หลังจากนี้อีกซัก 20 ปี การเดินทางคงพลิกโฉมไปหมด ด้วยรถไฟความเร็วสูง ฝีมือของจีน
ไปทวีปแอฟริกา ประเทศทุกประเทศในยุโรป อเมริกา แคนาดา เปรู อาร์เจนตินา ชิลี อาจจะเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่กรุงเทพ ฯ นั่ง 2-4 วัน ถึงที่หมายแทบทุกจุดในโลกแสนเล็กใบนี้ แถมด้วยการดูวิวทิวทัศน์รอบตัว ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
แค่คิด ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
เทียบกับการไปอเมริกาใต้ ต้องนั่งเครื่องบินน่าจะราว 1 วัน กับที่นั่งเล็ก ๆ ที่แสนอึดอัด และ มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ก็ถือว่าน่าสนใจ
แต่จุดที่น่าเป็นกังวล ก็คือ ค่าตั๋วนี่แหละ สมมตินั่ง กรุงเทพ ฯ - Los Angeles, USA ถ้าให้ผมเดา ผมว่าเครื่องบินต้องถูกกว่า เร็วกว่า แน่นอน เพราะรถไฟมันค่อนข้างอ้อมมาก
ถ้าเป็นนักธุรกิจ ที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง ก็คงเลือกทางเครื่องบิน แต่ทางเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่เร่งรีบและพร้อมที่จะจ่าย เพื่อบรรยากาศแสนคลาสสิค ได้ดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเลือกทางรถไฟความเร็วสูงก็ได้
แต่ถ้ารถไฟเกิดไปจอดเสีย อยู่กลางทะเลทราย หรือ กลางทุ่งหิมะ ไม่มีระบบทำความร้อน หรือ ทำความเย็น อันนี้ก็ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะสาหัสแค่ไหน
เพื่อน ๆ คิดว่าไงครับ ? สำหรับการเดินทางในอีก 20 ปีข้างหน้า
ดูท่าทางแล้วจีนคงจะเชื่อมโลกทั้งใบด้วยรถไฟได้จริง ๆ
ไปทวีปแอฟริกา ประเทศทุกประเทศในยุโรป อเมริกา แคนาดา เปรู อาร์เจนตินา ชิลี อาจจะเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่กรุงเทพ ฯ นั่ง 2-4 วัน ถึงที่หมายแทบทุกจุดในโลกแสนเล็กใบนี้ แถมด้วยการดูวิวทิวทัศน์รอบตัว ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
แค่คิด ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
เทียบกับการไปอเมริกาใต้ ต้องนั่งเครื่องบินน่าจะราว 1 วัน กับที่นั่งเล็ก ๆ ที่แสนอึดอัด และ มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ก็ถือว่าน่าสนใจ
แต่จุดที่น่าเป็นกังวล ก็คือ ค่าตั๋วนี่แหละ สมมตินั่ง กรุงเทพ ฯ - Los Angeles, USA ถ้าให้ผมเดา ผมว่าเครื่องบินต้องถูกกว่า เร็วกว่า แน่นอน เพราะรถไฟมันค่อนข้างอ้อมมาก
ถ้าเป็นนักธุรกิจ ที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง ก็คงเลือกทางเครื่องบิน แต่ทางเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่เร่งรีบและพร้อมที่จะจ่าย เพื่อบรรยากาศแสนคลาสสิค ได้ดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะเลือกทางรถไฟความเร็วสูงก็ได้
แต่ถ้ารถไฟเกิดไปจอดเสีย อยู่กลางทะเลทราย หรือ กลางทุ่งหิมะ ไม่มีระบบทำความร้อน หรือ ทำความเย็น อันนี้ก็ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะสาหัสแค่ไหน
เพื่อน ๆ คิดว่าไงครับ ? สำหรับการเดินทางในอีก 20 ปีข้างหน้า