เมื่อลูกโดนพนักงานปิดประตูรถทับนิ้ว กับความรับผิดชอบของโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์

วันเสาร์ที่ผ่านมา วางเเผนจะพาลูกไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลประจำ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
ปกติเวลาไปกับลูก 2 คน เราจะขับลงไปจอดที่จอดรถใต้ตึก ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ
เเต่วันเสาร์ที่ผ่านมานั้นพ่อเเม่เราไปด้วย พ่อเราขับ ก็จอดส่งที่หน้าโรงพยาบาล
ลูกเรานั่งหลังซ้าย อยู่บนคาร์ซีท เรานั่งข้างๆ (หลังขวา) ลูก

รถจอดเสร็จ พนักงานจะเดินมาเปิดประตูให้
ลูกปลดล็อคเข็มขัดออกเเล้ว เตรียมตัวลง
พอพนักงานเปิดประตู ลูกเราก็เอื้อมมือคว้าที่จับประตูเพื่อดึงตัวขึ้น
พนักงานก็ปิดประตู ทับมือลูกเรา ร้องจ๊ากเสียงดังมากๆ
เราตกใจก็รีบลงรถวิ่งไปดู ปรากฎว่าประตูรถทับมือลูก (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าทับมือตรงส่วนไหนบ้าง)
พนักงานบอกว่านึกว่าน้องไม่ลง เลยรีบปิด (คือจอดหน้าตึกผู้ป่วยเด็ก)
เอามือลูกมาดู ตอนนั้นยังไม่เห็นว่าเเดงตรงไหนบ้าง ลูกก็ร้อง เราก็ปลอบกันไป
คุณยายขึ้นไปโวยตรงหน้าจุดลงทะเบียน ตกใจไม่เเพ้เราหรอก เเต่เราปลอบลูกอยู่
(ลูกใจเสียที่สุดเท่าที่เคยเกิดอุบัติเหตุมา ขนาดหัวเจาะขอบโต๊ะได้เลือดยังไม่ร้องเยอะเท่านี้ อันนั้นทำตัวเอง -*-)

พยาบาลก็ส่งลงไปฉุกเฉินให้หมอด้านกระดูกดูให้ เข้าห้องไป X ray จุดที่โดนคือปลายนิ้วก้อย
ก็โอเคไม่มีเเตกหักหรือร้าวอะไร คุณหมอบอกว่ากระดูกเด็กจะเหนียวกว่าผู้ใหญ่ อันนี้โชคดีไป
ในส่วนของฉุกเฉินทั้งหมด ค่าคุณหมอกระดูกเเละค่า X ray ทางโรงพยาบาลดูเเลทั้งหมด
เเล้วก็พาลิงไปฉีดวัคซีนกันต่อ (เจ็บสองรอบเลยงอแงกว่าปกติ T^T)
สักระยะปลายนิ้วก้อนจะบวมๆ นิดหน่อยค่ะ เเต่ไม่มีเลือดหรืออะไร
คุณหมอบอกว่าถ้าในกรณีที่ดูเเล้วว่า ไม่ปกติ กระดูกอาจร้าวหรือหัก
ปลายนิ้วจะห้อเลือดหรือหรือมีสีช้ำมากกว่านี้

จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้ คือ
1. ชมโรงพยาบาลที่เเก้ปัญหาได้ดีค่ะ เเต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่เกิดเหตุเเต่เเรกน่ะนะ (เราเข้าใจนะ ว่าอุบัติเหตุ มันไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก)
2. เหตุการณ์นี้เราถือว่าเป็นอุบัติเหตุด้วย เเละเป็นความผิดของเราด้วย ที่ดูเเลลูกได้ไม่ดีพอ หูตาไม่ไวพอ
3. ไม่เเน่ใจว่าโชคดีหรือร้าย ปกติลูกเราจะเอาขาออกไปก่อน ในเเง่ดีคือถ้าเอาขาออกไปก่อน พนักงานอาจจะไม่ปิดประตู
เเต่ถ้าในเเง่ร้าย หากพนักงานไม่เห็น อาจจะปิดประตูทับขา -*- คิดว่าอาจจะเจ็บหนักกว่านี้ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป
4. รถเราประตูหนัก เพราะเห็นรถยุโรป อันนี้คือเราไม่เเน่ใจว่ามันเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องรึเปล่า
ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นที่ประตูเบา อาจจะเจ็บน้อยกว่านี้ไหม เดาล้วนๆ เลยค่ะ

ปล. 5. ลูกโวยวายใหญ่ว่า เเม่ต้องมาเปิดประตูให้เขาสิ ทำไมไม่ยอมมาเปิดประตูให้ T^T เเม่จะรู้ไหมฟะ

อยากให้กระทู้นี้เป็นอุทาหรณ์ ให้พ่อแม่ระมัดระวังมากขึ้นค่ะ
เพราะอุบัติเหตุเเบบนี้ เเม้ไม่ใหญ่เเต่เราก็นอยด์กับเรื่องนี้ไปเลย เเละตัวลูกเองเเม้จะดูว่าลืมไปเเล้ว (หลังโดนฉีดยานางเฟลไปนิด เจ็บเเขน 555)
เเต่เราเเน่ใจว่าลูกยังจำความเจ็บที่โดน ใจเสียขนาดไหน สะอึกสะอื้นขนาดไหน ก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่เพราะมันคือเรื่องเจ็บตัว
เรื่องดีๆ อย่างความรับผิดชอบของโรงพยาบาลขอชมอีกที เเต่เรื่องที่ต้องปรับปรุงน่าจะเป็นเรื่องของพนักงาน
คือไม่ต้องถึงกับลงโทษ เเต่ควรตักเตือนให้ละเอียดรอบคอบหน่อยค่ะ ยิ่งทำงานในที่ๆ มีเด็กเเบบนี้ อันนี้คือเรื่องที่ฝากไว้ ^^

ขอแท็กชานเรือนเเละสวนลุมนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่