Update: 10.23 น. 19 พ.ค. 58
บล.ธนชาต ระบุว่า SET ในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น ตลาดจะถูกขับเคลื่อนโดยสภาพคล่องและยังมีเงินหนุนให้ปรับตัวขึ้นถึง 1,700 จุด
บล.ธนชาต ระบุว่า SET ในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น โดยมองว่า SET ถูกขับเคลื่อนโดยสภาพคล่อง และยังมีเงินหนุน SET ให้ปรับตัวขึ้นถึงเป้าดัชนี ณ สิ้นปีของฝ่ายวิจัยที่ 1,700 จุด โดยปัจจัยผลักดัน ได้แก่การออกเสียงลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6 ส.ค.
รวมทั้งการปรับคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกระทรวงทางเศรษฐกิจ (หนึ่งปีหลังการทำรัฐประหารในเดือนพ.ค.14 และเพื่อผลักดันการเติบโตอย่างเร่งด่วน
อีกทั้งความเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนในโครงการรถไฟความเร็วปานกลางซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างไทยกับจีน รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่แตะจุดต่ำสุดใน 1H15 และการเร่งใช้จ่ายของรัฐบาลใน 3Q15 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ สิ้นสุดเดือนก.ย.
จากที่คาดว่าจะมีปัจจัยผลักดันทางมหภาคมากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ จึงค่อยๆ เพิ่มหุ้นขนาดใหญ่เข้ามาในพอร์ตการลงทุนของเรามากขึ้น จากปีก่อนที่มีหุ้นขนาดใหญ่เพียง 3 ตัว และ 5 ตัว ในช่วงต้นปีนี้ ปัจจุบันเรามีหุ้นขนาดใหญ่ในพอร์ตการลงทุนของเรา 7 ตัวจากทั้งหมด 10 ตัว เราเพิ่ม PTTGC, DELTA และ EA แทน BDMS TISCO และ STEC โดยหุ้น 3 ตัวที่เพิ่มเข้ามานี้มีปัจจัยผลักดันราคาหุ้นที่ชัดเจนกว่า แต่หุ้น 3 ตัวที่เอาออกไปนั้น เราก็ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
ที่มา
http://www.moneychannel.co.th/news_detail/3213/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%87-SET-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-1700-%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94 
ธนชาต ปักธง SET ปีนี้ 1,700 จุด
บล.ธนชาต ระบุว่า SET ในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น ตลาดจะถูกขับเคลื่อนโดยสภาพคล่องและยังมีเงินหนุนให้ปรับตัวขึ้นถึง 1,700 จุด
บล.ธนชาต ระบุว่า SET ในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น โดยมองว่า SET ถูกขับเคลื่อนโดยสภาพคล่อง และยังมีเงินหนุน SET ให้ปรับตัวขึ้นถึงเป้าดัชนี ณ สิ้นปีของฝ่ายวิจัยที่ 1,700 จุด โดยปัจจัยผลักดัน ได้แก่การออกเสียงลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6 ส.ค.
รวมทั้งการปรับคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกระทรวงทางเศรษฐกิจ (หนึ่งปีหลังการทำรัฐประหารในเดือนพ.ค.14 และเพื่อผลักดันการเติบโตอย่างเร่งด่วน
อีกทั้งความเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนในโครงการรถไฟความเร็วปานกลางซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่างไทยกับจีน รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่แตะจุดต่ำสุดใน 1H15 และการเร่งใช้จ่ายของรัฐบาลใน 3Q15 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ สิ้นสุดเดือนก.ย.
จากที่คาดว่าจะมีปัจจัยผลักดันทางมหภาคมากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ จึงค่อยๆ เพิ่มหุ้นขนาดใหญ่เข้ามาในพอร์ตการลงทุนของเรามากขึ้น จากปีก่อนที่มีหุ้นขนาดใหญ่เพียง 3 ตัว และ 5 ตัว ในช่วงต้นปีนี้ ปัจจุบันเรามีหุ้นขนาดใหญ่ในพอร์ตการลงทุนของเรา 7 ตัวจากทั้งหมด 10 ตัว เราเพิ่ม PTTGC, DELTA และ EA แทน BDMS TISCO และ STEC โดยหุ้น 3 ตัวที่เพิ่มเข้ามานี้มีปัจจัยผลักดันราคาหุ้นที่ชัดเจนกว่า แต่หุ้น 3 ตัวที่เอาออกไปนั้น เราก็ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
ที่มา http://www.moneychannel.co.th/news_detail/3213/%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%87-SET-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-1700-%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94