▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ทริปจักรยาน
เขาใหญ่
บันทึกนักเดินทาง
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
จักรยานเสือภูเขา
เส้นทางหลบร้อน ปั่นในป่า เส้นทางที่ 4 ขญ.11 เหวอีอ่ำ น้ำตกตระค้อ
จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ค่ะ "เหวอีอ่ำ" น้ำตกปิดที่เชื่อว่า คนในพื้นที่ ปราจีนบุรี หลาย ๆ ยังไม่รู้จัก
เช้าตรู่ วันเสาร์ที่ 20 ม.ค. 58 เป็นวันหยุดที่อยากนอนตื่นสาย แต่ก็ต้องรีบตื่นแต่ตีห้า เรานัดหมายกับเพื่อนอีกสามสี่คน เพื่อไปสำรวจเส้นทางน้ำตกเหวอีอ่ำ เวลา เกือบหกโมง พวกเราทุกคนก็มาพร้อมกัน แล้วพวกเรานัดหมายสแตนบายกันที่ความถี่145000 เพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสารขณะเดินทาง เรามุ่งหน้าขึ้นมอเตอร์เวย์ ขาออกเส้นทางบางประอินทร์ เรื่อย ๆ เวลาเกือบ แปดโมง พวกเราก็เข้าสู่ตัวเมืองนครนายก เพื่อน ๆ ทักทายผ่านทางวิทยุสื่อสาร ส่งสัญญาน ว่า หิวแล้ว เราจึงตกลงร่วมกันว่า แว๊ะ เติมพลัง และตุนเสบียงในการเดินทางของทริปนี้ด้วย
เป้าหมายแรก คือ อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ (ขญ 11) ตอนที่เราไปถึง เวลาประมาณ 9 โมงเศษ เราจอดรถกันที่นี่ เพื่อเตรียมรถจักรยานคู่ใจให้พร้อมปั่น ผจญภัย ที่นี่สะดวกปลอดภัยดีที่จะจอดรถ พี่เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดี อีกทั้งมีห้องน้ำ พร้อมให้เรา ชำระล้างร่างกายเมื่อจบทริป พวกเรา ไม่รอช้า ด้วยหัวใจที่ตื่นเต้นที่จะได้ไปชมน้ำตก จึงเร่งรีบเตรียมตัว แต่งกาย พร้อม ออกลุย อีกครั้ง เวลา พอเหมาะพอเจาะ 10 โมง สองล้อคู่ใจ ก็เริ่มหมุนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่น้ำตก “เหวอีอ่ำ”
ออกจากอุทยาน เราเลี้ยวซ้ายขับมาเรื่อย ๆ สภาพถนนเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ สองข้างทาง ไม่มีรถยนต์วิ่งสักคัน เราปั่นมาเรื่อย ๆ ตามทาง ประมาณ 2 กิโล เราก็เจอกับทางเข้าน้ำตก ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ
ว๊าว ทางเข้า ร่มรื่น มาก ถนน เปลี่ยน สภาพ จากถนนคอนกรีต เป็น ถนนลูกรัง ผสม หินลอย เริ่มสนุก แล้วสิ นี่แหละ ที่เสือ อย่าง เราๆ รอคอย ทางเป็นซิงเกิ้ลแทรก ดับเบิ้ลแทรกตามภาพ สภาพถนนที่นี่ต้องขอบอกว่า ผู้ปั่นต้องใช้ความระมัดระวัง พร้อมทักษะในการทรงตัวเป็นอย่างมาก
จากที่ได้สำรวจเส้นทาง เราทราบว่า เราจะต้องปั่นขึ้นเขา เป็นทางขึ้นต่อเนื่อง 5 กิโล จึงมีการเตือนกันว่า ค่อยๆ ไป เก็บแรง กันเอาไว้บ้างเนื่องจากต้อง ดันเนิน ยาว ความยาก เพิ่มขึ้น เป็นทวีคูณ เมื่อเราเจอกับ ถนนปูนแคบ ๆ ระยะความกว้าง ประมาณ 1 ฟุตแต่ พวกเราไม่มีใครย่อท้อ ลุย ๆๆ ไม่ ไหว ก็เข็น แค่นั้น 555
เริ่มต้น เรา รู้อยู่แล้ว ว่าจะต้องปั่นขึ้นเขาต่อเนื่อง กิโลแรก ๆ ยังชิว กิโล ที่ 2 เริ่มคุยกันน้อยลง 555 พอเริ่มเข้ากิโลที่ 3,4,5 เริ่ม ไม่มีใครคุยกับใคร เริ่มมีแต่เสียบหอบ เนื่องจาก ความชันที่เพิ่มมากขึ้น ณ. ตรงนี้ ระความชัน 8 ถึง 12 องศา ปั่น กัน ไป ยกล้อหน้ากันไป แต่ เราก็ยังสนุกสนาน แซว กันบ้าง พักกันบ้าง นี่แหละ ที่เรียกว่า ชีวิตขาขึ้น
พอพ้นทางชัน 5 โลแรก มา เราก็เจอกับเนิน ซึม ๆ เป็นป่าโปร่งแต่ก็ร่มรื่น แต่เนื่องจากเราไต่เนินชัน กันมาจน มึน เราไม่รู้เลยว่า กิโลสุดท้ายเป็นเนิน ซึม พวกเราคิดว่าเจอเนินจน หมดแรง ปั่นไม่ค่อยออก เลย ค่อย ๆ ปั่นเนิบ ๆ ชมวิว เรื่อย เปื่อย ทำเนียน (จริงๆ หมดแรง )
และแล้ว เราก็พบกับสิ่งนี้ งง น้ำตก ไม่มีน้ำ แต่ ก็สวย อีกแบบ ไม่ร้อน ลมโชย ๆ ตลอดเวลา กับกลิ่น ชื้น ๆของดินและหิน ถึงม่ไม่มีน้ำ ก็สวย อย่าบอกใคร เชียว หายเหนื่อยเลยค่ะ ต่าง คนต่าง พักผ่อน ชมวิว ดื่มด่ำ ซึมซับบรรยาศาศ พักผ่อนทานข้าว ให้อาหารปลา และก็อาลาน้ำตก พร้อมกับนัดแนะ กับเพื่อนๆ และตัวเองว่า ต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้ ในหน้าฝน กลับมายืนที่เดิม กับฤดูการใหม่ รอฉันนะ แล้วฉันจะมา
ในแผนการตอนมาครั้งแรก เราตั้งใจจะใช้ทางป่า โดย มุ่งหน้า ตามทางน้ำ เพื่อไปต่อยังน้ำตกตระค้อ แต่ วนกันไปวนกันมาหาทางไปน้ำตกตะคร้อไม่เจอ พร้อมกับเวลา ที่เริ่มเร่งรัดมาเรื่อย ๆ จึงได้คุยกับกลุ่ม เพื่อตัดสินใจ ลงทางเดิม และใช้ทางดำ เพื่อมุ่งหน้าสู่น้ำตกตระค้อต่อไป
เส้นทาง ไปน้ำตกตระค้อ เราเลือกเส้นทางถนนดำ ด้วยระยะทางประมาณ 10 กิโล ตามที่ได้เช็คเส้นทางมา เราต้องผ่านน้ำตกธารทิพย์ ก่อนตรงสามแยก ข้างหน้า แยกนี้น้ำตกทางทิพย์เลี้ยวซ้าย น้ำตกตระค้อเลี้ยวขยา แต่เนื่องจาก น้ำตกธารทิพย์ ไม่มีน้ำ เราจึงไม่แวะ ตัดสินใช้ เลี้ยวขวา เพื่อไปน้ำตกตระค้อ เส้นทางถนนสวยมาก ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ สองข้างทาง และเส้นทางเป็นเนิน ขึ้นลงสลับกันไป ปั่นสนุก มาก และเช่นเคย บนถนนสวยงาม ไม่มีรถผ่านสักคัน เราจึงปั่น กันบนถนนสายนี้ แบบเราเป็นเจ้าของถนน ระหว่างทาง เรา เหมือนหลงยุค กลับไปโลกยุคล้านปี 555 เราได้เจอกับ เมืองไดโนเสาร์ ก็เลยแวะเก็บภาพ กันอย่างสนุกสนาน
และแล้ว เราก็ถึงน้ำตกตระค้อ น้ำตกตระคอเป็นน้ำตกใหญ่ แต่ ก็ยังคงไม่มีน้ำเหมือนเดิม เราแวะกินส้มตำไก่ย่างกันที่นี่ เพื่อเติมพลังก่อน ปั่นกลับไปยังที่จอดรถ จบทริป กันอย่างสนุกสนาน รวมระยะทางรวม ไปกลับ 50 กิโล และเรายังไม่ลืมนัดแนะกัน หน้าฝนเราจะกลับมา “I will be back”.