ใส่สปอยไว้ที่หัวกระทู้แล้วนะคะ คงไม่ใส่ซ้ำ Ep. นี้เป็นตอนที่ 3 สำหรับ S1 ออกอากาศวันที่ 6 ตุลาคม 2011 ค่ะ
เนื้อเรื่อง Ep. นี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก โดยเฉพาะเรื่องของ POI ถ้าข้ามได้ก็จะพยายามข้ามอย่างมีอคติค่ะ 55555
มี Flashback กลับไปเรื่องความรักและเจสสิกาอดีตคนรักของรีสด้วยนะคะ
ตอนสุดท้ายนี่รีสแอบน่าสงสารเชียว
หมายถึง POI ของเราในตอนนี้คือ ตาคนนี้ค่ะ โจอี้ เดอบัน
เป็นอดีตทหารกลับมาจากสมรภูมิอัฟกานิสถาน ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานเปิดประตู
รีสตามแกะรอยโจอี้ที่ชีวิตดูเหมือนจะไม่มีอะไร จนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่โจอี้กับพรรคพวกร่วมกันปล้นแบงค์
จึงรู้ว่า โจอี้รับจ็อบพิเศษ นั่นคือร่วมกับแก๊งค์อดีตทหารหน่วยเดียวกันออกตระเวนปล้นตามใบสั่งของลาติมอร์
อดีตจ่าซึ่งตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของบาร์ รีสจึงเข้าไปตีเนียนขอรับจ็อบเสริม และด้วยความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากฟินช์
จึงทำให้ 1 ในสมาชิกแก๊งค์ที่ตอนกลางวันทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ถูกตำรวจจับตัวไป แก๊งค์นั่นจึงมีที่ว่างให้รีสเข้าไปแทรกได้
รีสพบว่า นอกจากคู่หมั้นแล้ว โจอี้ยังไปพบปะกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีลูกสาวด้วย ชื่อเอมี่
รีสคิดว่าน่าจะเป็นลูกเมียของโจอี้ จึงให้ฟินช์แฮคเข้าไปดู
(เวลาที่รีสไปเจอโจอี้กับคู่หมั้นและผู้หญิงอีกคน ฮีมีแอบคิดถึงเรื่องความรักของตัวเองด้วย
แฟลชแบ็คกลับไปหลายปีก่อน (2006) รีสได้เจอกับเจสสิก้าแฟนเก่าอีกครั้งโดยบังเอิญ
และพบว่าเธอหมั้นหมายกับชายอื่นนามว่าปีเตอร์ไปแล้ว)
กลับมาที่ปัจจุบัน นักสืบที่รับผิดชอบคดีปล้นแบงค์ได้รอยนิ้วมือของรีส
มาจากซองเก็บปืนของรปภ.ธนาคาร ที่จะใช้ปืนยิงพวกแก๊งค์โจรของโจอี้ แล้วรีสแตะห้ามไว้
ตรงกับลายนิ้วมือของชายในชุดสูท นักสืบคนนั้นจึงมาหานักสืบคาร์เตอร์
และเพราะเคยเป็นทหารในอิรัคและอัฟกานิสถานมาก่อน นักสืบคาร์เตอร์จึงรู้จักวิทยุที่พวกแก๊งค์ใช้ในการสื่อสาร
ว่าเป็นวิทยุที่ใช้กันในกองทัพ จึงแนะนำนักสืบให้ออกไปแกะรอยจากคดีขโมยวิทยุสื่อสารในฐานทัพ
งานแรกของรีสคือการเข้าปล้นคาสิโน รีสยอมไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจเสตราพ์เพื่อนในแก๊งค์ของโจอี้
เพราะเสตราพ์เป็นหนี้พนัน ในขณะเดียวกันนักสืบเจ้าของคดีตามรอยวิทยุสื่อสารที่ถูกขโมยไป
จนเจอเท็ดดี้ 1 ในสมาชิกแก๊งค์ปล้น และร่วมแกะรอยกับนักสืบคาร์เตอร์ไปจนถึงคาสิโนและโทรเรียกกำลังเสริม
รีสไปให้ฟินช์ช่วยดักฟังวิทยุของตำรวจนิวยอร์ค จึงเตือนแก๊งค์และหนีกันออกมาได้ทัน
ฟินช์กับรีสดักฟังเสตราพ์กับลาติมอร์คุยกัน จึงรู้ลาติมอร์ไม่ไว้ใจรีสและคิดจะให้เสตราพ์จำกัดรีสซะ
และพบว่า โจอี้ฝากเงินให้เด็กคนนั้นเป็นจำนวนมากพอที่จะส่งเธอจนเรียนจบวิทยาลัยได้เลย และโจอี้ก็ไม่ใช่พ่อของเด็กด้วย
รีสไปคุยกับโจอี้เรื่องงานปล้นชิ้นใหม่ จึงได้รู้ว่าโจอี้รับจ็อบปล้น เพื่อหาเงินมาส่งเสียเอมี่ลูกสาวของแฟรงค์ สตีเฟ่น
เพื่อนทหารด้วยกันที่ถูกฆ่าตายในอัฟกานิสถาน เพราะออกไปแทนโจอี้ที่มัวแต่ขัดรองเท้าอยู่
เพราะโจอี้ได้รับคำสั่งให้ออกไปตั้งแถวต้อนรับนักการเมือง โจอี้โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้เพื่อนตาย
เลยรับผิดชอบส่งเสียลูกเมียเพื่อนอยู่อย่างลับๆโดยไม่ให้คู่หมั้นของตัวเองรู้
ฟินช์ดักฟังลาติมอส์คุยโทรศัพท์ จึงได้รู้ว่า ลาติมอร์มีแผนจะกำจัดคนออก จากการปล้นในครั้งนี้
โดยลาติมอร์เป็นคนหาอาวุธมาให้ในทีมใช้ และสั่งให้เสตราพ์ยึดอุปกรณ์สื่อสารของทุกคนทิ้งถังน้ำให้หมด
รวมทั้งหูฟังของรีสด้วย ทำให้ฟินช์ไม่สามารถโทรเตือนรีสได้ จึงปลอมตัวเข้าไปในกองเก็บหลักฐานของกรมตำรวจนิวยอร์ค
ซึ่งเป็นสถานที่ปล้นเพื่อไปเตือนรีส
สิ่งที่แก๊งค์ต้องไปขโมย คือแฟ้มคดีฆาตรกรรมของเหยื่อที่ชื่อ เอ็ม. อิไลอัส ซึ่งตอนที่กำลังจะหนี
เท็ดดี้ โดนตำรวจยิงขา มีเสียงปืนดังขึ้น คนข้างนอกเลยรู้และโทรแจ้งตำรวจ ในขณะที่แก๊งค์พากันหิ้วปีกเท็ดดี้หนีมา
ก็มาเจอลาติมอร์รออยู่ในรถ พอเอาแฟ้มไปได้ลาติมอร์ก็ยิงเสตราพ์และเท็ดดี้และกำลังจะยิงโจอี้
โจอี้พยายามจะยิงสวนแต่ปืนที่ได้มาดันยิงไม่ออก เพราะลาติมอร์ถอดไกออกแล้ว
รีสจึงใช้ปืนตัวเองยิงลาติมอร์ (แต่ไม่โดน) ช่วยโจอี้ไว้ได้
และบอกให้โจอี้หนีออกจากเมืองไป ตอนแรกโจอี้ไม่ยอมเพราะห่วงคู่หมั้น
รีสเลยให้เงินไป 2 พันแล้วบอกให้หนีไปด้วยกันทั้งคู่ หลังจากแยกกับโจอี้แล้ว
รีสก็ได้รับสัญญาณจากวิทยุสื่อสาร จากนักสืบคาร์เตอร์ที่เรียกเข้ามาเพื่อคุยด้วย
รีสจะตามไปจัดการกับลาติมอร์ แต่ก็มีคนชิงลงมือตัดหน้าไปแล้ว
รีสเดาว่า คนที่ลงมือ น่าจะเป็นคนที่มารับแฟ้มคดีของ เอ็ม. อิไลอัส เลยบอกให้ฟินช์ลองหาข้อมูล
รีสมาแอบยืนส่งโจอี้หนีออกนอกเมืองไปกับคู่หมั้น และย้อนคิดถึงตัวเองอีกครั้ง
แฟลชแบ็คกลับไปที่รีสและเจสสิกาที่สนามบินอีกรอบ เจสสิกาบอกรีสว่า
ถ้ารีสบอกให้รอ เธอก็จะรอ รีสไม่พูดอะไร ได้แต่มองเธอเดินจากไป

แล้วพูดตามหลังว่า Wait for me...please ฮืออออ เห็นพี่รีสน้ำตาคลอแล้วก็น้ำตาคลอตามพี่รีส
จบค่ะ ขอตัวไปปฏิบัติภารกิจ Twitter ก่อนนะคะ สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์และฝันดีค่ะทุกคน 555
ย้อนหลัง Person Of Interest S.1 Ep.3 : Mission Creep (Spoil)
เนื้อเรื่อง Ep. นี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก โดยเฉพาะเรื่องของ POI ถ้าข้ามได้ก็จะพยายามข้ามอย่างมีอคติค่ะ 55555
มี Flashback กลับไปเรื่องความรักและเจสสิกาอดีตคนรักของรีสด้วยนะคะ
ตอนสุดท้ายนี่รีสแอบน่าสงสารเชียว
หมายถึง POI ของเราในตอนนี้คือ ตาคนนี้ค่ะ โจอี้ เดอบัน
เป็นอดีตทหารกลับมาจากสมรภูมิอัฟกานิสถาน ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานเปิดประตู
รีสตามแกะรอยโจอี้ที่ชีวิตดูเหมือนจะไม่มีอะไร จนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่โจอี้กับพรรคพวกร่วมกันปล้นแบงค์
จึงรู้ว่า โจอี้รับจ็อบพิเศษ นั่นคือร่วมกับแก๊งค์อดีตทหารหน่วยเดียวกันออกตระเวนปล้นตามใบสั่งของลาติมอร์
อดีตจ่าซึ่งตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของบาร์ รีสจึงเข้าไปตีเนียนขอรับจ็อบเสริม และด้วยความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากฟินช์
จึงทำให้ 1 ในสมาชิกแก๊งค์ที่ตอนกลางวันทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ถูกตำรวจจับตัวไป แก๊งค์นั่นจึงมีที่ว่างให้รีสเข้าไปแทรกได้
รีสพบว่า นอกจากคู่หมั้นแล้ว โจอี้ยังไปพบปะกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีลูกสาวด้วย ชื่อเอมี่
รีสคิดว่าน่าจะเป็นลูกเมียของโจอี้ จึงให้ฟินช์แฮคเข้าไปดู
(เวลาที่รีสไปเจอโจอี้กับคู่หมั้นและผู้หญิงอีกคน ฮีมีแอบคิดถึงเรื่องความรักของตัวเองด้วย
แฟลชแบ็คกลับไปหลายปีก่อน (2006) รีสได้เจอกับเจสสิก้าแฟนเก่าอีกครั้งโดยบังเอิญ
และพบว่าเธอหมั้นหมายกับชายอื่นนามว่าปีเตอร์ไปแล้ว)
กลับมาที่ปัจจุบัน นักสืบที่รับผิดชอบคดีปล้นแบงค์ได้รอยนิ้วมือของรีส
มาจากซองเก็บปืนของรปภ.ธนาคาร ที่จะใช้ปืนยิงพวกแก๊งค์โจรของโจอี้ แล้วรีสแตะห้ามไว้
ตรงกับลายนิ้วมือของชายในชุดสูท นักสืบคนนั้นจึงมาหานักสืบคาร์เตอร์
และเพราะเคยเป็นทหารในอิรัคและอัฟกานิสถานมาก่อน นักสืบคาร์เตอร์จึงรู้จักวิทยุที่พวกแก๊งค์ใช้ในการสื่อสาร
ว่าเป็นวิทยุที่ใช้กันในกองทัพ จึงแนะนำนักสืบให้ออกไปแกะรอยจากคดีขโมยวิทยุสื่อสารในฐานทัพ
งานแรกของรีสคือการเข้าปล้นคาสิโน รีสยอมไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจเสตราพ์เพื่อนในแก๊งค์ของโจอี้
เพราะเสตราพ์เป็นหนี้พนัน ในขณะเดียวกันนักสืบเจ้าของคดีตามรอยวิทยุสื่อสารที่ถูกขโมยไป
จนเจอเท็ดดี้ 1 ในสมาชิกแก๊งค์ปล้น และร่วมแกะรอยกับนักสืบคาร์เตอร์ไปจนถึงคาสิโนและโทรเรียกกำลังเสริม
รีสไปให้ฟินช์ช่วยดักฟังวิทยุของตำรวจนิวยอร์ค จึงเตือนแก๊งค์และหนีกันออกมาได้ทัน
ฟินช์กับรีสดักฟังเสตราพ์กับลาติมอร์คุยกัน จึงรู้ลาติมอร์ไม่ไว้ใจรีสและคิดจะให้เสตราพ์จำกัดรีสซะ
และพบว่า โจอี้ฝากเงินให้เด็กคนนั้นเป็นจำนวนมากพอที่จะส่งเธอจนเรียนจบวิทยาลัยได้เลย และโจอี้ก็ไม่ใช่พ่อของเด็กด้วย
รีสไปคุยกับโจอี้เรื่องงานปล้นชิ้นใหม่ จึงได้รู้ว่าโจอี้รับจ็อบปล้น เพื่อหาเงินมาส่งเสียเอมี่ลูกสาวของแฟรงค์ สตีเฟ่น
เพื่อนทหารด้วยกันที่ถูกฆ่าตายในอัฟกานิสถาน เพราะออกไปแทนโจอี้ที่มัวแต่ขัดรองเท้าอยู่
เพราะโจอี้ได้รับคำสั่งให้ออกไปตั้งแถวต้อนรับนักการเมือง โจอี้โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้เพื่อนตาย
เลยรับผิดชอบส่งเสียลูกเมียเพื่อนอยู่อย่างลับๆโดยไม่ให้คู่หมั้นของตัวเองรู้
ฟินช์ดักฟังลาติมอส์คุยโทรศัพท์ จึงได้รู้ว่า ลาติมอร์มีแผนจะกำจัดคนออก จากการปล้นในครั้งนี้
โดยลาติมอร์เป็นคนหาอาวุธมาให้ในทีมใช้ และสั่งให้เสตราพ์ยึดอุปกรณ์สื่อสารของทุกคนทิ้งถังน้ำให้หมด
รวมทั้งหูฟังของรีสด้วย ทำให้ฟินช์ไม่สามารถโทรเตือนรีสได้ จึงปลอมตัวเข้าไปในกองเก็บหลักฐานของกรมตำรวจนิวยอร์ค
ซึ่งเป็นสถานที่ปล้นเพื่อไปเตือนรีส
สิ่งที่แก๊งค์ต้องไปขโมย คือแฟ้มคดีฆาตรกรรมของเหยื่อที่ชื่อ เอ็ม. อิไลอัส ซึ่งตอนที่กำลังจะหนี
เท็ดดี้ โดนตำรวจยิงขา มีเสียงปืนดังขึ้น คนข้างนอกเลยรู้และโทรแจ้งตำรวจ ในขณะที่แก๊งค์พากันหิ้วปีกเท็ดดี้หนีมา
ก็มาเจอลาติมอร์รออยู่ในรถ พอเอาแฟ้มไปได้ลาติมอร์ก็ยิงเสตราพ์และเท็ดดี้และกำลังจะยิงโจอี้
โจอี้พยายามจะยิงสวนแต่ปืนที่ได้มาดันยิงไม่ออก เพราะลาติมอร์ถอดไกออกแล้ว
รีสจึงใช้ปืนตัวเองยิงลาติมอร์ (แต่ไม่โดน) ช่วยโจอี้ไว้ได้
และบอกให้โจอี้หนีออกจากเมืองไป ตอนแรกโจอี้ไม่ยอมเพราะห่วงคู่หมั้น
รีสเลยให้เงินไป 2 พันแล้วบอกให้หนีไปด้วยกันทั้งคู่ หลังจากแยกกับโจอี้แล้ว
รีสก็ได้รับสัญญาณจากวิทยุสื่อสาร จากนักสืบคาร์เตอร์ที่เรียกเข้ามาเพื่อคุยด้วย
รีสจะตามไปจัดการกับลาติมอร์ แต่ก็มีคนชิงลงมือตัดหน้าไปแล้ว
รีสเดาว่า คนที่ลงมือ น่าจะเป็นคนที่มารับแฟ้มคดีของ เอ็ม. อิไลอัส เลยบอกให้ฟินช์ลองหาข้อมูล
รีสมาแอบยืนส่งโจอี้หนีออกนอกเมืองไปกับคู่หมั้น และย้อนคิดถึงตัวเองอีกครั้ง
แฟลชแบ็คกลับไปที่รีสและเจสสิกาที่สนามบินอีกรอบ เจสสิกาบอกรีสว่า
ถ้ารีสบอกให้รอ เธอก็จะรอ รีสไม่พูดอะไร ได้แต่มองเธอเดินจากไป
แล้วพูดตามหลังว่า Wait for me...please ฮืออออ เห็นพี่รีสน้ำตาคลอแล้วก็น้ำตาคลอตามพี่รีส
จบค่ะ ขอตัวไปปฏิบัติภารกิจ Twitter ก่อนนะคะ สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์และฝันดีค่ะทุกคน 555