สปอยของตอนที่แล้วค่ะ
http://pantip.com/topic/33638189
สารภาพว่าตอนแรกกะจะทำตอนเดียว แต่เพราะกระแสตอบรับดีพอควร เป็นกระทู้แนะนำอยู่พักนึงเลยแน่ะ

เอาเป็นว่าถ้ายังพอมีคนเข้ามาอ่าน คอมเม้นsend gift รึไม่ก็โหวตให้กำลังใจก็จะทำต่อไปเรื่อยๆค่ะ
สปอยของตอนนี้เตือนก่อนว่ายาวมากค่ะ หลักๆคืออาเชอร์คุง พูดก่อนไปหลัง หลังกลับมาหน้า หน้าไปนู่น กำลังคิดว่าทำสรุปสิ่งที่อาเชอร์ต้องการจะสื่อด้วยเป็นอีกสักคห.นึงดีไหม ใครงงก็รีเควสมาละกัน ถ้าติด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือแปลยาวเวิ่นเว้อ ใครอยากรู้ก็เข้าไปอ่านค่ะ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
"ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็จะไม่สามารถช่วยฝ่ายไหนได้ทั้งนั้น"
ทั้งตัวตนจากอนาคตที่มองดูอดีตของตัวเอง.... หรือคนที่มองมายังตัวตนในอนาคต
สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงร่ำไห้ให้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น
เพราะจุดจบของตาบ้าที่คิดแต่จะช่วยคนอื่นน่ะ ฉันเองก็รู้ดีอยู่แล้ว"
รินรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิโร่ที่ยังคงยึดหลักที่จะช่วยคนต่อไปและรู้ดีเช่นกันว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนนี้....
สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถช่วยใครให้หลุดจากสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ได้ มีแต่สร้างบาดแผลความเจ็บปวดให้กับพวกเขาเท่านั้น
เปิดตอนมาที่ ชิโร่ซึ่งอยู่ในที่แห่งหนึ่งและดูแล้วไม่น่าต่อเนื่องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ชายหนุ่มที่บาดเจ็บยอมรับอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้คนเสียน้ำตาอีกครั้ง
///ตัดเข้าOP
เอ๊ะ อะไรนะ เปิดตอนซีเรียสไปรึเปล่า
เปิดตอนมาที่อาเชอร์กำลังนั่งทำตัวเป็นพระเอกเข้าดาร์คไซด์อยู่ที่มุมมืดหาแสงไม่ได้ของปราสาทไอซ์เบิร์น
ต้อนรับการมาเยือนของทั้งสามคน
ชิโร่เริ่มเข้าเรื่องทันทีโดยการบอกว่า สร้อยของโทซากะที่พ่อให้มาไม่มีทางมีสองอันไปได้
"และนั่นจะเป็นของที่นายที่ถูกช่วยไว้จะเก็บติดตัวไปตลอดชีวิต"
อาเชอร์พูดราวกับรู้ราวในอนาคตของ เอมิยะ ชิโร่
พร้อมกับอธิบายถึงเรื่องที่ว่า เพราะรินไม่ได้เตรียมสื่ออัญเชิญไว้ จึงคิดว่าตัวเองทำพิธีอัญเชิญแบบสุ่ม
ในขณะเดียวกันรินก็ไม่ได้ใช้พลังเวทย์จากสร้อยในการอัญเชิญอาเชอร์(ไม่ได้บังเอิญใช้สิ่งอัญเชิญ)
ซึ่งก็หมายความว่าคนที่มี"สื่ออัญเชิญ"ก็คือตัวเซอร์แวนท์เอง
การเป็นวีรชนทำให้อยู่นอกเหนือกฏของกาลเวลา เซอร์แวนท์ที่ถูกอัญเชิญจึงสามารถเป็นคนที่มาจากอนาคตได้
ก่อนที่จะร่ายยาวไปกว่านี้ ชิโร่รีบดักคอถามหาโทซากะทันที ก่อนจะรู้ว่าอาเชอร์ทิ้งไว้ให้อยู่กับชินจิไปซะแล้ว
ผมจำเป็นนน~
แลนเซอร์อาสาเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้เอง พร้อมกับบอกว่า นี่เป็นคำสั่งที่ตัวเองอยากทำที่สุดที่มาสเตอร์ของตนเคยสั่งมา
"แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยกลับมาเป็นศัตรูกัน" แลนเซอร์พูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
ถึงแม้ว่าแลนเซอร์จะถูกใจรินและเกลียดมาสเตอร์ของตัวเอง คู ฮูลินก็เป็นคนที่ไม่นิยมทรยศหักหลังใคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อา.... ฉากร้อยยิ้มนี้มันช่างเป็นลาง Death Flagชัดๆ
แลนเซอร์ที่กำลังจะออกตัว หันมามองเป็นเชิงถามเซเบอร์ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกเหตุผลที่ไม่ไปว่าจำเป็นต้อง"เฝ้าดู"การต่อสู้ครั้งนี้
ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เซเบอร์ถามอาเชอร์อีกครั้งว่าทำไม คนที่เป็นอุดมคติของชิโร่กลายเป็นวีรชนถึงกลับมาทำอะไรแบบนี้
ฝั่งอาเชอร์ก็บ่ายเบี่ยงพูดอ้อมเป็นกิโล โดยเริ่มจากบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นวีรชนด้วยกำลังของตัวเองจริงๆ
แต่เป็นวีรชนจากการยอมขายชีวิตหลังความตายจนต้องมาเป็น Guardian(ผู้พิทักษ์)ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฉากตัดมาที่แลนเซอร์ กำลังใช้เวทย์สาย Rune ค้นหาตำแหน่งรินในปราสาทไอซ์เบิร์นซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเดินหา
เผียะ!
เสียงตบหน้าหนึ่งฉาดดังขึ้น กระตุกอารมณ์ความกริ้วโกรธให้ผู้ชมได้ในทันที
ดูจากคำพูดของทั้งคู่แล้ว เมื่อครู่ รินคงพยายามบอกให้ชินจิรู้ตัวว่าโดนหลอก ให้หนีไป
นางเอกจริงจัง
ในขณะที่เจ้าหัวสาหร่ายคิดแค่ว่าเป็นการแข็งขืนธรรมดาเลยตบหน้าโชว์ว่าตัวเองเหนือกว่า
รินถูกเชือกผนึกการใช้เวทย์ของอาเชอร์มัดไว้ จึงจำต้องใจเย็นปล่อยให้เจ้าหัวสาหร่ายลวนลาม
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป จนกระทั่ง....
แลนเซอร์เข้ามาตบเกรียน ซัดชินจิไปโดนเสา น็อคไปในทันที พร้อมกับเตรียมจะตัดเชือกให้ริน แต่ก็มีคนโผล่มาซะก่อน
"หยุดแค่นั้นล่ะ แลนเซอร์ "
เจ้าของเสียงสร้างความตกใจให้ทั้งรินและแลนเซอร์
ตัดกลับไปอีกด้าน
อาเชอร์ไขข้อข้องใจให้เซเบอร์ว่า Guardian ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคนอื่นอย่างที่เธอคิด แต่มีหน้าที่
"เก็บกวาด"ต่างหาก
พร้อมกับยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นวีรชน "มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"อย่างที่ฝันไว้ จึงทำให้ได้รู้ถึงความเป็นจริงที่ผิดพลาด
พร้อมกับบอกว่าคนที่มึความต้องการจะใช้จอกแก้ไขอดีตเหมือนกันอย่างเซเบอร์ต้องเข้าใจสิ
บีบให้เซเบอร์ต้องเป็นคนบอกชิโร่เองว่า พรที่เธอต้องการขอกับจอกคือการกลับไปแก้ไขการตัดสินใจ ดึงดาบคาลิเบิร์นออกจากหิน
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นราชาที่นำพาบริเทนไปสู่การล่มสลาย พร้อมกับบอกว่าอาเชอร์ที่ทำตามฝันสำเร็จแล้วมันคนละกรณีกัน
อาเชอร์ยอมรับเรื่องแค่ที่ว่าตนได้เป็น"มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"ตามอุดมคติสำเร็จ พร้อมกับเล่าเรื่องที่มีแต่ทำให้เสียใจภายหลังของตัวเองต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทุกๆครั้งที่เกิดเรื่องที่มีผลทำร้ายโลก ชายหนุ่มก็จะถูกอัญเชิญออกมาเรื่อยๆ กี่ครั้งไม่ว่ากี่ครั้ง เขาก็รับคำสั่งให้ออกมาฆ่าคน
แม้ทุกๆชีวิตที่เขาฆ่า คือชีวิตอีกหลายพันคนที่เขาได้ช่วย แต่การอัญเชิญออกมานั้นกลับไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยมนุษย์ก็สร้างความขัดแย้ง สร้างเรื่องขึ้นมาใหม่เสมอ
นั่นทำให้ชายหนุ่มที่ฆ่าคนจนชินชาก็คิดได้ว่าการเป็น"มิตรแห่งความเที่ยงธรรม" มันเป็นอุดมคติที่ตื้นเขินสิ้นดี
เพราะเรื่องที่จะช่วยหมดทุกคนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว วิธีที่จะทำตามอุดมคตินั้นให้ได้มากที่สุดก็คือ จัดการตัดจำนวนคนทิ้งให้เหลือเท่าที่สามารถช่วยได้เท่านั้น
"ในขณะที่บอกว่าไม่ต้องการให้ใครตาย แต่กลับปล่อยคนส่วนน้อยตายเพื่อช่วยคนส่วนมาก"
"บอกว่าไม่ต้องการให้ใครเสียใจ แต่กลับนำพาคนจำนวนหนึ่งเข้าสู่ความสิ้นหวัง"
"นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของชั้นคนนี้ วีรชน เอมิยะ"
"นายไม่คิดว่าคนแบบนี้สมควรตายๆไปซะได้ก็ดีบ้างอย่างงั้นเหรอ"
อาเชอร์
ที่ไปนั่งอยู่ในมุมมืดให้ต้องปรับContrastอยู่ตั้ง12นาทีเดินออกมาตั้งคำถามกับชิโร่
ว่าแล้วอาเชอร์ก็เทรสดาบโยนไปตรงหน้าชิโร่ แล้วบอกให้ฆ่าตัวตาย
//ตัดฉากกลับไปที่ริน
"ไม่ใช่ว่ามาสเตอร์ของชั้นถือรีตไม่เปิดเผยตัวในที่สาธารณะหรอกเหรอ"
คำถามของแลนเซอร์แสดงให้เห็นว่าที่ตกใจเมื่อครู่ ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามาสเตอร์ของตัวเองอยู่ใกล้ๆ แต่ตกใจที่ยอมโผล่หัวออกมาต่างหาก
คิเรย์บ่นเรื่องมารยาทกับเรื่องขัดคำสั่งใส่แลนเซอร์พร้อมกับบอกว่าตนกำลังแท็คทีมอยู่กับชินจิ
รินที่เดาอยู่แล้วว่าคิเรย์ยังไม่ตาย จึงถามถึงเหตุผลที่ร่วมมือกับคน"ไร้พิษสง"อย่างชินจิ
เรียกว่าเยือกเย็นกับสถานการณ์ตรงหน้าจนคิเรย์ถึงกับเอ่ยปากชม
ก่อนเผยเหตุผลที่คอยให้แลนเซอร์คอยตามคุ้มกันว่า เป็นเพราะหลอกมาตั้งสิบปี ให้ตายไวก็ไม่สนุกสิ
"ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเล่นไม่ซื่อ แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนหลอกตั้งแต่แรกแบบนี้"
ประโยคนั้นทำเอาคิเรย์ขำพร้อมกับกวนประสาทถามรินว่าคำว่า"ตั้งแต่แรก"ของรินหมายถึงตั้งแต่สงครามจอกครั้งนี้ หรือตั้งแต่สงครามจอกครั้งที่แล้ว นับเป็นการเปิดเผยตัวว่าฆ่าพ่อริน อย่างวายร้ายเลยทีเดียว
//ตัดฉากกลับมาที่อาเชอร์
เซเบอร์ได้ฟังเรื่องราวของอาเชอร์ก็ด่วนตีความว่า อาเชอร์รู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ทำลงไป จนถึงขนาดจะชดใช้ด้วยการฆ่าตัวตาย
ทั้งที่จริงๆแล้ว อาเชอร์แค่โดนอุดมคติของตัวเองทรยศหักหลังเท่านั้น
อาเชอร์ได้ฟังก็หัวเราะลั่น พร้อมกับบอกว่าถ้าพูดถึงเรื่องทรยศแล้ว
ก็เป็นปกติของคนธรรมดาที่จะไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถห่วงชีวิตคนอื่น
ได้มากกว่าชีวิตตัวเองพร้อมกับบอกว่าถ้าจะนับว่ามีบาปก็คงชดใช้ไปตั้งแต่ตอนโดนประหารแล้ว
และแล้วเอมิยะ ชิโร่ที่กลับพอใจกับผลลัพธ์ที่ทุกคนมีความสุข คิดเพียงจะช่วยคนเพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจไปเป็น Guardianก่อนจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด..
"ไอ้นักบวช@#%!!! อย่างนายนรกยังไม่เอาไว้เลย!!#@$#@$@$*@&!!!! " เปลี่ยนฟิลลิ่งแทบไม่ทัน
เสียงด่าขาดฟิวส์ขาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของรินสร้างความงุนงงให้กับชินจิและความสะใจให้กับคิเรย์เป็นอย่างยิ่ง
คิเรย์ที่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา บอกให้แลนเซอร์ฆ่ารินเอาหัวใจออกเพื่อจะเอาไปเป็นภาชนะใหม่ให้จอก
โดยหลักแล้ว Guardian ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคน แต่มีหน้าที่เก็บกวาดหายนะที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
ตัดตรงที่สบายใจเลยจ๊ะUFO
รวมทั้งจัดการผู้คนที่มีโอกาสทำให้โลกเข้าสู่ภาวะอันตรายโดยไม่สนว่ากลุ่มคนนั้นเป็นคนดีหรือคนเลว
สุดท้ายแล้วสิ่งที่อาเชอร์ทำก็ไม่ต่างอะไรจากตอนมีชีวิตอยู่ ขัดแย้งกับความปรารถนาอุดมคติที่อยากจะช่วยคนอื่นแต่ไม่เคยทำได้
ทั้งหมดเป็นเพราะอย่างเป็นวีรชน เป็น"มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"นั่นล่ะ
อาเชอร์ที่เบื่อที่จะต้องตามเก็บกวาดให้พวกมนุษย์ แต่ก็หนีชะตานี้ไปไม่ได้เพราะเป็นGuardian จึงเฝ้ารอเวลานี้มาโดยตลอด
"ถ้าเพียงตัวตนของชั้นหายไปล่ะก็...."
อาเชอร์คิดจะฆ่าเอมิยะชิโร่เพื่อลบตัวตนของเขาออกไป เพื่อที่ว่าจะไม่มีคนที่จะกลายเป็นฮีโร่ในอนาคต แม้ความเป็นไปได้จะน้อยมากเพราะ วีรชนเป็นสิ่งที่นอกเหนือกาลเวลาไปแล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะไม่มี วีรชน เอมิยะในไทม์ไลน์นี้และจะไม่มีคนที่ต้องตายเพราะมัน
ว่าแล้ว ชิโร่ก็หยิบดาบขึ้นมาตามเร่งเร้าของอาเชอร์....
ตัดมาที่ฝั่งคิเรย์ แลนเซอร์ที่ยืนนิ่งไม่ฆ่าริน บอกปัดคำสั่งมาสเตอร์ตัวเอง พร้อมกับบอกว่าถ้าจะให้ทำก็ใช้เรย์จูซะ ว่าแล้วคิเรย์ก็ใช้เรย์จู
"ด้วยอำนาจของเรย์จูข้าขอสั่ง...."
"ฆ่าตัวตายซะ แลนเซอร์"
เดจาวูเอ๊ยหอกคำสาปสีแดงเลือดแทงทะลุหัวใจส่งเจ้าของของตัวเองลงไปนอนกลับพื้น ตาเหลือกแน่นิ่งไปในทันที
"อาเชอร์...นายรู้เสียใจภายหลังอย่างงั้นเหรอ"
เขาพูดมาซะขนาดนี้ไม่มั้งครับ
"แน่ล่ะ"
[ถึงตรงนี้กรุณาเปิด theme Emiya คลอ]
"ถ้างั้นเราก็ไม่ใช่คนเดียวกันแล้วล่ะ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชั้นไม่มีวันเสียใจภายหลัง"
"ถ้านายเป็นตัวชั้นในอุดมคติจริงๆล่ะก็ ชั้นจะกำจัดอุดมคติที่ผิดพลาดอันนั้นทิ้งเอง!!"
"ถึงจุดนึงนายก็จะกลายเป็นชั้น"
ชิโร่ตอบปฏิเสธ ถึงจุดนี้อาเชอร์ไม่สนใจที่จะเถียงต่อ เพราะถ้าชิโร่ซะตายที่นี่ ชิโร่ก็ไม่กลายเป็นอาเชอร์ได้เหมือนกัน
เซเบอร์เข้ามาขวาง ไม่ใช่เพราะเธอตั้งใจจะผิดสัญญา แต่เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่อาเชอร์ทำไม่อาจปลดปล่อยเขาได้
ชิโร่เข้าใจดีจึงกล่าวขอบคุณ การต่อสู้เพื่ออุดมคติของตัวเองครั้งนี้จำเป็นต้องขึ้น นั่นคือสิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว
"TRACE"
"ON"

ดาบคันฉะ เบียคุยะสองคู่พุ่งเข้าประทะกันพร้อมกับ.....จบตอน
กรีดร้องงงงงงงง
จบแล้วค่าาา ยาวมาก คิดว่าตอนหน้าหลังจากนี้ จะไม่สรุปยาวขนาดนี้แน่ ที่ลงทุนขนาดนี้เพราะตอนนี้เป็นแก่นของเรื่องค่ะ
ถึงจะยืนคุยกันอย่างเดียวไม่ได้สู้กันก็เถอะ เพราะเนื้อหาซีเรียสพอควรเลยไม่รู้จะแปะมุกดีไหมกันเลยทีเดียว
ขอตัวไปพักค่ะ ไม่ไหว คิดยังไงกับตอนนี้ว่ามาค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาคุยด้วยค่ะ ใครอ่านถึงตรงนี้ได้กราบเลยค่ะยาวเกินไปจริงๆ
สปอย Fate Stay Night UBW ตอนที่19 Ver.แก้ตัวให้อาเชอร์ ใครดูแล้วมาคุยกันค่ะ
http://pantip.com/topic/33638189
สารภาพว่าตอนแรกกะจะทำตอนเดียว แต่เพราะกระแสตอบรับดีพอควร เป็นกระทู้แนะนำอยู่พักนึงเลยแน่ะ
เอาเป็นว่าถ้ายังพอมีคนเข้ามาอ่าน คอมเม้นsend gift รึไม่ก็โหวตให้กำลังใจก็จะทำต่อไปเรื่อยๆค่ะ
สปอยของตอนนี้เตือนก่อนว่ายาวมากค่ะ หลักๆคืออาเชอร์คุง พูดก่อนไปหลัง หลังกลับมาหน้า หน้าไปนู่น กำลังคิดว่าทำสรุปสิ่งที่อาเชอร์ต้องการจะสื่อด้วยเป็นอีกสักคห.นึงดีไหม ใครงงก็รีเควสมาละกัน ถ้าติด[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คือแปลยาวเวิ่นเว้อ ใครอยากรู้ก็เข้าไปอ่านค่ะ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ทั้งตัวตนจากอนาคตที่มองดูอดีตของตัวเอง.... หรือคนที่มองมายังตัวตนในอนาคต
สิ่งที่ฉันทำได้มีเพียงร่ำไห้ให้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น
เพราะจุดจบของตาบ้าที่คิดแต่จะช่วยคนอื่นน่ะ ฉันเองก็รู้ดีอยู่แล้ว"
รินรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิโร่ที่ยังคงยึดหลักที่จะช่วยคนต่อไปและรู้ดีเช่นกันว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนนี้....
สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถช่วยใครให้หลุดจากสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่ได้ มีแต่สร้างบาดแผลความเจ็บปวดให้กับพวกเขาเท่านั้น
เปิดตอนมาที่ ชิโร่ซึ่งอยู่ในที่แห่งหนึ่งและดูแล้วไม่น่าต่อเนื่องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ชายหนุ่มที่บาดเจ็บยอมรับอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้คนเสียน้ำตาอีกครั้ง
///ตัดเข้าOP
เอ๊ะ อะไรนะ เปิดตอนซีเรียสไปรึเปล่าเปิดตอนมาที่อาเชอร์กำลังนั่งทำตัวเป็นพระเอกเข้าดาร์คไซด์อยู่ที่มุมมืดหาแสงไม่ได้ของปราสาทไอซ์เบิร์น
ต้อนรับการมาเยือนของทั้งสามคน
ชิโร่เริ่มเข้าเรื่องทันทีโดยการบอกว่า สร้อยของโทซากะที่พ่อให้มาไม่มีทางมีสองอันไปได้
"และนั่นจะเป็นของที่นายที่ถูกช่วยไว้จะเก็บติดตัวไปตลอดชีวิต"
อาเชอร์พูดราวกับรู้ราวในอนาคตของ เอมิยะ ชิโร่
พร้อมกับอธิบายถึงเรื่องที่ว่า เพราะรินไม่ได้เตรียมสื่ออัญเชิญไว้ จึงคิดว่าตัวเองทำพิธีอัญเชิญแบบสุ่ม
ในขณะเดียวกันรินก็ไม่ได้ใช้พลังเวทย์จากสร้อยในการอัญเชิญอาเชอร์(ไม่ได้บังเอิญใช้สิ่งอัญเชิญ)
ซึ่งก็หมายความว่าคนที่มี"สื่ออัญเชิญ"ก็คือตัวเซอร์แวนท์เอง
การเป็นวีรชนทำให้อยู่นอกเหนือกฏของกาลเวลา เซอร์แวนท์ที่ถูกอัญเชิญจึงสามารถเป็นคนที่มาจากอนาคตได้
ก่อนที่จะร่ายยาวไปกว่านี้ ชิโร่รีบดักคอถามหาโทซากะทันที ก่อนจะรู้ว่าอาเชอร์ทิ้งไว้ให้อยู่กับชินจิไปซะแล้ว
ผมจำเป็นนน~แลนเซอร์อาสาเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้เอง พร้อมกับบอกว่า นี่เป็นคำสั่งที่ตัวเองอยากทำที่สุดที่มาสเตอร์ของตนเคยสั่งมา
"แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยกลับมาเป็นศัตรูกัน" แลนเซอร์พูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
ถึงแม้ว่าแลนเซอร์จะถูกใจรินและเกลียดมาสเตอร์ของตัวเอง คู ฮูลินก็เป็นคนที่ไม่นิยมทรยศหักหลังใคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แลนเซอร์ที่กำลังจะออกตัว หันมามองเป็นเชิงถามเซเบอร์ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกเหตุผลที่ไม่ไปว่าจำเป็นต้อง"เฝ้าดู"การต่อสู้ครั้งนี้
ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เซเบอร์ถามอาเชอร์อีกครั้งว่าทำไม คนที่เป็นอุดมคติของชิโร่กลายเป็นวีรชนถึงกลับมาทำอะไรแบบนี้
ฝั่งอาเชอร์ก็บ่ายเบี่ยงพูดอ้อมเป็นกิโล โดยเริ่มจากบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นวีรชนด้วยกำลังของตัวเองจริงๆ
แต่เป็นวีรชนจากการยอมขายชีวิตหลังความตายจนต้องมาเป็น Guardian(ผู้พิทักษ์)ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฉากตัดมาที่แลนเซอร์ กำลังใช้เวทย์สาย Rune ค้นหาตำแหน่งรินในปราสาทไอซ์เบิร์นซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเดินหา
เสียงตบหน้าหนึ่งฉาดดังขึ้น กระตุกอารมณ์ความกริ้วโกรธให้ผู้ชมได้ในทันที
ดูจากคำพูดของทั้งคู่แล้ว เมื่อครู่ รินคงพยายามบอกให้ชินจิรู้ตัวว่าโดนหลอก ให้หนีไป
นางเอกจริงจังในขณะที่เจ้าหัวสาหร่ายคิดแค่ว่าเป็นการแข็งขืนธรรมดาเลยตบหน้าโชว์ว่าตัวเองเหนือกว่า
รินถูกเชือกผนึกการใช้เวทย์ของอาเชอร์มัดไว้ จึงจำต้องใจเย็นปล่อยให้เจ้าหัวสาหร่ายลวนลาม
พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป จนกระทั่ง....แลนเซอร์เข้ามาตบเกรียน ซัดชินจิไปโดนเสา น็อคไปในทันที พร้อมกับเตรียมจะตัดเชือกให้ริน แต่ก็มีคนโผล่มาซะก่อน
"หยุดแค่นั้นล่ะ แลนเซอร์ "
เจ้าของเสียงสร้างความตกใจให้ทั้งรินและแลนเซอร์
ตัดกลับไปอีกด้าน
อาเชอร์ไขข้อข้องใจให้เซเบอร์ว่า Guardian ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคนอื่นอย่างที่เธอคิด แต่มีหน้าที่ "เก็บกวาด"ต่างหาก
พร้อมกับยอมรับว่าตัวเองกลายเป็นวีรชน "มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"อย่างที่ฝันไว้ จึงทำให้ได้รู้ถึงความเป็นจริงที่ผิดพลาด
พร้อมกับบอกว่าคนที่มึความต้องการจะใช้จอกแก้ไขอดีตเหมือนกันอย่างเซเบอร์ต้องเข้าใจสิ
บีบให้เซเบอร์ต้องเป็นคนบอกชิโร่เองว่า พรที่เธอต้องการขอกับจอกคือการกลับไปแก้ไขการตัดสินใจ ดึงดาบคาลิเบิร์นออกจากหิน
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นราชาที่นำพาบริเทนไปสู่การล่มสลาย พร้อมกับบอกว่าอาเชอร์ที่ทำตามฝันสำเร็จแล้วมันคนละกรณีกัน
อาเชอร์ยอมรับเรื่องแค่ที่ว่าตนได้เป็น"มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"ตามอุดมคติสำเร็จ พร้อมกับเล่าเรื่องที่มีแต่ทำให้เสียใจภายหลังของตัวเองต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"ในขณะที่บอกว่าไม่ต้องการให้ใครตาย แต่กลับปล่อยคนส่วนน้อยตายเพื่อช่วยคนส่วนมาก"
"บอกว่าไม่ต้องการให้ใครเสียใจ แต่กลับนำพาคนจำนวนหนึ่งเข้าสู่ความสิ้นหวัง"
"นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของชั้นคนนี้ วีรชน เอมิยะ"
"นายไม่คิดว่าคนแบบนี้สมควรตายๆไปซะได้ก็ดีบ้างอย่างงั้นเหรอ"
อาเชอร์
ที่ไปนั่งอยู่ในมุมมืดให้ต้องปรับContrastอยู่ตั้ง12นาทีเดินออกมาตั้งคำถามกับชิโร่ว่าแล้วอาเชอร์ก็เทรสดาบโยนไปตรงหน้าชิโร่ แล้วบอกให้ฆ่าตัวตาย
//ตัดฉากกลับไปที่ริน
"ไม่ใช่ว่ามาสเตอร์ของชั้นถือรีตไม่เปิดเผยตัวในที่สาธารณะหรอกเหรอ"
คำถามของแลนเซอร์แสดงให้เห็นว่าที่ตกใจเมื่อครู่ ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามาสเตอร์ของตัวเองอยู่ใกล้ๆ แต่ตกใจที่ยอมโผล่หัวออกมาต่างหาก
คิเรย์บ่นเรื่องมารยาทกับเรื่องขัดคำสั่งใส่แลนเซอร์พร้อมกับบอกว่าตนกำลังแท็คทีมอยู่กับชินจิ
รินที่เดาอยู่แล้วว่าคิเรย์ยังไม่ตาย จึงถามถึงเหตุผลที่ร่วมมือกับคน"ไร้พิษสง"อย่างชินจิ
เรียกว่าเยือกเย็นกับสถานการณ์ตรงหน้าจนคิเรย์ถึงกับเอ่ยปากชม
ก่อนเผยเหตุผลที่คอยให้แลนเซอร์คอยตามคุ้มกันว่า เป็นเพราะหลอกมาตั้งสิบปี ให้ตายไวก็ไม่สนุกสิ
"ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเล่นไม่ซื่อ แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนหลอกตั้งแต่แรกแบบนี้"
ประโยคนั้นทำเอาคิเรย์ขำพร้อมกับกวนประสาทถามรินว่าคำว่า"ตั้งแต่แรก"ของรินหมายถึงตั้งแต่สงครามจอกครั้งนี้ หรือตั้งแต่สงครามจอกครั้งที่แล้ว นับเป็นการเปิดเผยตัวว่าฆ่าพ่อริน อย่างวายร้ายเลยทีเดียว
//ตัดฉากกลับมาที่อาเชอร์
เซเบอร์ได้ฟังเรื่องราวของอาเชอร์ก็ด่วนตีความว่า อาเชอร์รู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ทำลงไป จนถึงขนาดจะชดใช้ด้วยการฆ่าตัวตาย
ทั้งที่จริงๆแล้ว อาเชอร์แค่โดนอุดมคติของตัวเองทรยศหักหลังเท่านั้น
อาเชอร์ได้ฟังก็หัวเราะลั่น พร้อมกับบอกว่าถ้าพูดถึงเรื่องทรยศแล้ว
ก็เป็นปกติของคนธรรมดาที่จะไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถห่วงชีวิตคนอื่น
ได้มากกว่าชีวิตตัวเองพร้อมกับบอกว่าถ้าจะนับว่ามีบาปก็คงชดใช้ไปตั้งแต่ตอนโดนประหารแล้ว
และแล้วเอมิยะ ชิโร่ที่กลับพอใจกับผลลัพธ์ที่ทุกคนมีความสุข คิดเพียงจะช่วยคนเพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจไปเป็น Guardianก่อนจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด..
"ไอ้นักบวช@#%!!! อย่างนายนรกยังไม่เอาไว้เลย!!#@$#@$@$*@&!!!! "
เปลี่ยนฟิลลิ่งแทบไม่ทันเสียงด่าขาดฟิวส์ขาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนของรินสร้างความงุนงงให้กับชินจิและความสะใจให้กับคิเรย์เป็นอย่างยิ่ง
คิเรย์ที่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา บอกให้แลนเซอร์ฆ่ารินเอาหัวใจออกเพื่อจะเอาไปเป็นภาชนะใหม่ให้จอก
โดยหลักแล้ว Guardian ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคน แต่มีหน้าที่เก็บกวาดหายนะที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
ตัดตรงที่สบายใจเลยจ๊ะUFOรวมทั้งจัดการผู้คนที่มีโอกาสทำให้โลกเข้าสู่ภาวะอันตรายโดยไม่สนว่ากลุ่มคนนั้นเป็นคนดีหรือคนเลว
สุดท้ายแล้วสิ่งที่อาเชอร์ทำก็ไม่ต่างอะไรจากตอนมีชีวิตอยู่ ขัดแย้งกับความปรารถนาอุดมคติที่อยากจะช่วยคนอื่นแต่ไม่เคยทำได้
ทั้งหมดเป็นเพราะอย่างเป็นวีรชน เป็น"มิตรแห่งความเที่ยงธรรม"นั่นล่ะ
อาเชอร์ที่เบื่อที่จะต้องตามเก็บกวาดให้พวกมนุษย์ แต่ก็หนีชะตานี้ไปไม่ได้เพราะเป็นGuardian จึงเฝ้ารอเวลานี้มาโดยตลอด
"ถ้าเพียงตัวตนของชั้นหายไปล่ะก็...."
อาเชอร์คิดจะฆ่าเอมิยะชิโร่เพื่อลบตัวตนของเขาออกไป เพื่อที่ว่าจะไม่มีคนที่จะกลายเป็นฮีโร่ในอนาคต แม้ความเป็นไปได้จะน้อยมากเพราะ วีรชนเป็นสิ่งที่นอกเหนือกาลเวลาไปแล้ว หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะไม่มี วีรชน เอมิยะในไทม์ไลน์นี้และจะไม่มีคนที่ต้องตายเพราะมัน
ว่าแล้ว ชิโร่ก็หยิบดาบขึ้นมาตามเร่งเร้าของอาเชอร์....
ตัดมาที่ฝั่งคิเรย์ แลนเซอร์ที่ยืนนิ่งไม่ฆ่าริน บอกปัดคำสั่งมาสเตอร์ตัวเอง พร้อมกับบอกว่าถ้าจะให้ทำก็ใช้เรย์จูซะ ว่าแล้วคิเรย์ก็ใช้เรย์จู
เดจาวูเอ๊ยหอกคำสาปสีแดงเลือดแทงทะลุหัวใจส่งเจ้าของของตัวเองลงไปนอนกลับพื้น ตาเหลือกแน่นิ่งไปในทันที"อาเชอร์...นายรู้เสียใจภายหลังอย่างงั้นเหรอ"
เขาพูดมาซะขนาดนี้ไม่มั้งครับ"แน่ล่ะ"
[ถึงตรงนี้กรุณาเปิด theme Emiya คลอ]
"ถ้างั้นเราก็ไม่ใช่คนเดียวกันแล้วล่ะ เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชั้นไม่มีวันเสียใจภายหลัง"
"ถ้านายเป็นตัวชั้นในอุดมคติจริงๆล่ะก็ ชั้นจะกำจัดอุดมคติที่ผิดพลาดอันนั้นทิ้งเอง!!"
"ถึงจุดนึงนายก็จะกลายเป็นชั้น"
ชิโร่ตอบปฏิเสธ ถึงจุดนี้อาเชอร์ไม่สนใจที่จะเถียงต่อ เพราะถ้าชิโร่ซะตายที่นี่ ชิโร่ก็ไม่กลายเป็นอาเชอร์ได้เหมือนกัน
เซเบอร์เข้ามาขวาง ไม่ใช่เพราะเธอตั้งใจจะผิดสัญญา แต่เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่อาเชอร์ทำไม่อาจปลดปล่อยเขาได้
ชิโร่เข้าใจดีจึงกล่าวขอบคุณ การต่อสู้เพื่ออุดมคติของตัวเองครั้งนี้จำเป็นต้องขึ้น นั่นคือสิ่งที่เขาตัดสินใจแล้ว
ดาบคันฉะ เบียคุยะสองคู่พุ่งเข้าประทะกันพร้อมกับ.....จบตอน
กรีดร้องงงงงงงงจบแล้วค่าาา ยาวมาก คิดว่าตอนหน้าหลังจากนี้ จะไม่สรุปยาวขนาดนี้แน่ ที่ลงทุนขนาดนี้เพราะตอนนี้เป็นแก่นของเรื่องค่ะ
ถึงจะยืนคุยกันอย่างเดียวไม่ได้สู้กันก็เถอะ เพราะเนื้อหาซีเรียสพอควรเลยไม่รู้จะแปะมุกดีไหมกันเลยทีเดียว
ขอตัวไปพักค่ะ ไม่ไหว คิดยังไงกับตอนนี้ว่ามาค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาคุยด้วยค่ะ ใครอ่านถึงตรงนี้ได้กราบเลยค่ะยาวเกินไปจริงๆ