เมื่อวานเขียนถึงแคว้นพะเยาว์ วันนี้ล่องเหนือต่อมาที่แคว้นหริภุญไชย(พระนางจามเทวี)....เก็บเกร็ดประวัติศาสตร์ในช่วงที่พระนางจามเทวีขึ้นไปครองแคว้นหริภุญไชยระยะแรกๆ มา
นั่งล้อมวงเล่าสู่กันฟัง บางท่านอาจสงสัยว่าเกี่ยวไรกับลูกผู้ชายชาติตาหานฟร่ะ??? ...เกี่ยวไม่เกี่ยวขอโปรดจงติดตามโดยพลัน!
ไหนๆ พูดเรื่องทหารกับ “สัตย์” แล้ว...ขอเฉไฉออกนอกเรื่องนิ๊ด......รู้สึกว่าระยะหลังๆ มานี่พี่ตะหานระดับใหญ่ๆ ลืมสโลแกนของลูกเสือไปหรืออย่างไรไม่ทราบ ??.....ถ้าทหารระดับปลายแถวลืมนี่ไม่เท่าไหร่หรอก
แต่ถ้าระดับหัวแถวลืมสโลแกนลูกเสือเสียแล้ว.....รับประกันซ่อมฟรีว่า สั่นสะเทือนทั้งแผ่นดินแน่ๆ !! แซมเปิ้ลๆ.... อย่าง พณ ท่าน อดีตนายกฯ และอดีตผู้นำ จปร.๕ หลังท่านปฏิวัติเสร็จและก่อนจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ท่านประกาศออกทีวีอย่างชายชาติทหารว่ายอม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เล่นเอาบิ๊กตุ๋ย(ว่าที่ ผบทบ.)ยืนปลาบปลื้มน้ำตานอง ถัดมาอีกท่านคือบิ๊กบัง....ท่านเคยตอบสื่อไม่รู้กี่ครั้งกี่คราว่า ไม่ปฏิวัติ(โว้ย) หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ปฏิวัติ(อันนี้สำนวนผมเอง) แต่พอเฮียแม้วบินลัดฟ้าไปเมกาไม่กี่วัน รถถังเอย รถฮัมวี่เอย ออกมายั๊วเยี้ยเต็มถนนในกทม. .....ส่วนล่าสุด?? แหะ แหะ แหะ ไม่พูดดีกว่านะ.....
พระนางจามเทวี...ตามประวัติกล่าวว่าท่านไม่ใช่คนลำพูนแคว้นหริภุญไชย(บางประวัติก็ว่าท่านเป็นคนในพื้นที่??) ที่ขึ้นมาครองเมืองลำพูนนั้นมีความเชื่อแตกต่างกันไปหลายด้าน บ้างก็ว่าท่านอพยพหนีภัยมาจากละโว้ บ้างก็ว่าฤาษีสองตนที่เป็นพระอาจารย์ของพระนางเชิญท่านมา เอาเป็นว่าพระนางเสด็จจากเมืองละโว้มาครองแคว้นหริภุญไชย(ลำพูน)เป็นต้นราชวงศ์จามเทวี พระสวามีของพระนางไม่ได้เสด็จมาด้วย สถานะของพระนางจึงตกพุ่มม่ายแบบกลายๆ ความงดงามของพระนามเลื่องลือระบือไกลจากหริภุญไชยไปถึงตีนดอยสุเทพที่มีกลุ่มชาวเผ่าลั๊วะอาศัยอันมี “ขุนวิลังคะ” เป็นหัวหน้า
ขุนวิลังคะ (เคยได้ยินคนเชียงใหม่บางท่านออกเสียงว่า “บ่ะลังก๊ะ)แค่ได้ยินกิติศัพท์ความงามของพระนางจามเทวีก็เกิดจิตปฏิพัทธิ ท่านเป็นนักรบที่เข้มแข็งที่ชาวเผ่าลั๋วะยกให้เป็นวีรบุรุษ ท่านจึงจัดทหารเดินทางจากเชียงใหม่ไปสู่ขอพระนางจามเทวี แบบว่าขอกันซึ่งๆ หน้า เว้ากันซื่อๆ...ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา......พระนางจามเทวีก็ให้รู้สึกกระอั่กกระอ่วนพระทัย(บางตำรากล่าวว่าพระนางเฉดหัวไล่ทหารขุนวิลังคะออกจากแคว้นเลยทีเดียว ประมาณว่าขุนวิลังคะกับพระนางมันคนละคลาสกัน แต่ที่ผมจะเล่าเป็นตำราจากพื้นบ้านที่เคยได้อ่านและได้ยินจากคนพื้นบ้าน) พระนางบอกรับบอกสู้กับทหารของขุนวิลังคะว่า พระนางเพิ่งจะให้พระประสูติกาลแก่พระกุมาร สุขภาพยังไม่ดีพอ ขอพ่อจงไปบอกขุนวิลังฯ เถิดว่าให้รอสักพักก่อน
ฝ่ายขุนวิลังฯ ได้ทราบเช่นนั้นก็รู้สึกยินดี ด้วยความเป็นชายชาติทหารเมื่อมีคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสตรีเพศบอกให้รอ ท่านก็ตั้งหน้าตั้งตารอ...รอ รอ...แล้วก็รอๆๆๆๆๆๆ จนเจ็ดปีเต็ม!! ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวจากแคว้นหริภุญไชย อย่ากระนั้นเลยดีฝ่า....จำเราต้องนำกำลังทหารเข้าปฏิวัติ...เอ้ย! ไม่ใช่ๆ (ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร เวลาพิมพ์ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า นำกำลังทหารเข้า......นิ้วอันธพาลมักจะเผลอพิมพ์คำว่าปฏิวัติไปโดยอัตโนมัติ) จำเราต้องยาตราทัพนำททหารเข้าประชิดแคว้นหริภุญไชยเพื่อทวงสัญญาดู
เมื่อพระนางจามเทวีทราบว่าขุนวิลังฯ ยกกำลังพลมาประชิดเมืองก็ให้รู้สึกหวาดหวั่น จึงส่งสาสน์ไปถึงขุนวิลังฯ ว่า พระนางจะยอมตกลงจะอภิเษกกับขุนวิลังฯ บนเงื่อนไขว่า ขุนวิลังฯ ต้องยกทัพกลับเมืองระมิงค์(เชียงใหม่) ก่อน แล้วให้ขุนวิลังฯ แสดงพละกำลังให้พระนางเห็น โดยการพุ่งหอกจากเมืองระมิงค์ให้มาตกยังแคว้นหริภุญไชยได้ ชายชาติทหารอย่างขุนวิลังคฯ ก็ยอมยกทัพกลับ แล้วจัดแจงหาสถานที่เหมาะที่จะพุ่งหอก ในช่วงระหว่างนั้น กล่าวกันว่าพระนางจามเทวีได้ทำ “คุณไสย์” ใส่ขุนวิลังฯ ด้วยว่าพระนางรู้ว่าขุนวิลังฯ นั้นชำนาญและมีพลังในการพุ่งหอกเป็นอย่างมาก ปรากฏว่าขุนวิลังฯ พุ่งหอกจากเชียงใหม่ไปไม่ถึงแคว้นหริภุญไชย หอกไปตกอยู่ชายแดนคืออำเภอสารภีในปัจจุบัน ขุนวิลังคะยอมรับกติกาที่พระนางจามเทวีตั้งไว้อย่างชายชาติทหาร ไม่ยอมใช้กำลังเข้าจู่โจมแต่อย่างใด สุดท้ายท่านก็ตรอมใจตาย ก่อนตายท่านไดสั่งให้ทหารเอาศพท่านไปฝัง ณ เชิงเขาที่ๆ สามารถมองเห็นเมืองหริภุญไชยที่ๆ พระนางจามเทวีประทับอยู่
.....นักรบชายชาติทหาร ย่อมไม่เสียสัตย์....
ไหนๆ พูดเรื่องทหารกับ “สัตย์” แล้ว...ขอเฉไฉออกนอกเรื่องนิ๊ด......รู้สึกว่าระยะหลังๆ มานี่พี่ตะหานระดับใหญ่ๆ ลืมสโลแกนของลูกเสือไปหรืออย่างไรไม่ทราบ ??.....ถ้าทหารระดับปลายแถวลืมนี่ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าระดับหัวแถวลืมสโลแกนลูกเสือเสียแล้ว.....รับประกันซ่อมฟรีว่า สั่นสะเทือนทั้งแผ่นดินแน่ๆ !! แซมเปิ้ลๆ.... อย่าง พณ ท่าน อดีตนายกฯ และอดีตผู้นำ จปร.๕ หลังท่านปฏิวัติเสร็จและก่อนจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ท่านประกาศออกทีวีอย่างชายชาติทหารว่ายอม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เล่นเอาบิ๊กตุ๋ย(ว่าที่ ผบทบ.)ยืนปลาบปลื้มน้ำตานอง ถัดมาอีกท่านคือบิ๊กบัง....ท่านเคยตอบสื่อไม่รู้กี่ครั้งกี่คราว่า ไม่ปฏิวัติ(โว้ย) หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ปฏิวัติ(อันนี้สำนวนผมเอง) แต่พอเฮียแม้วบินลัดฟ้าไปเมกาไม่กี่วัน รถถังเอย รถฮัมวี่เอย ออกมายั๊วเยี้ยเต็มถนนในกทม. .....ส่วนล่าสุด?? แหะ แหะ แหะ ไม่พูดดีกว่านะ.....
พระนางจามเทวี...ตามประวัติกล่าวว่าท่านไม่ใช่คนลำพูนแคว้นหริภุญไชย(บางประวัติก็ว่าท่านเป็นคนในพื้นที่??) ที่ขึ้นมาครองเมืองลำพูนนั้นมีความเชื่อแตกต่างกันไปหลายด้าน บ้างก็ว่าท่านอพยพหนีภัยมาจากละโว้ บ้างก็ว่าฤาษีสองตนที่เป็นพระอาจารย์ของพระนางเชิญท่านมา เอาเป็นว่าพระนางเสด็จจากเมืองละโว้มาครองแคว้นหริภุญไชย(ลำพูน)เป็นต้นราชวงศ์จามเทวี พระสวามีของพระนางไม่ได้เสด็จมาด้วย สถานะของพระนางจึงตกพุ่มม่ายแบบกลายๆ ความงดงามของพระนามเลื่องลือระบือไกลจากหริภุญไชยไปถึงตีนดอยสุเทพที่มีกลุ่มชาวเผ่าลั๊วะอาศัยอันมี “ขุนวิลังคะ” เป็นหัวหน้า
ขุนวิลังคะ (เคยได้ยินคนเชียงใหม่บางท่านออกเสียงว่า “บ่ะลังก๊ะ)แค่ได้ยินกิติศัพท์ความงามของพระนางจามเทวีก็เกิดจิตปฏิพัทธิ ท่านเป็นนักรบที่เข้มแข็งที่ชาวเผ่าลั๋วะยกให้เป็นวีรบุรุษ ท่านจึงจัดทหารเดินทางจากเชียงใหม่ไปสู่ขอพระนางจามเทวี แบบว่าขอกันซึ่งๆ หน้า เว้ากันซื่อๆ...ไม่มีอ้อมค้อมให้เสียเวลา......พระนางจามเทวีก็ให้รู้สึกกระอั่กกระอ่วนพระทัย(บางตำรากล่าวว่าพระนางเฉดหัวไล่ทหารขุนวิลังคะออกจากแคว้นเลยทีเดียว ประมาณว่าขุนวิลังคะกับพระนางมันคนละคลาสกัน แต่ที่ผมจะเล่าเป็นตำราจากพื้นบ้านที่เคยได้อ่านและได้ยินจากคนพื้นบ้าน) พระนางบอกรับบอกสู้กับทหารของขุนวิลังคะว่า พระนางเพิ่งจะให้พระประสูติกาลแก่พระกุมาร สุขภาพยังไม่ดีพอ ขอพ่อจงไปบอกขุนวิลังฯ เถิดว่าให้รอสักพักก่อน
ฝ่ายขุนวิลังฯ ได้ทราบเช่นนั้นก็รู้สึกยินดี ด้วยความเป็นชายชาติทหารเมื่อมีคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสตรีเพศบอกให้รอ ท่านก็ตั้งหน้าตั้งตารอ...รอ รอ...แล้วก็รอๆๆๆๆๆๆ จนเจ็ดปีเต็ม!! ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวจากแคว้นหริภุญไชย อย่ากระนั้นเลยดีฝ่า....จำเราต้องนำกำลังทหารเข้าปฏิวัติ...เอ้ย! ไม่ใช่ๆ (ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร เวลาพิมพ์ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า นำกำลังทหารเข้า......นิ้วอันธพาลมักจะเผลอพิมพ์คำว่าปฏิวัติไปโดยอัตโนมัติ) จำเราต้องยาตราทัพนำททหารเข้าประชิดแคว้นหริภุญไชยเพื่อทวงสัญญาดู
เมื่อพระนางจามเทวีทราบว่าขุนวิลังฯ ยกกำลังพลมาประชิดเมืองก็ให้รู้สึกหวาดหวั่น จึงส่งสาสน์ไปถึงขุนวิลังฯ ว่า พระนางจะยอมตกลงจะอภิเษกกับขุนวิลังฯ บนเงื่อนไขว่า ขุนวิลังฯ ต้องยกทัพกลับเมืองระมิงค์(เชียงใหม่) ก่อน แล้วให้ขุนวิลังฯ แสดงพละกำลังให้พระนางเห็น โดยการพุ่งหอกจากเมืองระมิงค์ให้มาตกยังแคว้นหริภุญไชยได้ ชายชาติทหารอย่างขุนวิลังคฯ ก็ยอมยกทัพกลับ แล้วจัดแจงหาสถานที่เหมาะที่จะพุ่งหอก ในช่วงระหว่างนั้น กล่าวกันว่าพระนางจามเทวีได้ทำ “คุณไสย์” ใส่ขุนวิลังฯ ด้วยว่าพระนางรู้ว่าขุนวิลังฯ นั้นชำนาญและมีพลังในการพุ่งหอกเป็นอย่างมาก ปรากฏว่าขุนวิลังฯ พุ่งหอกจากเชียงใหม่ไปไม่ถึงแคว้นหริภุญไชย หอกไปตกอยู่ชายแดนคืออำเภอสารภีในปัจจุบัน ขุนวิลังคะยอมรับกติกาที่พระนางจามเทวีตั้งไว้อย่างชายชาติทหาร ไม่ยอมใช้กำลังเข้าจู่โจมแต่อย่างใด สุดท้ายท่านก็ตรอมใจตาย ก่อนตายท่านไดสั่งให้ทหารเอาศพท่านไปฝัง ณ เชิงเขาที่ๆ สามารถมองเห็นเมืองหริภุญไชยที่ๆ พระนางจามเทวีประทับอยู่