ท่ามกลางกระแสรถคาร์บอนที่มาแรง ไม่ว่าจะรุ่นถูกรุ่นแพง ดูเหมือนถนนทุกสายกำลังจะมุ่งไปทางนั้นหมด ตั้งแต่ซี่ล้อยันน๊อตกันเลยทีเดียว
ออกตัวก่อนนะครับ ส่วนตัวไม่เคยปั่นหมอบคาร์บอนจริงๆจังๆ เคยแต่ลองขี่ของเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มให้พอรู้ feeling บ้างก็เท่านั้น
รถที่ขี่มาเองมีแต่ อลูกับโครโมลี่ครับ ส่วนหมอบคาร์บอนผมยังรอเวลาอยู่(จริงๆคือเงิน แค่พูดให้ดูดี555)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตามแผนตอนแรกคืออยากได้รถที่เป็น all rounder และกำลังหาเฟรม CAAD10 มือสองราคาน่ารักๆอยู่ แต่ไม่มาสักที กอปรกับขาย impulso 105 10sp คันเก่าไปแล้ว
ด้วยความคัน เลยไปเจอ CAAD8 เฟรมเซตของใหม่ ราคา 18500 บาท เลยสนใจเพราะเห็นว่าทรงมันคล้ายๆ CAAD10 อยู่ เลยจัดมาดับอาการคันแก้ขัดก่อน
พอยิ่งหาข้อมูลยิ่งทำให้เจ้า CAAD 8 ที่เป็นม้านอกสายตาน่าสนใจขึ้นไปใหญ่ ตามรีวิวเมืองนอก เวปดังๆอย่าง bike radar ก็ได้ 4/5 ดาว หรืออย่าง road.cc ได้ 4.5/5 ดาว
http://www.bikeradar.com/road/gear/category/bikes/road/product/review-cannondale-caad8-105-15-49248/
http://road.cc/content/review/50515-cannondale-caad8-tiagra
ในช่วงแรกก็งงยังคิดว่า CAAD8 เป็นรถรุ่นเก่าที่ผลิตปี 2006 เอามาผลิตใหม่แต่พอหาข้อมูลไปเรื่อยๆเลยทำให้รู้ว่า CAAD 8 มี 2 version คือ version ที่ผลิตในอเมริกา เป็นรถรุ่นเก่าออกก่อน CAAD9 และ CAAD 10
กับ version 2 ที่ Cannondale เอา CAAD8 มาผลิตใหม่โดยใส่ technology ของ CAAD10 เข้าไป แล้วขายเป็น entry level bike
วิธีดูความแตกต่างง่ายๆระหว่าง CAAD 8 เก่ากับใหม่คือ
รุ่นเก่าผลิต USA รุ่นใหม่ผลิต Taiwan
รุ่นใหม่ใช้กระโหลก BB30 รุ่นเก่าไม่ใช่ครับ
CAAD8 เป็น Entry Bike level ที่พกเทคโนโลยีของรุ่นพี่มาด้วยอย่างกระโหลก bb30 หางหลังแบบ save และท่ออลูมิเนียมแบบรีดเบา
- ท่อล่างขนาดใหญ่ทรงค่อนไปทางสี่เหลี่ยมขอบมน ไม่ซ่อนสาย
- องศารถใกล้เคียง CAAD 10
- ช่วง Head tube สูงกว่า CAAD10 10mm โดยประมาณ และผลิตแบบ Externally machined head tube คือผลิตแยกส่วน ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกแล้วค่อยเอามาประกอบ เพื่อลดนน. โดยไม่เสียความแข็งแรง
- รถโดนออกแบบให้เป็น All rounder มากกว่าจะเป็นสาย Racing
- ตะเกียบเป็นคาร์บอนซางอลู ไม่เทเปอร์ ส่วน CAAD10 เป็นตะเกียบคาร์บอนซางคาร์บอน
- รอยเชื่อมแบบ Smooth Welds
- Asymmetric Chain Stays
- นน. เฟรมเปล่า ผมลืมชั่งไว้ จากคำบอกเล่า ถ้าเฉพาะตัวเฟรม ต่างกับ CAAD10 ประมาณ 1 ขีด แต่ตะเกียบจะหนักกว่า 2 ขีด โดยประมาณ ถ้าหาตะเกียบคาร์บอนมาใส่แทน น้ำหนักไม่น่าจะหนีจาก CAAD10 เท่าไหร่
- ผลิตใน Taiwan
CAA8 แบบ complete จะมีหลายชุดขับให้เลือก ตั้งแต่ claris sora tiagra 105 โดยจะสีจะเปลี่ยนตามชุดขับ เลือกซื้อกันได้ตามอัธยาศัยครับ
ส่วนตัว
Riding
ถ้าเทียบกับ impulso คันเดิมที่ขี่มาประมาณ 1000 km ก่อนแล้วมาเปลี่ยนเป็นคันนี้ ขี่ไปแล้วประมาณ 1000 โลเช่นกัน (ล้อ zonda และยางเดียวกันย้ายมาจาก impulso)
ความรู้สึกแรกที่รู้สึกหลังจากเปลี่ยนมาเป็นคันนี้คือ “ก่อนหน้านี่..ู..ขี่อะไรมาตั้งนานวะเนี่ย” คือเป็นรถที่ขี่ได้”สนุก”มากคันนึง ตัวเฟรม stiff กว่า ให้ความมั่นคงตอนเข้าโค้งที่ดีกว่า(มากกกก) และนุ่มซับแรงได้ดีกว่าเมื่อเจอผิวขรุขระ
ความ stiff - Stiff กว่า impulso มากๆ ไม่เท่าพวก carbon เกรด top แต่ดีกว่า carbon เกรดล่าง จากที่เคยลองแบบผ่านๆ และ stiff เหลือเฟือสำหรับนักปั่นหน้าใหม่-กลาง
พุ่ง - ไม่ได้พุ่งจิ๊ดจ๊าด เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ยังหนักกว่าคาร์บอน แต่ขึ้นได้เรื่อยๆ ไปตามน้ำหนักเท้าที่กด
ความมั่นคง - ดีมากให้ความรู้สึกรถเกาะถนนได้นิ่งมากๆ เท่าที่เคยลองเร็วที่สุดคือตอนลงจากเขากระโจม ลงมาด้วยความเร็วประมาณ 50 กว่าๆแล้วยัดโค้งตัว S เลย ก็ยังให้ความรู้สึกนิ่งอยู่
นุ่ม - ตอนออกทริปสวนผึ้ง จะเจอเส้นชะลอความเร็วสีขาวอยู่เป็นระยะ ไม่ต้องหักหลบให้วุ่นวายครับ รูดไปได้สบายๆ ไม่รู้สึกเจ็บหรือสะเทือนเท่าไหร่
My Bike Setup
Frame set- CAAD8 size 51
Groupset - SRAM Force 22 ผสมกับ Rival 22 (ขาจานกับเฟืองเป็น force ที่เหลือเป็น rival)
Wheelset - Token T55 Tubular ซี่ Sapim CX-Ray ดุม Triramic (ลูกปืนผสมกัน Ceramic กับ Titanium เรียงสลับเม็ดกัน)
Stem - Controltech ESTRO MTX 110 mm
Hand - Syntace CDR 7075 Alu 42mm (C-C 40 mm)
Seatpost - Syntace P6 7075 Alu
Seat - Fizik Arione VSX Ki:um
Tyre - Continential Gatorskin
Other - ผ้าผันแฮนด์ Lizard skin, ชุดไมล์ Bontrager Node 1.1, ขากระติก Specialized Cage
น้ำหนักรวม 7.9 kg พอดี
ส่วนรถผมคันนี้ยังไม่ได้ไป fitting มา แต่เคยไปฟิตติ้งจากคันเก่าแล้วเอาค่าที่จดไว้มาปรับใส่กับคันนี้ ผมขี่ไป ค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เกือบจะลงตัวหมดแล้วครับ
THE GREAT 8
You’re done being a "rider" - you want to be a "cyclist." You want to bump up a level on the club rides. You ditched the cut-offs and t-shirt for padded cycling shorts. Yup, you’ve caught road-bike fever.
จากที่ผมได้ขี่มา คิดว่าคำบรรยายที่ผมคัดลอกมาจาก web cannondale เองนี่แหละ ตรงที่สุดแล้วสำหรับคำนิยามของ CAAD8
[CR] สวนกระแสคาร์บอน มาดูหมอบอลูเริ่มต้นกันบ้าง Cannondale CAAD8
ท่ามกลางกระแสรถคาร์บอนที่มาแรง ไม่ว่าจะรุ่นถูกรุ่นแพง ดูเหมือนถนนทุกสายกำลังจะมุ่งไปทางนั้นหมด ตั้งแต่ซี่ล้อยันน๊อตกันเลยทีเดียว
ออกตัวก่อนนะครับ ส่วนตัวไม่เคยปั่นหมอบคาร์บอนจริงๆจังๆ เคยแต่ลองขี่ของเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มให้พอรู้ feeling บ้างก็เท่านั้น
รถที่ขี่มาเองมีแต่ อลูกับโครโมลี่ครับ ส่วนหมอบคาร์บอนผมยังรอเวลาอยู่(จริงๆคือเงิน แค่พูดให้ดูดี555)
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตามแผนตอนแรกคืออยากได้รถที่เป็น all rounder และกำลังหาเฟรม CAAD10 มือสองราคาน่ารักๆอยู่ แต่ไม่มาสักที กอปรกับขาย impulso 105 10sp คันเก่าไปแล้ว
ด้วยความคัน เลยไปเจอ CAAD8 เฟรมเซตของใหม่ ราคา 18500 บาท เลยสนใจเพราะเห็นว่าทรงมันคล้ายๆ CAAD10 อยู่ เลยจัดมาดับอาการคันแก้ขัดก่อน
พอยิ่งหาข้อมูลยิ่งทำให้เจ้า CAAD 8 ที่เป็นม้านอกสายตาน่าสนใจขึ้นไปใหญ่ ตามรีวิวเมืองนอก เวปดังๆอย่าง bike radar ก็ได้ 4/5 ดาว หรืออย่าง road.cc ได้ 4.5/5 ดาว
http://www.bikeradar.com/road/gear/category/bikes/road/product/review-cannondale-caad8-105-15-49248/
http://road.cc/content/review/50515-cannondale-caad8-tiagra
ในช่วงแรกก็งงยังคิดว่า CAAD8 เป็นรถรุ่นเก่าที่ผลิตปี 2006 เอามาผลิตใหม่แต่พอหาข้อมูลไปเรื่อยๆเลยทำให้รู้ว่า CAAD 8 มี 2 version คือ version ที่ผลิตในอเมริกา เป็นรถรุ่นเก่าออกก่อน CAAD9 และ CAAD 10
กับ version 2 ที่ Cannondale เอา CAAD8 มาผลิตใหม่โดยใส่ technology ของ CAAD10 เข้าไป แล้วขายเป็น entry level bike
วิธีดูความแตกต่างง่ายๆระหว่าง CAAD 8 เก่ากับใหม่คือ
รุ่นเก่าผลิต USA รุ่นใหม่ผลิต Taiwan
รุ่นใหม่ใช้กระโหลก BB30 รุ่นเก่าไม่ใช่ครับ
CAAD8 เป็น Entry Bike level ที่พกเทคโนโลยีของรุ่นพี่มาด้วยอย่างกระโหลก bb30 หางหลังแบบ save และท่ออลูมิเนียมแบบรีดเบา
- ท่อล่างขนาดใหญ่ทรงค่อนไปทางสี่เหลี่ยมขอบมน ไม่ซ่อนสาย
- องศารถใกล้เคียง CAAD 10
- ช่วง Head tube สูงกว่า CAAD10 10mm โดยประมาณ และผลิตแบบ Externally machined head tube คือผลิตแยกส่วน ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกแล้วค่อยเอามาประกอบ เพื่อลดนน. โดยไม่เสียความแข็งแรง
- รถโดนออกแบบให้เป็น All rounder มากกว่าจะเป็นสาย Racing
- ตะเกียบเป็นคาร์บอนซางอลู ไม่เทเปอร์ ส่วน CAAD10 เป็นตะเกียบคาร์บอนซางคาร์บอน
- รอยเชื่อมแบบ Smooth Welds
- Asymmetric Chain Stays
- นน. เฟรมเปล่า ผมลืมชั่งไว้ จากคำบอกเล่า ถ้าเฉพาะตัวเฟรม ต่างกับ CAAD10 ประมาณ 1 ขีด แต่ตะเกียบจะหนักกว่า 2 ขีด โดยประมาณ ถ้าหาตะเกียบคาร์บอนมาใส่แทน น้ำหนักไม่น่าจะหนีจาก CAAD10 เท่าไหร่
- ผลิตใน Taiwan
CAA8 แบบ complete จะมีหลายชุดขับให้เลือก ตั้งแต่ claris sora tiagra 105 โดยจะสีจะเปลี่ยนตามชุดขับ เลือกซื้อกันได้ตามอัธยาศัยครับ
ส่วนตัว
Riding
ถ้าเทียบกับ impulso คันเดิมที่ขี่มาประมาณ 1000 km ก่อนแล้วมาเปลี่ยนเป็นคันนี้ ขี่ไปแล้วประมาณ 1000 โลเช่นกัน (ล้อ zonda และยางเดียวกันย้ายมาจาก impulso)
ความรู้สึกแรกที่รู้สึกหลังจากเปลี่ยนมาเป็นคันนี้คือ “ก่อนหน้านี่..ู..ขี่อะไรมาตั้งนานวะเนี่ย” คือเป็นรถที่ขี่ได้”สนุก”มากคันนึง ตัวเฟรม stiff กว่า ให้ความมั่นคงตอนเข้าโค้งที่ดีกว่า(มากกกก) และนุ่มซับแรงได้ดีกว่าเมื่อเจอผิวขรุขระ
ความ stiff - Stiff กว่า impulso มากๆ ไม่เท่าพวก carbon เกรด top แต่ดีกว่า carbon เกรดล่าง จากที่เคยลองแบบผ่านๆ และ stiff เหลือเฟือสำหรับนักปั่นหน้าใหม่-กลาง
พุ่ง - ไม่ได้พุ่งจิ๊ดจ๊าด เนื่องจากน้ำหนักตัวที่ยังหนักกว่าคาร์บอน แต่ขึ้นได้เรื่อยๆ ไปตามน้ำหนักเท้าที่กด
ความมั่นคง - ดีมากให้ความรู้สึกรถเกาะถนนได้นิ่งมากๆ เท่าที่เคยลองเร็วที่สุดคือตอนลงจากเขากระโจม ลงมาด้วยความเร็วประมาณ 50 กว่าๆแล้วยัดโค้งตัว S เลย ก็ยังให้ความรู้สึกนิ่งอยู่
นุ่ม - ตอนออกทริปสวนผึ้ง จะเจอเส้นชะลอความเร็วสีขาวอยู่เป็นระยะ ไม่ต้องหักหลบให้วุ่นวายครับ รูดไปได้สบายๆ ไม่รู้สึกเจ็บหรือสะเทือนเท่าไหร่
My Bike Setup
Frame set- CAAD8 size 51
Groupset - SRAM Force 22 ผสมกับ Rival 22 (ขาจานกับเฟืองเป็น force ที่เหลือเป็น rival)
Wheelset - Token T55 Tubular ซี่ Sapim CX-Ray ดุม Triramic (ลูกปืนผสมกัน Ceramic กับ Titanium เรียงสลับเม็ดกัน)
Stem - Controltech ESTRO MTX 110 mm
Hand - Syntace CDR 7075 Alu 42mm (C-C 40 mm)
Seatpost - Syntace P6 7075 Alu
Seat - Fizik Arione VSX Ki:um
Tyre - Continential Gatorskin
Other - ผ้าผันแฮนด์ Lizard skin, ชุดไมล์ Bontrager Node 1.1, ขากระติก Specialized Cage
น้ำหนักรวม 7.9 kg พอดี
ส่วนรถผมคันนี้ยังไม่ได้ไป fitting มา แต่เคยไปฟิตติ้งจากคันเก่าแล้วเอาค่าที่จดไว้มาปรับใส่กับคันนี้ ผมขี่ไป ค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เกือบจะลงตัวหมดแล้วครับ
THE GREAT 8
You’re done being a "rider" - you want to be a "cyclist." You want to bump up a level on the club rides. You ditched the cut-offs and t-shirt for padded cycling shorts. Yup, you’ve caught road-bike fever.
จากที่ผมได้ขี่มา คิดว่าคำบรรยายที่ผมคัดลอกมาจาก web cannondale เองนี่แหละ ตรงที่สุดแล้วสำหรับคำนิยามของ CAAD8