หลังจากซึบซับกับบรรยากาศ ทิวทัศน์ภายนอกแห่งฮังการีกันแล้ว คราวนี้คงถึงเวลากับการคลุกวงในกันซะที คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเข้าวิหารที่โด่งดัง มีชื่อเสียง เพื่อชมความงดงามของศิลปะในครั้งอดีต ที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาและเรียนรู้ จากนั้น ก็ต่อกันด้วยการบุกพิพิธภัณฑ์เพื่อค้นประวัติศาสตร์กันหน่อย มาเริ่มกันที่วิหารเก่าแก่แห่งเมืองปูดาเปสกันดีกว่า
Matthias Church (มหาวิหารแมททิอัส) ตั้งอยู่ในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนิโอผสมโรมัน หลังคามีสีสันสวยงาม ภายในประกอบด้วยกระจกหลากสีตามผนัง มหาวิหารแมททิอัส ถูกสร้างขึ้นช่วงท้ายของศตวรรษที่14 แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการปกครองแต่ละยุคสมัย ซึ่งครั้งหนึ่งได้ถูกดัดแปลงใช้เป็นมัสยิด เมื่อตกอยู่ภายใต้การยึดครองของชาวเติร์ก ต่อมา จึงได้กลับคืนมาเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของศาสนาคริสต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายในตัวของมหาวิหาร ได้ตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อย งดงาม และเหลืองอร่ามไปด้วยสีทอง
ออกจากมหาวิหารแมททิอัส ก็ขอบุกต่อกันอีกหนึ่งมหาวิหารที่มีความโด่งดังไม่แพ้กัน คือ
St.Stephen’s Basilica (มหาวิหารเซนต์สตีเฟน) ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ ใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้ ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1851 ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างกว่าจะแล้วเสร็จนานถึง 54 ปี มีความสูงเป็นหนึ่งในสองของอาคารที่สูงที่สุดในเมืองบูดาเปสต์ คือมีความสูงอยู่ที่ 96 เมตร ความกว้าง 55 เมตร และความยาว 87.4 เมตร เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1905
ซึ่งในปัจจุบัน มีกฏข้อบังคับในการก่อสร้างอาคารในเมืองบูดาเปสต์ว่า ห้ามสิ่งปลูกสร้างมีความสูงเกินกว่า 96 เมตร จึงอาจเป็นไปได้ว่า มหาวิหารแห่งนี้ อาจจะครองตำแหน่งความสูงเป็นอันดับสอง ของความสูงที่สุดของสิ่งปลูกสร้างในเมืองบูดาเปสต์ก็เป็นได้
รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของมหาวิหารแห่งนี้ เป็นแบบนีโอคลาสสิค ทางตอนใต้ของมหาวิหารเป็นที่ตั้งของหอระฆังขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฮังการีด้วย มีน้ำหนักกว่า 9 ตัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในทางการทหาร ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เข้าชมสามารถขึ้นไปด้านบนด้วยลิฟท์ หรือบันไดก็ได้ เพราะด้านบนนั้นสามารถชมวิวได้ 360 องศา ของเมืองบูดาเปสต์เลยทีเดียว
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน มีการจัดกิจกรรมกันอย่างเนืองๆ โดยเฉพาะงานคอนเสิร์ตที่มีนักร้อง นักดนตรีชื่อดัง มาร่วมมากมาย
หลังจากซึบซับอารยธรรมทางศาสนากันพอสมควร งั้นขอลุยต่อกันที่พิพิธภัณฑ์เลยแล้วกัน เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นอลังการงานสร้าง คงต้องใช้เวลากันพอสมควร
Museum of Fine Arts (พิพิธภัณฑ์ศิลปะ) เป็นที่รวบรวมผลงานศิลปะของจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากมาย ตั้งอยู่ในเมืองบูดาเปสต์ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานของนิโอคลาสสิค ระหว่างปีค.ศ. 1900 และ 1906
ผลงานในพิพิธภัณฑ์เป็นศิลปะนานาชาติ ไม่ใช่เฉพาะแต่ผลงานของศิลปินฮังการีเท่านั้น ที่ถูกรวบรวมไว้มากกว่า 100,000 ชิ้น
ภายในมีห้องจัดแสดงอยู่หลายห้อง รวมถึงห้องโถงใหญ่ก็มีอยู่หลายห้องด้วยเช่นกัน ทุกพื้นที่ถูกจัดแสดงเต็มไปด้วยผลงานศิลปะที่สวยงาม ซึ่งจะแบ่งเป็นโซนๆ อย่างเช่น โซนของอียิปต์ โซนแกลลอรีรูปปั้นโบราณ โซนวัตถุโบราณ โซนงานจิตรกรรม โซนงานศิลปะร่วมสมัย เป็นต้น
ฮังการี เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ไกลเกินฝัน และยังมีความงามของยุคเก่าก่อนทิ้งไว้ให้ได้ศึกษากัน หากมีโอกาสก็ควรที่จะไปเยี่ยมชมสักครั้ง แล้วจะรู้ว่า ฮังการี มีดีไม่แพ้ชาติอื่นในยุโรปเลยทีเดียว
บทความจาก
emaginfo.com
มหาวิหาร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่งามวิจิตร ณ ฮังการี
หลังจากซึบซับกับบรรยากาศ ทิวทัศน์ภายนอกแห่งฮังการีกันแล้ว คราวนี้คงถึงเวลากับการคลุกวงในกันซะที คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเข้าวิหารที่โด่งดัง มีชื่อเสียง เพื่อชมความงดงามของศิลปะในครั้งอดีต ที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาและเรียนรู้ จากนั้น ก็ต่อกันด้วยการบุกพิพิธภัณฑ์เพื่อค้นประวัติศาสตร์กันหน่อย มาเริ่มกันที่วิหารเก่าแก่แห่งเมืองปูดาเปสกันดีกว่า
Matthias Church (มหาวิหารแมททิอัส) ตั้งอยู่ในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ด้วยสถาปัตยกรรมแบบนิโอผสมโรมัน หลังคามีสีสันสวยงาม ภายในประกอบด้วยกระจกหลากสีตามผนัง มหาวิหารแมททิอัส ถูกสร้างขึ้นช่วงท้ายของศตวรรษที่14 แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการปกครองแต่ละยุคสมัย ซึ่งครั้งหนึ่งได้ถูกดัดแปลงใช้เป็นมัสยิด เมื่อตกอยู่ภายใต้การยึดครองของชาวเติร์ก ต่อมา จึงได้กลับคืนมาเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของศาสนาคริสต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายในตัวของมหาวิหาร ได้ตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อย งดงาม และเหลืองอร่ามไปด้วยสีทอง
ออกจากมหาวิหารแมททิอัส ก็ขอบุกต่อกันอีกหนึ่งมหาวิหารที่มีความโด่งดังไม่แพ้กัน คือ
St.Stephen’s Basilica (มหาวิหารเซนต์สตีเฟน) ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ ณ ใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้ ได้สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1851 ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างกว่าจะแล้วเสร็จนานถึง 54 ปี มีความสูงเป็นหนึ่งในสองของอาคารที่สูงที่สุดในเมืองบูดาเปสต์ คือมีความสูงอยู่ที่ 96 เมตร ความกว้าง 55 เมตร และความยาว 87.4 เมตร เสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1905
ซึ่งในปัจจุบัน มีกฏข้อบังคับในการก่อสร้างอาคารในเมืองบูดาเปสต์ว่า ห้ามสิ่งปลูกสร้างมีความสูงเกินกว่า 96 เมตร จึงอาจเป็นไปได้ว่า มหาวิหารแห่งนี้ อาจจะครองตำแหน่งความสูงเป็นอันดับสอง ของความสูงที่สุดของสิ่งปลูกสร้างในเมืองบูดาเปสต์ก็เป็นได้
รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของมหาวิหารแห่งนี้ เป็นแบบนีโอคลาสสิค ทางตอนใต้ของมหาวิหารเป็นที่ตั้งของหอระฆังขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฮังการีด้วย มีน้ำหนักกว่า 9 ตัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในทางการทหาร ในช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เข้าชมสามารถขึ้นไปด้านบนด้วยลิฟท์ หรือบันไดก็ได้ เพราะด้านบนนั้นสามารถชมวิวได้ 360 องศา ของเมืองบูดาเปสต์เลยทีเดียว
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน มีการจัดกิจกรรมกันอย่างเนืองๆ โดยเฉพาะงานคอนเสิร์ตที่มีนักร้อง นักดนตรีชื่อดัง มาร่วมมากมาย
หลังจากซึบซับอารยธรรมทางศาสนากันพอสมควร งั้นขอลุยต่อกันที่พิพิธภัณฑ์เลยแล้วกัน เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นอลังการงานสร้าง คงต้องใช้เวลากันพอสมควร
Museum of Fine Arts (พิพิธภัณฑ์ศิลปะ) เป็นที่รวบรวมผลงานศิลปะของจิตรกรที่มีชื่อเสียงมากมาย ตั้งอยู่ในเมืองบูดาเปสต์ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานของนิโอคลาสสิค ระหว่างปีค.ศ. 1900 และ 1906
ผลงานในพิพิธภัณฑ์เป็นศิลปะนานาชาติ ไม่ใช่เฉพาะแต่ผลงานของศิลปินฮังการีเท่านั้น ที่ถูกรวบรวมไว้มากกว่า 100,000 ชิ้น
ภายในมีห้องจัดแสดงอยู่หลายห้อง รวมถึงห้องโถงใหญ่ก็มีอยู่หลายห้องด้วยเช่นกัน ทุกพื้นที่ถูกจัดแสดงเต็มไปด้วยผลงานศิลปะที่สวยงาม ซึ่งจะแบ่งเป็นโซนๆ อย่างเช่น โซนของอียิปต์ โซนแกลลอรีรูปปั้นโบราณ โซนวัตถุโบราณ โซนงานจิตรกรรม โซนงานศิลปะร่วมสมัย เป็นต้น
ฮังการี เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ไกลเกินฝัน และยังมีความงามของยุคเก่าก่อนทิ้งไว้ให้ได้ศึกษากัน หากมีโอกาสก็ควรที่จะไปเยี่ยมชมสักครั้ง แล้วจะรู้ว่า ฮังการี มีดีไม่แพ้ชาติอื่นในยุโรปเลยทีเดียว
บทความจาก emaginfo.com