++ว่ากันด้วยการเป็นที่ปรึกษาอิสระ (Freelance Consultant)++Aloha Piglet

นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งขึ้นเพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการที่จะประกอบอาชีพอิสระ หรือคนที่กำลังจะตัดสินใจออกมาเป็นเจ้านายของตนเอง เจ้าของกระทู้เป็นอดีตมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานและพึ่งพิงระบบเงินเดือนมาก่อนที่จะออกมาเป็นที่ปรึกษาอิสระ เส้นทางชีวิตไม่ง่ายและสวยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย และเป็นสมาชิกครอบครัวชนชั้นกลางของประเทศ เพียงแค่อาจจะเรียกว่ามีโชคดีในชีวิต มีจังหวะการเติบโตในชีวิตที่ดี ทำให้ทุกวันนี้สามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้

ก่อนอื่นต้องเล่าความเป็นมากันเล็กน้อย เจ้าของกระทู้เป็นเด็กที่จบสายวิทยาศาสตร์มาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทยในสาขาวิชาวิทยาศาสตรสิ่งแวดล้อม ตอนก่อนที่จะเรียนจบนั้นมีความเชื่อที่เล่าสืบทอดกันมาเป็นรุ่นต่อรุ่นว่า ตลาดงานด้านสิ่งแวดล้อมกำลังจะมา ในความเป็นจริงนั้นเจ้าของกระทู้ค้นพบว่างานด้านสิ่งแวดล้อมนั้นมีเยอะแต่เป็นสายงานสนับสนุนงานหลักมากกว่า และมีโอกาสสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยสาขาวิชาอื่นๆ ที่เรียนมาใกล้เคียงกัน เช่น เคมี วิศวกรรมเคมี วิศวสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ยังไม่รวมสาขาวิชาการอื่นที่สามารถไปเรียนเสริมเพิ่มเติมแล้วมาสอบใบวิชาชีพเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสายสิ่งแวดล้อมนั้นจะมีงานให้ทำแน่นอน แต่ต้องประยุกต์กับสายงานวิชาชีพอื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไปด้วยได้

อาชีพที่เจ้าของกระทู้ทำในฐานะที่ปรึกษาอิสระในปัจจุบัน ได้แก่
ที่ปรึกษาประจำบริษัทเอกชน 1 แห่งที่เข้าทำงานสามวันต่ออาทิตย์
ที่ปรึกษาชั่วคราวให้กับบริษัทเอกชนอีก 2-3 แห่ง ที่เข้าบริษัทเดือนละหนึ่งวัน
ที่ปรึกษาโครงการให้กับหน่วยงานภาครัฐในประเทศ
งานแปลและงานล่ามวิชาการให้สถาบันวิจัยจากต่างประเทศ
งานวิทยากร

ลูกค้าที่อยู่ในประเทศ ได้แก่ บริษัทเอกชน หน่วยงานรัฐ และสถาบันวิจัยต่างๆ
ลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์
รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 70K-100K แล้วแต่ความชุกของงานในแต่ละเดือน

มาว่ากันที่ปัจจัยความสำเร็จของอาชีพที่ปรึกษาอิสระ (Freelance Consultant) กันดีกว่า
เจ้าของกระทู้เป็นกลุ่มคนจำพวก Work hard… Play harder… คือ เวลาทำงานก็หายใจเข้าออกเป็นงาน เวลาพักต้องเต็มที่เช่นกัน เป็นคนรักอิสระและเป็นมีโลกส่วนตัวสูง ดังนั้นกระทู้นี้เป็นมุมมองของเจ้าของกระทู้ที่สังเคราะห์มาจากประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ และเด็กๆ รุ่นใหม่ที่อยากจะออกมาทำอาชีพอิสระ

(1) ความเชี่ยวชาญและชำนาณในสาขาวิชาที่ตนเองรัก (Core Competency is the key)
การที่คุณจะมาประกอบอาชีพที่ปรึกษาอิสระนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องมีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพที่คุณตั้งใจจะยึดเป็นอาชีพหลักไป คุณต้องหลงรักในวิชาชีพของคุณอย่างยิ่งยวด หรือไม่ก็ต้องเข้าใจหัวใจของการทำงานในสาขาวิชาชีพของคุณอย่างถ่องแท้ ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง ในขณะเดียวกันต้องมีความรู้รอบตัวในเรื่องทั่วไปที่ชาวบ้านเข้าถึงด้วย เพื่อที่จะเชื่อมโยงงานที่คุณชำนาญไปได้ในทุกสาขาวิชาชีพ เพราะการเป็นที่ปรึกษาอิสระจะต้องรู้ให้รอบจะรู้แค่มิติเดียวมุมเดียวไม่ได้ ลูกค้าต้องการที่ปรึกษาที่ช่วยให้การทำงานของบริษัทกระชับ เสร็จไว และมีมูลค่าในเชิงธุรกิจ

เจ้าของกระทู้เคยผ่านงานมาตั้งแต่ระดับล่างสุดไปถึงด้านบน เช่น เด็กล้างเครื่องแก้วในห้องแลบ (Lab boy) ผู้ช่วยสอน (Teacher Assistant or TA) ผู้ช่วยนักวิจัย (Research Assistant or RA) เจ้าหน้าที่รับจ้างหาข้อมูลและเขียนงาน (Ghost Writer) เจ้าหน้าที่ประสานงานอบรม (Training Assistant) วิทยากร (Trainer) เจ้าหน้าที่ประสานงานศูนย์วิจัย (Research Liaison Officer) นักวิจัย (Researcher) ผู้เชี่ยวชาญโครงการ (Environmental Expert) หัวหน้าโครงการวิจัย (Project Manager) และที่ปรึกษาบริษัท (Executive Adviser)

การทำงานในทุกตำแหน่งทำให้เราเข้าใจการทำงานในสายงานของเรา จะเข้าใจความต้องการของลูกค้าในมุมที่ขาดไป สามารถตอบคำถามยากได้จากการเรียนรู้งานจริงและจากการอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มเติมองค์ความรู้ให้ตนเอง
เราต้องเป็นผู้ที่พร้อมรับการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เป็นน้ำไม่เต็มแก้วพร้อมรับการเติมได้

(2) การสื่อสาร (Communication is clear and can competition)
การสื่อสารในงานที่ปรึกษาอิสระจะต้องชัดเจนและตรงประเด็นในขอบเขตงานที่ได้รับ ทำให้งานกระชับได้ นอกจากนี้การสื่อสารได้หลายภาษาจะเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญมาก เพราะโลกกลายเป็นโลกที่ไร้พรมแดน ถ้าเราใช้ภาษากลางอย่างภาษาอังกฤษไม่ได้ก็เป็นการปิดกั้นโอกาสในชีวิตไปเรียบร้อย เพราะการทำงานจะสำเร็จได้ต้องใช้การสื่อสารที่เข้าใจและชัดเจน ถ้าเรามาพิจารณาประเทศรอบข้างที่เป็นเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC นั้น จะพบว่าประเทศเหล่านั้นมีอัตราประชากรที่สามารถสื่อสารภาษาได้มากกว่าหนึ่งภาษา สูงขึ้นทุกปี นั่นคือ อย่างน้อยก็ได้ภาษาถิ่นกับภาษาอังกฤษนั่นเอง

การที่เราจะแข่งขันกับตลาดงานในระดับ AEC นั่น เจ้าของกระทู้ค้นพบว่าองค์ความรู้อย่างเดียวเราสู้ได้ แต่ที่เราไปแข่งขันกับประเทศอื่นไม่ได้ก็เรื่องของภาษาในการสื่อสาร ถ้าเราจะสู้กับคนอื่นๆในตลาดงานที่ปรึกษาอิสระได้นั่นจะต้องได้ภาษาอังกฤษในระดับที่เรียกว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้อย่างน้อย 80% กันเลย

หมายเหตุ เจ้าของกระทู้ใช้แค่ไทยกับอังกฤษ ภาษาที่สามกำลังพยายามเช่นกัน

(3) เครือข่ายพัทธมิตร (Friendships are Connections and Networks)
เพื่อนไม่ว่าจะอายุเด็กกว่า แก่กว่า หรือเท่ากัน จะสาขาอาชีพไหน สิ่งที่เราจะต้องคำนึงในการที่เราจะประกอบอาชีพอิสระ คุณต้องมีเพื่อนที่จริงใจและสามารถที่จะมาช่วยกันในการทำงานในบ้างเรื่องที่คุณทำคนเดียวไม่ได้ การมีคนรู้จักที่เป็นมิตรต่อกันทำให้คุณมีเครือข่ายในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานมากกว่าจะยืนอยู่คนเดียว โดยเฉพาะเมื่อเราออกมาทำงานอิสระนั่นยิ่งจำเป็นต้องเก่งวิชาสังคม เราต้องสามารถที่จะสร้างเพื่อน สร้างเครือข่ายการช่วยเหลือและสนับสนุนงานกันได้ หลักการสร้างเพื่อนที่ยั่งยืน คือ เราต้องรู้จักการให้ การเมตตา และรู้จักเป็นผู้รับในเวลาที่เหมาะสม ไม่มีใครอยากคบกับเพื่อนที่หวังแต่ผลประโยชน์ จงอย่าลืมหลักการบริหารที่ว่า “Win-Win” และ “Put the right man to the right job”

เจ้าของกระทู้นั้นมีเพื่อนในหลากหลายวงการและหลากหลายอายุ บ่อยครั้งที่การกินข้าวกันอย่างสนุกสนานนำมาซึ่งแง่คิดในการทำงาน บ่อยครั้งที่เจ้าของกระทู้หางานให้เพื่อนพอกับที่เพื่อนก็หางานมาให้เรา ระบบการพึ่งพาอาศัยที่ต่างรู้จักกันยังเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในบางโอกาสการได้ทำงานกับเพื่อนในกิจกรรมจิตอาสานั้นไม่ได้ผลตอบแทนในเรื่องรายได้แต่มันได้ผลตอบแทนในเรื่องจิตใจอีกด้วย

(4) ความคิดเชิงบวกในการทำงาน (Positive Thinking is the Problem Solving)
บ่อยครั้งที่ในการทำงานอาชีพใดๆ ก็ตามนั้นเรามักจะเผลอปล่อยให้สมองไปคิดในเชิงติดลบ เจ้าของกระทู้ขอแนะนำให้ทุกคนจงมองเห็นช่องว่างเล็กในวิกฤตใดๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ แล้วหาวิธีการมองการคิดมุมบวกให้เจอ เจ้าของกระทู้เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เชื่อเสมอว่าไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ จงลงมือหาวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาให้เจอ ไม่มีปัญหาใดที่เราจะแก้ไขไม่ได้นั่นเอง

ยามที่เรามีความคิดบวกเกินขึ้นเราจะเกิดความเชื่อว่าเราจะทำมันได้และเราก็จะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคปัญหาไปได้เสมอ
เจ้าของกระทู้นั้นชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตออกจะมีมุมมืดเยอะเสียด้วย แต่ว่าพยายามมองปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตให้เป็นโอกาสที่จะเข้มแข็ง และก็ยังคงก้าวผ่านมาอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นทุกคนก็ทำได้เช่นกัน

(5) การดูแลสุขภาพกาย (Good health produces Great Jobs)

ร่างการที่แข็งแรงจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างงานที่สุดยอด เมื่อก่อนสมัยเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น ตัวของเจ้าของกระทู้นั้นเป็นคนไม่ค่อยดูแลสุขภาพและบ้างานมากทำงานหนักแบบวันละ 18 –20 ชั่วโมง อัดกาแฟแทนน้ำเปล่าเป็นประจำ สุดท้ายวันที่ร่างกายประท้วงขึ้นมาเมื่อไรก็ล้มนอนสลบไปเป็นอาทิตย์ทำให้เสียงานการไปก็เคย หลังจากที่ออกมาทำงานอิสระ เวลาเป็นเรื่องที่เราสามารถจะจัดสรรให้ชีวิตมีคุณภาพได้ ร่างกายแข็งแรงก็มีสมาธิดีขึ้นงานที่ผลิตออกมาก็มีคุณภาพ และมีความสดใหม่มากขึ้น การตัดสินใจก็เฉียบคมขึ้นด้วย

ปัจจุบันตั้งใจออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อจะได้อยู่นานขึ้น มีเวลาใช้เงินที่หามาตอนแก่นานขึ้นอีกหน่อย
นอกจากนี้การออกกำลังยังเป็นวิธีการระบายความเครียดสะสมที่เกิดจากการทำงานได้ อีกวิธีการหนึ่งที่เจ้าของกระทู้ทำควบคู่ไปด้วยก็ คือ การเจริญสติในเชิงพุทธศาสนานั้นเอง เจ้าของกระทู้ใช้เป็นเครื่องอีกอย่างหนึ่ง เพื่อลดความเครียดจากการทำงาน ลดอัตตาในตนเอง ทำให้สามารถที่จะอดทนกับสภาวะกดดันได้ดีขึ้น ปล่อยวางได้เร็ว ทำให้สมองมีเวลามาใช้ในการคิดงานได้มากขึ้นอีกด้วย

(6) ความสามารถในการทำงานที่หลากหลาย และความรับผิดชอบงานในหน้าที่ (Multitasks and Responsibility are High Flexible and Valuable Opportunities)

งานที่ปรึกษาอิสระเป็นงานที่ต้องเจอกับงานหลายหน้าที่หลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ใครต้องการที่จะเป็นที่ปรึกษาอิสระจะเก่งแค่หนึ่งมิติไมได้ บางครั้งไปเจองานที่ลูกค้าให้ทำงานในหลายหน้าที่อาจจะต้องฝึกทักษะให้สามารถแก้ไขปัญหาหน้างาน การปรับเปลี่ยนตนเองให้เข้สกับงานได้นั่นเอง เช่น สามารถเป็นวิทยากรและผู้ดำเนินรายการไปในเวลาเดียวกัน สามารถเป็นคนควบคุมการประชุมที่สรุปงานได้ตรงประเด็นไม่พาการประชุมออกนอกประเด็น เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องรู้จักความรับผิดชอบในงานที่รับมาทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการที่มีลูกค้าไว้ใจให้คุณทำงานให้นั้นเป็นโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าที่จะแนะนำงานแบบปากต่อปากกันไปได้อีก หรือเกิดการกลับมาใช้งานซ้ำกันได้ในระยะยาว

สิ่งที่เจ้าของกระทู้เจอนั้น งานที่จ้างที่ปรึกษาอิสระจะเป็นงานที่พนักงานประจำทำเองไม่ได้ หรือเสียเวลาหากให้พนักงานประจำลงมือทำ ดังนั้นงานที่ปรึกษาอิสระจึงเจอโจทย์ในการทำงานที่ไม่ง่าย และไม่ซ้ำรูปแบบ ดังนั้นใครที่อยากออกมาเป็นที่ปรึกษาอิสระคุณต้องรักการทำงานที่เน้นการสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหาใหม่ๆ พร้อมรับการปรับเปลี่ยนแนวการทำงานใหม่เสมอ บางทีอาจจะต้องปรับตัวเข้ากับทีมงานในโครงการที่เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโครงการให้ง่ายด้วย

(7) ความซื่อสัตย์ต่องานและตรงต่อเวลา (Loyalty and On-time make your Trust)
มาถึงหัวข้อสุดท้ายนั้นจัดว่าเป็นประเด็นเรื่องจริยธรรมและจรรยาบรรณในการทำงานของที่ปรึกษาอิสระ นั้นคือการซื่อตรงต่องานที่ลูกค้าจ้างให้คุณทำโดยต้องเก็บเป็นความลับทางการค้าไว้อย่างดี ไม่รับงานที่จะเกิดการซ้อนทับของผลประโยชน์กันระหว่างบริษัท และต้องส่งงานให้ตรงเวลาเป็นสำคัญ เพราะโลกแห่งการทำงานโดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนหรือที่ปรึกษาในโครงการนั้นมีผลกระทบกับงบประมาณในการทำงานทั้งสิ้น การส่งงานช้าอาจจะนำมาซึ่งการโดนค่าปรับ และอาจจะทำให้เครดิตในการทำงานของคุณมีปัญหาในการรับงานใหม่ในอนาคตด้วย

สุดท้ายนี้หากกระทู้นี้นั้นสร้างความรำคาญให้กับท่านผู้อ่านที่อาจจะมองแตกต่างจากเจ้าของกระทู้ เจ้าของกระทู้ก็ขออภัยไว้นะโอกาสนี้

เจ้าของกระทู้หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ผู้ที่คิดจากก้าวออกจากระบบมนุษย์เงินเดือนมาสู่การเป็นเจ้านายตนเองนำไปคิดประกอบการตัดสินใจ การตั้งเป้าหมายในอนาคตต่อไป ขอให้ทุกท่านที่มีความฝันสำเร็จในสิ่งที่ฝันไว้….ขอให้โชคดีมีชัยกันทุกท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่