http://www.smartsme.tv/breaking_detail.php?id=13049
จากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกอ่อนแอ ทำให้รัฐบาลออกมาตรการต่างๆมากมายช่วงเอสเอ็มอี แต่ก็ยังไม่เห็นผลตามที่คาดมากนัก ทำให้มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดกิจการเลิกจ้างแรงงานไปจำนวนมาก ไปติดตามจากรายงาน
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนหลายล้านรายของไทย ถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะมีธุรกรรมทางธุรกิจมหาศาลและมีการว่าจ้างแรงงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากล้มทั้งยืน และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดกิจการเลิกจ้างแรงงานไปจำนวนมาก
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผล กระทบตั้งแต่การขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ผสมกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ กระทบกับการค้าขาย เศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ต่ำและติดลบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระทบต่อ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง
ที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่เป็นมาตรการเบี้ยหัวแตก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึง และหลายมาตรการเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ตอนขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการออกมาตรการลดภาษีนิติบุคคลบรรเทา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแต่ปรากฏว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบรายจ่ายเพิ่ม ไม่มีกำไร ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้
นอกจากนี้ มาตรการสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีทุนหมุนเวียนมากขึ้น ก็ดำเนินการได้ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) มีปัญหาหนี้เสียจำนวนมาก ทำให้ฐานะไม่แข็งแรงพอจะปล่อยกู้
ในปัจจุบันรัฐบาลรู้ดีว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีปัญหาสาหัส ทั้งเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ กระทบกับการส่งออกเสี่ยงขยายตัวติดลบ กลายเป็นคลื่นสึนามิซัดใส่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้อยู่ยากมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งแทบจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีรายที่อ่อนแอหรือเอสเอ็มอีเกิดใหม่เพราะกลัวหนี้เสีย
ดังนั้น การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงตกหนักหน่วยงานของรัฐบาล โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้งเอสเอ็มอีแบงก์และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดปัจจุบันออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังประสบปัญหาเดิมคือ มาตรการที่ออกมายังไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างที่ควรเป็น
เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ เอสเอ็มอีอ่อนแรง
จากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกอ่อนแอ ทำให้รัฐบาลออกมาตรการต่างๆมากมายช่วงเอสเอ็มอี แต่ก็ยังไม่เห็นผลตามที่คาดมากนัก ทำให้มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดกิจการเลิกจ้างแรงงานไปจำนวนมาก ไปติดตามจากรายงาน
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนหลายล้านรายของไทย ถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะมีธุรกรรมทางธุรกิจมหาศาลและมีการว่าจ้างแรงงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากล้มทั้งยืน และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องปิดกิจการเลิกจ้างแรงงานไปจำนวนมาก
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผล กระทบตั้งแต่การขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน ผสมกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ กระทบกับการค้าขาย เศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ต่ำและติดลบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระทบต่อ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างรุนแรง
ที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่เป็นมาตรการเบี้ยหัวแตก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึง และหลายมาตรการเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ตอนขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการออกมาตรการลดภาษีนิติบุคคลบรรเทา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแต่ปรากฏว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบรายจ่ายเพิ่ม ไม่มีกำไร ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้
นอกจากนี้ มาตรการสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีทุนหมุนเวียนมากขึ้น ก็ดำเนินการได้ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) มีปัญหาหนี้เสียจำนวนมาก ทำให้ฐานะไม่แข็งแรงพอจะปล่อยกู้
ในปัจจุบันรัฐบาลรู้ดีว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังมีปัญหาสาหัส ทั้งเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว เศรษฐกิจโลกอ่อนแอ กระทบกับการส่งออกเสี่ยงขยายตัวติดลบ กลายเป็นคลื่นสึนามิซัดใส่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้อยู่ยากมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งแทบจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีรายที่อ่อนแอหรือเอสเอ็มอีเกิดใหม่เพราะกลัวหนี้เสีย
ดังนั้น การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงตกหนักหน่วยงานของรัฐบาล โดยเฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้งเอสเอ็มอีแบงก์และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดปัจจุบันออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย แต่ก็ยังประสบปัญหาเดิมคือ มาตรการที่ออกมายังไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างที่ควรเป็น