เกร็ดความรู้: ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของคนไทยต่อประเทศสหรัฐอเมริกา

1. อเมริกาแสงสีเยอะ อันนี้อาจจะจริงเฉพาะเมืองใหญ่ๆ เช่น New York City, Beverly Hills ซึ่งอาจมีร้านรวงเปิดดึกกว่าเมืองอื่นบ้างเท่านั้น ส่วนเมืองอื่นสองทุ่มครึ่งวันธรรมดาเงียบกริบ จากประสบการณ์ขอยืนยัน ประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพ แสงสีเยอะกว่าอเมริกาแม้กระทั่งใน NYC หลายขุม


2. เมืองต่างๆ ในอเมริกาสวยเหมือนสวรรค์โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่คนไทยรู้จัก อันนี้ไม่จริงเสียทีเดียว ธรรมชาติของเมืองมันก็เหมือนกันหมด คือมีมุมที่สวย และทุกที่ก็มีมุมที่ซกมก ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อยเท่านั้นเอง อันนี้โดนทำให้บิดเบือนไปมากจากคนที่มาเที่ยว (ใครจะอยากโพสรูปตัวเองโดยมีมุมซกๆ เป็นฉากล่ะ) อยากรู้เป็นยังไงลองไปดูรถไฟ subway ใน NYC หรือ Philly ดู หรือไปดูย่าน Bronx ของนิวยอร์ก อย่างที่บอก จะได้ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยได้สัมผัส แต่ระวังดีๆ เดินสุ่มสี่สุ่มห้าผิดที่ผิดเวลา เจอแต่ปืนกับมีด


3. แต่ที่ดีมากคือเมืองเขาออกแบค่อนข้างดี คือจะมี state park อยู่เกือบทุก county คือถ้าคุณอยู่ในเมือง นอกจาก park ในเมืองแล้วขับรถเต็มที่ไม่เกิน 20 นาทีก็จะถึง park นอกเมืองซึ่งธรรมชาติสุดๆ คนได้ relax เต็มที่ เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติส่วนคนอยู่นอกเมือง คนไทยหลายคนอาจคิดว่าเป็นบ้านนอก แต่จริงๆ มันเป็นเหมือนกระเพาะหมู คือ เข้าไปเป็นเมืองเล็กแต่มีครบทุกอย่างทั้ง supermarket, โรงเรียน, โบสถ์ ร้านอาหาร เป็นต้น ดังนั้นหลายคนเลือกที่จะอยู่นอกเมืองใหญ่ถึงแม้จะทำงานในเมืองก็ตาม


4. อเมริกาเป็นประเทศวัตถุนิยม (Materialistic) ไม่เป็น spiritual อันนี้ตอนแรกผมก็คิดแบบนี้ แต่พอมาอยู่ผิดคาด อเมริกา Spiritual มาก มีหนังสือหรือ tools แนวพัฒนาตัวเองเต็มไปหมด และมีกิจกรรมต่างมากมาย ทั้งแนว sport, outdoor, art, science, etc. เรียกว่าใครสนใจอะไรก็มี resources ให้หมด คนจึงรู้สึกเติมเต็ม (fulfilled) ได้ relax เต็มที่ ไม่ต้องเดินห้างอย่างเดียวหรือจับกลุ่มนินทาใคร และที่สำคัญการเข้าถึง resources พวกนี้ง่ายมาก ส่วนมากฟรีด้วยซ้ำ ยิ่งตอนนี้ฝรั่งหันไปสนใจศาสตร์ตะวันออกพวกเรื่อง ศาสนาต่างๆ มากขึน และเขาสนใจในแนวปฏิบัติจริงคือเอามาทำให้ชีวิตดีขึ้นเลย เช่น การนั่งสมาธิ (meditation) ทำใจให้สงบเพื่อเข้าถึงตัวตน connect กับจักรวาล (universe) ใจเย็นลง ทำงานได้ดีขึ้น increases productivity เป็นต้น ต่างจากเมืองไทยที่หนักไปทางดูดวงโชคชะตาราศี ทรงเจ้าเข้าผี


5. อยู่อเมริกาสบาย อันนี้ไม่จริงทั้งหมด อาจจะสบายในแง่การทำงานเพราะ drama มันน้อย (ไม่การันตี) แต่เรื่องการใช้ชีวิตนี่เมืองไทยสบายกว่า ลองใช้ common sense ดูก็จะรู้ การมาอยู่ในประเทศที่ตัวเองไม่ใช่พลเมือง ภาษา วัฒนธรรม อาหาร เพื่อนฝูง ต้องปรับใหม่หมด มีอะไรก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่รู้ว่าเขาทำกันยังไง ทำเหมือนบ้านเราหรือเปล่า หลายครั้งความเข้าใจผิดๆ ทำให้เสียโอกาสดีๆ ไปหรือกระทั่ง "เสียรู้" ก็มีเยอะแยะ สุดท้ายก็แล้วแต่ใครจะเลือก ทุกที่ทุกอย่างล้วนมีความท้าทาย (challenge)


6. คนอเมริกันขี้เกียจ นักศึกษาก็เอาแต่ปาร์ตี้ อันนี้ค่อนข้างคลาดเคลื่อน คนอเมริกันจริงๆ ทำงานหนักมาก และทำงานเป็นงานจริงๆ คือทำให้เสร็จในเวลา ถึงเวลาก็กลับบ้าน เขาแบ่งชีวิตดีมาก ส่วนนักศึกษานั้นจะออกแนว work hard play hard คือเรียนก็ทุ่มสุดตัว ปาร์ตี้ก็สุดขีด เขาจะแยกกัน ไม่ได้ปาร์ตี้ทั้งวันทั้งคืนแบบในหนัง เวลาเรียนก็ขยันมาก แถมเขาอ่านหนังสือเป็น อ่านมีประสิทธิภาพคือเจาะเน้นส่วนสำคัญเป็น เวลาอื่นก็ปาร์ตี้เข้าสังคมบ้าง ที่เราเห็นในหนังเอาแต่ปาร์ตี้นั้นส่วนมากเป็นลูกคนรวยซึ่งเป็นส่วนน้อย


7. ทำงานที่อเมริการายได้มากมายมหาศาล อันนี้จริงถ้าเทียบเป็นเงินไทย แต่อย่าลืมว่า รายได้เยอะแต่ค่าครองชีพก็สูงกว่าเมืองไทยมาก อย่าง apartment ของผมตอนนี้ เช่าเดือนละ 45,000 Baht สำหรับ 1 bedroom ธรรมดา ที่เห็นคนอเมริกามีรถหรูๆ ขับหรือไป vacation เมืองนอกได้นั้น ไม่ใช่เพราะรายได้เยอะอะไร แต่ของมันถูกกว่าไทยเพราะไม่มีภาษีสำหรับของฟุ่มเฟือย เช่น BMW 5 Series ราคาเท่า Honda Accord เมืองไทย ส่วนค่าครองชีพอเมริกากับยุโรปมันก็ใกล้ๆ กันมันก็พอเก็บไปเที่ยวได้ง่ายกว่ามาจากไทย เท่านั้นเอง


8. ช่วงนี้เห็นคนไทยบ่นกันเรื่องค่ารักษาพยาบาลแพง ขอบอกว่าอเมริกาแพงกว่ามาก ชนิดที่ว่าคนอเมริกันทั่วไปไม่มีปัญญาจ่ายแน่ๆ ถ้าจะจ่ายเอง ยิ่งถ้ามีผ่าตัดเอาเป็นว่าขนาดเล็ก เรียกว่าต้องขายบ้านขายรถกันเลยทีเดียว เขาจึงมีระบบประกัน ทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ มันเป็นกฏหมาย ถ้าไม่มีต้องเสียค่าปรับเวลาไปทำเรื่องภาษีรายปี คนรายได้เท่าไหร่ก็ต้องทำ มันคุ้มกว่ากันเยอะ (ทำไมพวกเราไม่ทำกันล่ะ?) ทำแล้วอย่างน้อยก็ได้ standard package เลย การกระจายตัวของหมอก็ดีเพราะประกันสุขภาพมันทำให้คนไข้ไปโรงบาลเอกชนได้ คนไข้จึงกระจายกันไป การบริการก็รวดเร็ว เรียกว่า win-win ทั้งสองฝ่าย หมอก็ Happy คนไข้ก็ Happy


9. เรื่องค่านิยมเกี่ยวกับอาชีพก็ค่อนข้างอิสระ เช่น เขาไม่ได้บูชาหมอ ครูหรือข้าราชการ (หมายถึงเจ้าหน้าที่รัฐ)มากเหมือนบ้านเรา ทุกอาชีพก็อาชีพนึงเท่านั้น ความคาดหวังกับตัวบุคคลจึงไม่ได้มาก แต่จะคาดหวังกับระบบแทน เขาจึงเน้นพัฒนาที่ระบบไม่ใช่อะไรๆ ก็ต้องหมอต้องเสียสละ ครูต้องอุทิศตน บลาๆ แต่ก็อย่างว่า คนอเมริกันเองก็ใช่ย่อย ฟ้องร้องกันเละเหมือนกัน หมอทุกคนจึงต้องทำประกันการฟ้องร้องปีนึกงหลายตังเหมือนกัน


10. สุดท้ายเรื่องอากาศสำหรับโซนที่มี่สี่ฤดู ที่นี่สวิงสุดๆ หนาวก็หนาวมาก ร้อนนี่บอกเลยว่าทรมานกว่าไทย รู้สึกว่าดวงอาทิตย์อยู่ใกล้โลกมาก ช่วงเข้า summer ใหม่จะร้อนแบบแห้งๆ น้ำออกจากร่างกายเร็วมาก มองไปนี่ขนาดเหมือนเห็นไอลอยออกจากพื้น แสงจะจ้ามาก ออกแดดไม่นานถ้าไม่ทาครีมกันแดดมีแสบ ไม่แปลกใจที่ฝรั่งมันคิดค้นแว่นกับครีมกันแดด ตอนเข้า summer เต็มรปแบบ จะเป็นร้อนอบอ้าว อ้าวกว่าไทยมาก เหมือนอยู่ในซาวน่า หายใจแทบไม่ออก เห็นข่าวคนตายจากคลื่นความร้อน สมัยก่อนก็เคยคิดฝรั่งมันคงทนความร้อนได้ไม่มากเหมือนคนไทย มาเจอเองถึงได้รู้มันร้อนกันแบบไม่ปราณีจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่