เพราะเมื่อวิทยาศาสตร์ค้นพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะพิสูจน์สิ่งที่บันทึกในพระไตรปิฎกได้มากขึ้นด้วย
ข้อความในตำรา พระพุทธเจ้าตรัสมาเหมือนกับตาเห็น ตั้งแต่เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว
ไม่งั้นพระสูตรเหล่านี้จะดูเหลือเชื่อมาก แต่ตอนนี้อ่านแล้วธรรมดา ไม่เหลือเชื่อมากแล้วครับ
ที่สำคัญ เทคโนโลยีทำให้ค้นพระไตรปิฎกง่ายขึ้นอีกด้วย
จำนวนจักรวาล มีอยู่นับไม่ถ้วน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวท่านพระอานนท์
ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่ง
มีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พัน
จักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขา
สิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง
มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุ
มหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้น
ดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง
มีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณ
โดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณ
แสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณ
แสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ
ความยาวนานของโลก ไม่ใช่แค่หน่วยล้านปี โลกตั้งขึ้นใช้เวลานานมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- การทำลายด้วยเปลวไฟ ตั้งแต่มหาเมฆยังกัปให้พินาศ อสงไขยหนึ่งนี้ ท่านเรียกว่า สังวัฏฏะ.
- มหาเมฆสมบูรณ์ยังแสนโกฏิจักรวาลให้เต็มเปี่ยม ตั้งแต่การทำลายด้วยเปลวไฟอันยังกัปให้พินาศ อสงไขยที่สองนี้ ท่านเรียกว่า สังวัฏฏัฏฐายี.
- ความปรากฏแห่งพระจันทร์ พระอาทิตย์ ตั้งแต่มหาเมฆสมบูรณ์ อสงไขยที่ ๓ นี้ ท่านเรียกว่า วิวัฏฏะ.
- มหาเมฆยังกัปให้พินาศอีก ตั้งแต่ความปรากฏแห่งพระจันทร์ พระอาทิตย์ อสงไขยที่ ๔ นี้ ท่านเรียกว่า วิวัฏฏัฏฐายี.
การเกิดในครรภ์ เริ่มตั้งแต่เป็นหน่วยเล็ก ๆ กันเลยทีเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ว่าด้วยสัตว์ตั้งอยู่ในครรภ์อย่างไร
[๘๐๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่บนภูเขาอินทกูฏ ซึ่งอินทกยักษ์ครอบครอง ในกรุงราชคฤห์.
[๘๐๒] ครั้งนั้นแล อินทกยักษ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้กราบทูลด้วยคาถาว่า
ท่านผู้รู้ทั้งหลายไม่กล่าวรูปว่า
เป็นชีพ สัตว์นี้จะประสบร่างกายนี้ได้
อย่างไรหนอ กระดูกและก้อนเนื้อจะมา
แต่ไหน สัตว์นี้จะติดอยู่ในครรภ์ได้
อย่างไร.
[๘๐๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
รูปนี้เป็นกลละก่อน จากกลละเป็น
อัพพุทะ จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ จากเปสิ
เกิดเป็นฆนะ จากฆนะเกิดเป็น ๕ ปุ่ม
(ปัญจสาขา) ต่อจากนั้น มีผมขนและเล็บ
(เป็นต้น ) เกิดขึ้น มารดาของสัตว์ใน
ครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารอย่างใด
สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดานั้น ก็ยังอัตภาพ
ให้เป็นไปด้วยอาหารอย่างนั้น ในครรภ์นั้น.
- กลละมีประมาณเท่าหยาดน้ำมันงาซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายเส้นด้ายที่ทำด้วยเส้นขนสัตว์ ๓ เส้น
- เมื่อกลละนั้นล่วงไป ๗ วัน ก็มีสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ จึงชื่อว่า อัมพุทะ
- เมื่ออัมพุทะนั้นล่วงไป ๗ วัน ก็เกิดเป็นเปสิ คล้ายดีบุกเหลว. เปสินั้นพึงแสดงด้วยน้ำตาลเม็ดพริกไทย.
- เมื่อเปสินั้นล่วงไป ๗ วัน ก้อนเนื้อชื่อ ฆนะ มีสัณฐานเท่าไข่ไก่เกิดขึ้น. ชื่อว่า เปสิก็หายไป
- ในสัปดาห์ที่ ๕ เกิดปุ่มขึ้น ๕ แห่ง เพื่อเป็นมือและเท้าอย่างละ ๒ และเป็นศีรษะ ๑
วัตถุแบ่งได้เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บรรดาชื่อเหล่านั้น ชื่อว่า ปรมาณู เป็นส่วนแห่งอากาศ (อนุภาคที่เล็กที่สุดซึ่งเห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้ เห็นได้ด้วยทิพยจักษุ)
ไม่มาสู่คลองแห่งตาเนื้อ ย่อมมาสู่คลองแห่งทิพยจักษุเท่านั้น.
ชื่อว่า อณู คือรัศมีแห่งพระอาทิตย์ที่ส่องเข้าไปตามช่องฝา ช่องลูกดาล เป็นวงกลม ๆ ด้วยดี ปรากฏหมุนไปอยู่.
ชื่อว่า ตัชชารี (สิ่งที่เกิดจากอณูนั้น) เพราะเจาะที่ทางโค ทางมนุษย์ และทางล้อแล้วปรากฏพุ่งไปเกาะที่ข้างทั้งสอง.
ชื่อว่า รถเรณู (ละอองรถ) ย่อมติดอยู่ที่รถนั้น ๆ นั่นแหละ.
ชื่อว่า ลิกขา (ไข่เหา) เป็นต้น
ปรากฏชัดแล้วทั้งนั้น.
ก็ในคำเหล่านั้น พึงทราบประมาณดังนี้
๓๖ ปรมาณู ประมาณ ๑ อณู
๓๖ อณู " ๑ ตัชชารี (สิ่งที่เกิดจากอณูนั้น)
๓๖ ตัชชารี " ๑ รถเรณู (ละอองรถ)
๓๖ รถเรณู " ๑ ลิกขา (ไข่เหา)
๗ ลิกขา " ๑ โอกา (ตัวเหา)
๗ โอกา " ๑ ธัญญมาส (เมล็ดข้าวเปลือก)
๗ ธัญญมาส " ๑ อังคุละ (นิ้ว)
๑๒ อังคุละ " ๑ วิทัตถิ (คืบ)
๑๒ วิทัตถิ " ๑ รัตนะ (ศอก)
๗ รตนะ " ๑ ยัฏฐิ (หลักเสา)
๒๐ ยัฏฐิ " ๑ อุสภะ (ชื่อโคจ่าฝูง)
๘๐ อุสภะ " ๑ คาวุต
๔ คาวุต " ๑ โยชน์
๑๐,๐๖๘ โยชน์ " ๑ ภูเขาสิเนรุราช.
ฉะนั้น ค้นคว้าไปเรื่อย ๆ ค้นพบไปเรื่อย ๆ ครับ ความรู้ของมนุษย์ยังไปไม่ถึงที่สุดครับ
ผมจะชอบวิทยาศาสตร์ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับ
ข้อความในตำรา พระพุทธเจ้าตรัสมาเหมือนกับตาเห็น ตั้งแต่เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว
ไม่งั้นพระสูตรเหล่านี้จะดูเหลือเชื่อมาก แต่ตอนนี้อ่านแล้วธรรมดา ไม่เหลือเชื่อมากแล้วครับ
ที่สำคัญ เทคโนโลยีทำให้ค้นพระไตรปิฎกง่ายขึ้นอีกด้วย
จำนวนจักรวาล มีอยู่นับไม่ถ้วน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความยาวนานของโลก ไม่ใช่แค่หน่วยล้านปี โลกตั้งขึ้นใช้เวลานานมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การเกิดในครรภ์ เริ่มตั้งแต่เป็นหน่วยเล็ก ๆ กันเลยทีเดียว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วัตถุแบ่งได้เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฉะนั้น ค้นคว้าไปเรื่อย ๆ ค้นพบไปเรื่อย ๆ ครับ ความรู้ของมนุษย์ยังไปไม่ถึงที่สุดครับ