจะไม่ทำให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก เพราะคิดว่าพี่เค้าจะบอกว่าเรากับเพื่อนขาดความรับผิดชอบ พี่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับงานนั้นอีกเลย จนเราได้งานใหม่มาเรื่อยๆ เช่น เดินเอกสารบ้าง ช่วยพี่เลขานำเอกสารไปสถานฑูตจีนบ้าง ช่วยยกของบ้าง ช่วยพี่พิมพ์งาน พิมพ์รายชื่อ อะไรประมาณนี้ค่ะ  หลังจากที่ทำงานพวกนี้เสร็จ เรากับเพื่อนก็ว่างเลยค่ะ คือไม่มีอะไร จะทำจริงๆทั้งอาทิตย์นั้นว่างเลยค่ะ คือถ้าไม่มีงานก็คือไม่มีเลย แต่ถ้ามีงานทีนึงคืองานใหญ่เลยค่ะ


พาร์ทพูดเรื่องเรียน (ขอยกประเด็นเรื่องการเม้ามอยเรื่องเรียนมาเป็นอีกหัวข้อนึงละกันนะคะ)
อาทิตย์นั้นเราก็นั่งพูดนั่งคิดกับเพื่อนเรื่อยเปื่อย แบบวางแผนอนาคต ว่าจบจากปวช.3 แล้วจะไปต่อไหนดี ปวส. ดีมั้ย หรือ วิทยาลัยดีละ หรือจะเป็นมหาลัยเอกชนดี ใจจริงๆอยากจะเข้ามหาลัยรัฐบาลค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า    แต่ก็คิดอีกทีว่าถ้าเข้ามหาลัยรัฐบาล ไหนจะสอบอีกละ เราเรียนสายวิชาชีพมาจะรู้เรื่องที่ม.ปลายเรียนมาหรอ ต้องหาที่ติว คนติว หรือ ต้องติวด้วยตัวเอง ยิ่งเรียนปวช.ปี3เวลาที่เหลือมักจะน้อยลงทุกที ไหนจะโปรเจคก่อนจบอีก เราจะหาเวลาไหนไปติวเนี่ยยย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


#อันนี้ขอลงก่อนครึ่งนึงนะคะ เดี๋ยวจะมาพิมพ์ต่อ และลงรูปปลากรอบไว้เยอะๆ  (ถ้าผลตอบรับดี) กระทู้แรกของเราโปรดเข้าใจ ภาษาและประโยคอาจจะดูแปลกๆบ้าง สามาถคอมเม้นบอกเราได้เลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่