ธารทิพย์ บทที่ 52

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์


ธารทิพย์ บทที่ 51 http://pantip.com/topic/33632705

            กองทัพหนูนับไม่ถ้วนยิ่งเซ็งแซ่ดังมากขึ้น พวกมันเคลื่อนไหวขวักไขว่ทะลักล้นลงไปในแม่น้ำสายเล็กแล้วว่ายข้ามไปสมทบกับนางภูติผู้เป็นนาย ไม่นานด้านตรงข้ามฝั่งแม่น้ำก็แน่นขนัดไปด้วยหนูป่ารายล้อมไปหมดทุกด้านของค่ายรบ

                “จะเรียกคุณลุงมั้ย” โจถามเสียงดัง

                “อย่าค่ะ คุณลุงท่านก็คงมองอยู่” เหมียวส่งเสียงแข่งกับกองทัพหนู

                “เราถอยไปรวมกันที่กองไฟก่อนดีกว่า” โจพูดแล้วดึงหญิงสาวให้ถอยหลังตามไป

                พีซึ่งยืนประจันหน้าอยู่ด้านชายป่าคนเดียวค่อยๆถอยกลับเมื่อเห็นโจกับเหมียวเคลื่อนตัวกลับมายังกองไฟ

                “มันเป็นหนูจริงๆหรือหนูผีวะ” โจพูด

                “หนูผี แต่มันน่าจะฉีกเนื้อเราได้จริงๆ” พีพูดตอบ

                “เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรน่าเกลียดเท่าอีภูติที่ยืนอยู่นั่นเลย” โจบอก

                “นายมันน่าจะอยู่แถวนี้ด้วย” พีพูดมองซ้ายขวาไปรอบๆ

                “ถ้ามันบุกเข้ามาเราจะสู้มันยังไงดี” โจถามตามองไปรอบค่าย

                “นิ่งไว้ค่ะ เดี๋ยวก็รู้” เหมียวพูด

                แม้สถานการณ์จะตึงเครียดจนถึงขีดสุดแล้วเมื่อค่ายรบถูกล้อมกรอบไว้หนาแน่นด้วยทัพหนูผีและนางภูติร้ายน่าสะอิดสะเอียน แต่คนทั้งห้า โจ เหมียว พี สร้อยแก้วและกุณฑลหรือพรานโละยังคงมีสติมั่น พวกเขารายล้อมท่านไกรศักดิ์แม่ทัพของครอบครัวซึ่งนั่งสงบอยู่ในกรรมฐานไว้แน่นหนาเช่นกันพร้อมปกป้อง

                “คุณลุงจะเรียกทัพม้าแก้วมาช่วยมั้ย” โจร้องถาม

                “พวกมันมากมายขนาดนี้ ลำพังปืนในมือคงเอาไม่อยู่”

                “ไม่หรอก มันไม่สมศักดิ์ศรีกัน” เหมียวตอบ

                “เหมียวอยากลั่นไกค่ะ บางทีพวกหนูนั่นอาจหายไปพร้อมกัน” หญิงสาวพูดสิ่งที่คิด

                “ผมไม่แน่ใจว่าจะทำให้คุณลุงท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” โจพูด

                “รออีกเดี๋ยวเหมียว อย่าเพิ่งยิงนะ” พีรีบบอก

                “อย่า”

                เสียงห้ามผ่านริมฝีปากลุงไกร

                ทั้งห้าคนหันมามองนายท่านไกรศักดิ์ที่ยังนั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่เช่นเดิมแล้วหันมองกันไปมา พวกเขารู้แล้วว่าจอมทัพรับรู้ถึงการถูกปิดล้อม  สีหน้าของทั้งหมดดีขึ้นด้วยความหวัง

               “รอฟังคำสั่ง รอดูสถานการณ์” โจพูด

                คำพูดห้ามของกายหยาบ สื่อจากกายทิพย์ของท่านแม่ทัพที่ถอดออกในกรรมฐาน กายนั้นทรงเครื่องรบโบราณของอุเทนธิกะจอมพยัคฆ์แห่งอินทปัตถ์ ยืนจังก้าอยู่ยังริมนทีจ้องมองข้ามฝั่งไป เคียงข้างของท่านยังมีวิญญาณทิพย์ของท่านผาผู้มากบารมี และสองข้างวรกายมีพระนางอลิยาเทวีกับท่านแม่กมุทหมอบเฝ้าอยู่

                “อย่าหมายจะปลดอาญามันโดยง่าย”

                เสียงก้องกังวานมาจากเทือกเขา

                “อินทปัตถ์ล่มลงด้วยน้ำมือเจ้า ใยเจ้ายังมิละโทสะ” อุเทนธิกะเปล่งสุรเสียงกังวานไป

                “เยี่ยงนี้จึ่งสาสะแก่ใจข้าอุเทนธิกะ” เสียงนั้นตอบกลับมา

                “เจ้าเองสิทนทุกข์ สิงสู่มิอาจพ้นไปชาติภพอื่นใดได้ กาวะวิกะ” อุเทนธิกะกล่าว

                “กูมิพึงพ้นไป กูพึงใจเฝ้าล้างผลาญเหล่าเยี่ยงนี้” กาวะวิกะแผดเสียง

                “มันย่ำยีกูสมสา ไอ้พยัคฆราชผู้อนุชา”

                “กาวะวิกะน้องข้า” อุเทนธิกะเอ่ยสุรเสียงเมตตา

                “กูมิเป็นเยี่ยงน้อง” กาวะวิกะแผดเสียงขึ้นทันทีด้วยโทสะ

                “เพลาอันกูสบภัย มิป้องปก”

                “เจ้าแจ้งแก่ใจ ว่าพี่มิได้ยั้งอยู่ยังตำหนักเจ้าเพลานั้น” อุเทนธิกะพยายามบอก

                “หากเจ้ายั้งอยู่ เจ้าคงบั่นหัวไอ้พยัคฆราชแทนกูเยี่ยงนั้นรึไร” กาวะวิกะส่งเสียงเย้ยหยัน

                “เหล่าทั้งหลายย่ำยีบ้านเมืองพี่น้องกูด้วยเห็นสม”

                “เหล่าจงก้มหัวชดใช้”

                “กาวะวิกะน้องข้า เพลาอันเนิ่นช้าผ่านมา ยังมิสาสะแก่ใจเจ้าเลยรึไร” อุเทนธิกะร้องถาม

                “กูขอล้างผลาญเหล่าทุกภพชาติ” เสียงตะโกนก้องร้องตอบมาด้วยโทสะ

                “อีไพร่ปละขัง จงเร่งฆ่าเหล่ามันทุกไอ้อี” กาวะวิกะร้องสั่ง

                “กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด”

                นางภูติต่ำช้าโก่งตัวกรีดเสียงดังลั่นใส่ ดวงตามันเหลือกลานจนข้างหนึ่งทะลักออกจากเบ้า ลิ้นสองแฉกสีดำสนิทของมันย้อยยาวสะบัดไปมาน่าสะอิดสะเอียน เมื่อสดับคำนาย

                มนุษย์ทั้งห้าคนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ มิได้รับรู้สิ่งที่เกิดและการพูดโต้ตอบกันของอุเทนธิกะและกาวะวิกะ พวกเขารู้เห็นแต่เพียงท่านแม่ทัพที่ยังนั่งนิ่งสงบและปฏิกิริยาของนางภูติร้ายที่กรีดเสียงแสดงอาการจะโจมตี ฝูงหนูผีนั้นยิ่งส่งเสียงสนั่นลั่นขึ้นกว่าเดิมเริ่มขยับทัพอันล้นหลามของมันเข้าหา

                “พยัคฆราช”

                เสียงเรียกชื่อจากริมฝั่งแม่น้ำแว่วเข้ามายังประสาทสัมผัสของพีผู้เป็นทัพหน้า ชายหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหวยืนก้มหน้านิ่ง เขาก้มลงช้าๆวางปืนในมือไว้กับพื้นแล้วกระชากดาบคู่ที่สะพายหลังอยู่เปลือยใบออกจากฝัก เปลือกตาของพีปิดสนิทลง ยืดกายตั้งตรงชูสองดาบขึ้นเหนือหัว

                โจ เหมียว สร้อยแก้วและกุณฑลเห็นเช่นนั้นจึงนั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน พวกเขาจ้องมองไปยังท่าทางของแม่ทัพหน้า รับรู้แล้วว่าการโจมตีของนางภูติและทัพหนูผีกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ท่านแม่ทัพไกรศักดิ์ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในกรรมฐาน นั่นคือสัญญาณบอก ว่าการต่อสู้จากภพที่มองไม่เห็นเริ่มขึ้นแล้ว

                “เหล่าท่านจงสงบ” เสียงก้องกังวานผ่านริมฝีปากชายหนุ่ม

                ร่างของพีหลับตาพูดแล้วเริ่มเคลื่อนไหว เป็นท่วงท่าของการร่ายรำ ดาบคู่ที่อยู่ในสองมือกวัดแกว่งสอดคล้องกับร่างกายที่โยกเอนหมุนไหวอย่างเหมาะเจาะสวยงามแต่แฝงไว้ด้วยความสง่างามและองอาจของนักรบ ใบดาบที่หมุนแกว่งไปมาอยู่เหนือหัวสลับกับลดลงชี้ปลายไปรอบทิศของค่ายรบ กระทืบเท้าลงบนพื้นดังจะบอกเป็นสัญญาณให้ศัตรูที่ยังรอบล้อมได้สำเหนียก ว่าหากมิกริ่งเกรงแล้วก็จงเร่งเข้าห้ำหั่นกันแต่บัดนี้

                ทัพหนูผีทะลักทะลายเหยียบย่ำกันเองเหมือนกองคลื่นขยับเข้าใกล้เขตกำแพงมนต์มากขึ้น นางภูติปละขังกรีดเสียงน่าชิงชังอยู่ตลอดเวลาแล้วเริ่มโก่งร่างน่าเกลียดของมันออกวิ่งโหย่งตัวเหยียบย่ำไปบนทัพหนูผีบริวาร มันวิ่งวนไปรอบค่ายรบของมนุษย์โดดลอยตัวเพียงก้าวเดียวเมื่อข้ามลำน้ำสายเล็ก ใบหน้าหันเหลือกตาถลนมองจ้องมายังมนุษย์เหมือนเหยื่อโอชะที่มันอยากกัดกินเคี้ยวกระดูกตลอดเวลา

                “ปัง” เหมียวตัดสินใจเหนี่ยวไกปืน

                ร่างของนางภูติเซซุนล้มทับลงบนกองหนูผีกระจัดกระจาย มันโงนเงนโงหัวขึ้นหันจ้องมายังหญิงสาวด้วยสายตาชั่วช้าโกรธเกรี้ยว สองมือยันพื้นทรงตัวยืนขึ้นช้าๆ กลางอกของมันปรากฏแผลจากกระสุนเป็นรูใหญ่มีเพลิงลุกไหม้

                “เหมียวอย่า” โจถลันเข้ามาหาหญิงสาวที่ลุกขึ้นเผชิญหน้าเล็งปากกระบอกปืนไปยังแสกหน้าภูติร้าย

                “ปัง”

                เสียงร้องห้ามของชายหนุ่มเร็วไม่เท่าการตัดสินใจของหญิงสาว กระสุนนัดที่สองส่งหัวทองแดงของมันออกไปพร้อมกับศรัทธา ผ่าแสกหน้านางภูติออกเป็นสองซีกห้อยแบะไฟลุกไหม้ หากแต่มันยังยืนโก่งตัวส่งเสียงกรีดร้องอยู่เช่นเดิมไม่ถูกทำลาย

                “หยุดก่อน” โจโถมกอดจับตัวเหมียวเอาไว้

                “ทำไมมันไม่ตาย” หญิงสาวผลิกตัวหันหาชายหนุ่มสีหน้าแววตาวิตก

                “หยุดก่อนเหมียว รอดูท่านพยัคฆราชก่อน” โจรีบพูด

                หญิงสาวพยักหน้ารับตัวสั่นแล้วสวมกอดเขาไว้

                “อย่ากลัวนะคนดี” เขากอดประคองให้เธอซบหน้ากับอก

                “เหมียวแค่อยากช่วย” เธอพูดขณะยังซบหน้าอยู่

                “ผมรู้ ผมรู้” โจปลอบ

                ร่างของพียังคงร่ายรำดาบต่อไป เปลี่ยนจากการโยกเอนท่วงท่าพลิ้วไหวเป็นหมุนตัวอยู่บนปลายเท้าซ้ายขวาที่สลับกันจิกลงบนพื้น สองมือสองแขนไขว้อยู่ไปมากำดาบชี้ปลายไปยังตรงข้ามกันหมุนควงไปรอบตัว จากการเคลื่อนไหวร่ายรำช้าๆแล้วเริ่มเร็วขึ้นเร็วขึ้น คล่องแคล่วจนดูเหมือนใบจักรผัน

                แล้วพลานุภาพประหลาดก็บังเกิด

                คมดาบทิพย์ที่มองไม่เห็นซัดสาดไปรอบทิศ ความคมกริบนั้นฟาดฟันฉีกหั่นแนวหน้าของทัพหนูผีจนขาดวิ่นตายทับเป็นเบือในพริบตา ฝูงหนูผีมหึมาแตกร่นถอยหนีไม่มีทีท่าจะต่อสู้ มันแตกหมู่กระจัดกระจายวิ่งกลับหลัง ส่วนที่ยังไปไม่พ้นก็ล้มตายฉีกขาดระเนระนาด

                “กรี๊ด วี๊ด กรี๊ด กรี๊ด”

                ปละขังนางภูติส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดด้วยต้องคมดาบทิพย์หลายแห่ง มันโก่งตัวออกวิ่งหันหลังหนี กระโดดแผล็วข้ามลำนทีกระเจิดกระเจิงไปทางที่ราบบนหน้าผาอันเป็นที่สิงสถิตของนายมัน

                เพียงอึดใจหลังจากนางภูติลับตาไป กองเศษซากหนูผีที่ฉีกขาดล้มตายทับถมกันเป็นเกลื่อนกราดอยู่รอบค่ายรบก็ค่อยๆลางเลือนอันตรธานหายไปด้วย ป่าทั้งหมดกลับสงบเงียบลง

                พยัคฆราชหยุดการเคลื่อนไหวร่างกายลงนิ่ง ก้มหน้าหลับตาอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยขึ้นอีกครั้ง

                “โฮก โฮก โฮก”

                เสียงคำรามของเสือโคร่งใหญ่มหึมาดังลั่นไปทั่วทั้งป่า เสียงนั้นออกจากปากของพยัคฆราชในร่างพีแหงนหงายอ้าปากบิดคอซ้ายขวาเหมือนท่าคำรามของพญาเสือโคร่งผู้ทะนงในความยิ่งใหญ่แห่งผืนไพร

                โจ เหมียว สร้อยแก้วและกุณฑล สี่มนุษย์ผู้ยังคงสามัญสำนึกปกติอยู่คุกเข่ายกมือไหว้แสดงความเคารพทันที

                “โฮก โฮก ฮึ่ม ฮึ่ม” เสียงร้องคำรามดังแว่วมา

                เสียงดังขึ้นเรื่อยๆจนลั่นป่าน่าพรั่นพรึง

                มนุษย์ทั้งสี่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ลดมือที่พนมไหว้อยู่ลงหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียง

                ฝูงเสือโคร่งนับร้อยปรากฏตัวขึ้นที่แนวป่า กลิ่นสาบของสัตว์ผู้ทรงอำนาจที่สุดแห่งพงไพรคละคลุ้งไปทั่วทุกอนูอากาศ น่าหวั่นเกรง พวกมันเดินขวักไขว่ส่งเสียงคำรามระงมล้อมรอบค่ายรบอยู่ ตัวเขื่องที่สุดที่ดุจดั่งจะเป็นจ่าฝูงนั้นยาวกว่าแปดศอก มันย่างอุ้งเท้ามาใกล้เขตกำแพงมนต์ส่งเสียงคำรามแล้วหมอบลงทำกิริยาน้อมนบหันหน้ามาหาท่าน พยัคฆราชในร่างพีที่ยังยืนหลับตานิ่งหันไปหามัน

                โจ เหมียว สร้อยแก้วและขุนศึกกุณฑลนั่งมองภาพที่ได้เห็นด้วยความกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว สัมพันธภาพนั้นอธิบายย้อนไปถึงวันคืนที่พีเดินหายไปกับฝูงเสือเมื่อกลับจากถ้ำตโมหร

                พยัคฆราชเก็บดาบคู่กลับเข้าฝักสืบเท้าไปหาเสือโคร่งยักษ์ที่ชายเขตกำแพงมนต์ วางฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนหน้าผากกว้างของมัน พลันเสือตัวอื่นๆอีกนับร้อยก็หมอบลงกับพื้นทั้งหมดไปด้วย

                “จงสดับคำข้า อีปละขังชั่วช้ามันหลีกหลบ จงไปให้พบแล้วลากมายังข้าแต่บัดนี้”

                สิ้นคำสั่ง ฝูงเสือโคร่งทั้งหมดกระชากตัวลุกยืนแหงนหงายคอส่งเสียงคำรามกึกก้องพร้อมกันอีกครั้ง เจ้าตัวยักษ์ผู้เป็นจ่าฝูงวิ่งอ้อมกำแพงมนต์แล้วเผ่นทะยานข้ามลำน้ำ ตามไปติดๆด้วยลายพาดกลอนนับร้อยๆตัวดาหน้าเป็นแผงวิ่งหาย ไปในความมืดมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกับที่นางภูติปละขังหนีไป
    ร่างพีเดินกลับมายังหน้ากองไฟอีกครั้งเพื่อสมทบกัน โจกับเหมียวขยับหลีกทางให้ขณะยังคุกเข่าอยู่เช่นเดิมแต่สร้อยแก้วและพรานโละนั่งก้มหน้านิ่ง ร่างพีเดินเข้าไปหาท่านไกรศักดิ์ที่หลับตาอยู่ในกรรมฐาน คุกเข่าข้างเดียวค้อมศีรษะลงแสดงความเคารพ

                “เจ้าพี่” ร่างพีเรียก

                ท่านลุงไกรศักดิ์ลืมตาขึ้นมองไปที่ร่างพีแล้วเอ่ยคำ

                “พยัคฆราช”

                อุเทนธิกะ พยัคฆ์ผู้เชษฐาขยับวรกายยืนขึ้น แววเนตรที่มองมายังพระอนุชาที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าแล้วเหลือบต่อไปยังผู้อื่นที่เฝ้าอยู่ขณะนี้นั้นเต็มไปด้วยความแกร่งกล้าในบารมี สีพระพักตร์อาบอิ่มในเมตตา อันก่อเกิดด้วยบุญญาบารมีที่สั่งสมใหม่ในชาติภพของท่านไกรศักดิ์ จอมทัพม้าผู้เป็นพระอุปราชแห่งอินทปัตถ์ย่างพระบาทเข้าไปหาอนุชาแล้วตรัสบอก

                “ลุกขึ้นเถิดน้องข้า”

                “หามิได้เจ้าข้าฯ เจ้าพี่” พยัคฆราชก้มหน้าพูด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่