สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นแฟนคลับและก็คุยกันเป็นวงกว้างจนไปรู้จักเพื่อนคนนึงชื่อย่อ (ต) เป็นผู้หญิงนะคะ
เราก็คุยกับเขา รับรู้เรื่องราวของเขา จนสนิทกันมาก (ต) มาบ้านเราบ้าง รู้จักแม่กับพี่ชายเรา ออกไปเที่ยวด้วยกันตามภาษา
ลักษณะทางครอบครัวของทางบ้าน (ต)
- คือพ่อเป็นคนจีนทำงานอยู่ที่บริษัทน้ำมันแห่งใหญ่ของไทย จะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยระยะเวลาที่อยู่ต่างประเทศคือ 3 - 6 เดือน
- ส่วนแม่เป็นคนไทยทำงานอยู่ภายใต้แบรนด์เครื่องสำอางค์ของญี่ปุ่น แต่ (ต) บอกเสมอว่าแม่ติดต่อยาก และทำงานอยู่ในแลปที่แคนาดา ระยะเวลาที่อยู่ในแลป 6 เดือน และติดต่อได้แค่ทางอีเมล์
ส่วน (ต) เป็นคนลูกครึ่งไทย - จีน ที่อยู่ปัจจุบันของครอบครัวนี้คือที่ประเทศมาเลเซีย ปีนัง (ต) เรียนถึงม.5 แล้วขอแม่มาต่อม.6 ที่โรงเรียนไทย แต่แม่ไม่เห็นด้วย เลยได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยแบบสบายๆ เช่าหออยู่ และครอบครัวโอนเงินให้ทางแม่ 30000 ทางพ่อ 30000 / ที่ (ต) เล่าให้ฟังนะคะ
เหตุการณ์ที่ 1 ทุกอย่างก็เป็นปกติจนกระทั่งมาถึงเกือบปลายเดือนพฤษภาคม (ต) เดินทางกลับมาเลเซียกับพ่อ เพราะพ่อยังไม่ต้องบิน แล้วก็เดินทางกลับมาไทย พ่อของ (ต) ให้เงินเอาไว้ (ต) ก็เก็บไว้ในบัญชีธนาคาร อีกประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนพ่อของ (ต) จะบินไปทำงานที่ซาอุ (ต) บอกกับเราว่าเงินในบัญชีที่ใช้กดทุกวันใกล้หมดแล้ว เหลือ 3 พัน เราก็บอกให้เอาสมุดไปเบิกจากบัญชีที่พ่อโอนให้ไว้ก่อนเลย แต่ (ต) บอกเอาไว้ก่อน เงินยังเหลืออยู่ จนกระทั่งพ่อของ (ต) บินไปทำงาน เกือบอาทิตย์ (ต) โทรมาหาเรา
บอกว่าสมุดบัญชีลืมไว้ที่มาเลเซียแน่เลย แล้วตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่ในเอทีเอ็มแค่ 2 พันกว่าบาท และ (ต) ต้องจ่ายค่าหอพักในวันที่ 5 ของทุกเดือน
เราเลยลองเล่าให้แม่กับพี่ชายฟัง พี่ชายเลยตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเรื่องหอ (ประมาณ 4 พันกว่ารวมค่าไฟก็ 5 พันกว่าค่ะ) และค่ากินอยู่นิดๆ หน่อยๆ
และตอนนั้นเป็นช่วงที่เราทำงานพาร์ทไทม์ที่ห่างแห่งหนึ่ง เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ไว้เที่ยวไม่อยากขอผู้ปกครองเพราะบ้านเราไม่ได้รวย กลายเป็นเงินทุกเดือน
เราได้มาคือโอนให้ (ต) เกือบทั้งหมด เพื่อช่วยพี่แบ่งเบาค่าหอพักและค่ากินอยู่ของ (ต)
เหตุการณ์ที่ 2 หลังจากนั้น (ต) ก็ไลน์มาบอกผ่านทางไลน์PC ว่าเมื่อกี้เดินออกไปซื้ออาหารให้แมว โดนมอไซค์ฉกกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ไอโฟน 5 ไป
จากที่ไม่มีเงินอยู่แล้ว โดนฉกกระเป๋าสตางค์ไปอีกยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนั้นเราสงสารมาก เพราะตัวคนเดียวที่ไทยทางแม่กับพ่อก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เพราะเขาบินไปทำงานที่อื่นแล้ว แต่ก่อนหน้า (ต) เคยให้เราแอดไลน์พ่อ (ต) ไปตอนที่ (ต) กลับมาเลเซีย เราเลยพิมพ์ข้อความทิ้งเอาไว้ หวังว่าพ่อ (ต) จะติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่มีวี่แวว
เหตุการณ์ที่ 3 กลายเป็น (ต) เริ่มไม่มีเงินออกไปไหนมาไหนจากที่เป็นคนชอบเที่ยวและช้อป เริ่มติดต่อยากเพราะโทรศัพท์ก็ไม่มี ได้ติดต่อทางคอมบ้างบางครั้ง เพราะเราเรียนหนังสือและก็ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย แต่มีช่วงที่มีศิลปินมาไทยเดือนก.ค. 2557 เราเลยชวน (ต) ออกไปตามด้วยกันเพราะเสียค่าใช้จ่ายไม่เยอะ จน (ต) ได้รู้จักเพื่อนสนิทเราที่โรงเรียนชื่อ (ฟ) (ฟ) รับรู้เรื่องราวของ (ต) อยู่เสมอ เพราะเรามีอะไรก็คุยกับครอบครัวแล้วก็ (ฟ)
ในระหว่างที่เราทำงานอยู่ก็มีโทรศัพท์เข้าเห็นว่าเป็น (ต) เราเลยรับ (ต) โทรมาขอเบอร์แม่เรา เราก็ให้ไป หลังทำงานเสร็จเรารอที่จะให้ถึงบ้านก่อนไม่ได้เลยโทรหาแม่ แม่เราเล่าให้ฟังว่า (ต) โทรมาบอกว่า (ต) ออกไปที่ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง แล้วไปเป็นลมล้มทำให้โคมไฟแตกเป็นแถว ค่าเสียหาย
จำนวน 18XXX บาท เราก็อึ้งเลย... แต่ (ต) ไปกับพี่คนสนิทของ (ต) พี่คนนั้นเลยจ่ายให้ (ต) ไปก่อน แล้วพี่ก็บอกว่าให้ (ต) หาเงินมาคืนในทันวันอาทิตย์ที่จะถึง เพราะพี่ผู้หญิงคนนี้ต้องบินไปเกาหลีแล้ว และใช้เวลาอยู่ที่เกาหลีประมาณ 1 เดือน ซึ่ง (ต) โทรมาหาเราวันพฤหัส เรากับครอบครัวยิ่งเครียดเลย พี่ผู้หญิงบอกว่าถ้าโอนเงินให้ก่อนอาทิตย์ไม่ได้จะแจ้งตำรวจจับ ครอบครัวเราเลยตัดสินใจกู้นอกระบบมาให้ 10000 บาท และเพื่อนเรา (ฟ) ก็ช่วยเหลือไปอีก
8000 บาท และ (ต) ก็โอนเงินให้พี่คนนั้น ก็จบกันไป เลิกติดต่อเลิกคุยกัน
ระยะเวลาผ่านไปทางเราช่วยเหลือ (ต) เงินก็เริ่มพอกพูนขึ้น ทางครอบครัวเราต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน (ต) จากเงินที่ไปยืมมาเดือนละ 1500 บาท
เรื่องดอกเบี้ยพี่ชายเรารับผิดชอบ และเราก็ช่วยด้วยการกดเงินจากกยศ. มาช่วยบ้าง
ระหว่างที่ (ต) อยู่ที่ห้องพักก็มีญาติของ (ต) ซึ่ง (ต) เรียกว่าแม่นมเดินทางจากทางใต้มาอยู่ด้วยพร้อมกับหลานตัวเล็กๆ (เราเคยเห็นแค่หน้าหลานเพราะ ต. เคยถ่ายส่งมาให้ในไลน์) หลังจากนั้นก็มีคนมาอยู่เพิ่มกับ (ต) คือพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พี่คนนี้ (ต) เคยเกริ่นมาว่าทางครอบครัวของทั้งคู่ไม่ถูกกัน แต่ (ต) กับพี่ (ช) สนิทกัน เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก พี่ (ช) บอกว่านางมีปัญหากับเพื่อนที่อยู่หอมหาลัยเดียวกัน เลยขอมาอาศัยอยู่ที่ห้อง (ต) เราก็รับรู้ พี่ (ช) ก็ช่วยออกค่าห้องบ้าง และค่ากินอยู่ประจำวันก็เลี้ยง (ต) เพราะเห็นเป็นน้อง แต่ช่วยแบบเป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ไม่ได้
เหตุการณ์ที่ 4 ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 (ต) โทรมาบอกเราว่า เจอเพื่อนแม่ทางเฟสบุ้คที่อยู่แคนาดาที่สามารถติดต่อแม่ของ (ต) ได้
เราก็ดีใจ เพราะ (ต) จะได้ไม่ต้องลำบากแล้ว (ต) บอกว่าต้องกลับไปรอแม่ที่มาเลเซียมีคนสามารถพาไปได้ เป็นคนที่ (ต) รู้จักไปทางรถซึ่งขึ้นจากที่หาดใหญ่แล้วขับรถไปต่อได้ แม่เราเป็นห่วงเลยให้เงินติดตัวเพิ่มไปอีก 3000 บาท (ต) ก็บอกกับเราว่าถ้าไปแล้ว จะไปเอาสมุดบัญชีและขอบัญชีธนาคารของเราไว้ บอกจะโอนให้ และแลนด์ดิ้งถึงไทยวันที่ 2 ธ.ค. 2557 เราก็รับทราบ เราก็รอๆๆๆ จนเราได้ไปเกาหลีวันที่ 11 - 18 กลับมาแล้วก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจาก (ต) เงินก็ยังไม่เข้า
เราโทรถามหอพักอยู่เรื่อยๆ ทางหอบอกว่า (ต) ไม่ได้เอาอะไรไปเลย นอกจากเป้และเสื้อผ้าออกไปพร้อมพี่ (ช) ก็คือที่จะไปมาเลเซียนั่นแหละ และเราก็โทรไปอีก ทางหอบอกว่าคงหนีออกไปแล้วค่ะ เพราะไม่ติดต่อมา ค่าพักก็ไม่โอนมาให้ แถมทางหอยังบอกว่าทั้งสองคนเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่าพี่น้อง อันนี้เราไม่รู้เหมือนกันค่ะ... พี่ชายเราเริ่มเตือนเริ่มบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นพล็อตมากเกินไป ให้เราเริ่มทำใจได้ละว่าโดนโกงไปชัวร์ๆ
จนกระทั่งมาถึงวันที่
3 มกราคม 2558
เราลองเอาชื่อยูสเซอร์ของ (ต) หาในทวิตเตอร์ซึ่งเจอมันเด้งขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้าที่เราเคยหาไม่เคยมีข้อมูลอะไรเด้งขึ้นมาเลย หลังจากนั้นเราเลยตามจนมารู้ว่า (ต) เปิดแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ใหม่ ติดต่อกับเพื่อนทุกคนที่รู้จัก ยกเว้นเราและครอบครัวค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทำให้เราเพิ่งรู้ว่า (ต) มีแอคเค้าท์ใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว ซึ่งไม่เคยติดต่อเรา แต่ติดต่อคนอื่นๆ
เรามาเจอทุกอย่างในวันที่ 3 มกราคม 2558 นะคะ

เราเลยหาเฟสบุ้คของพี่ (ช) เพราะตอนแรกนางไม่ได้ล็อคแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ แชทไปหา
และเข้าไปดูที่ทวิตเตอร์ของ (ต) ที่เคยกับคนนั้นคนนี้ คือ (ต) ทิ้งไอดีไลน์เอาไว้ กะว่าเราไม่เห็นแน่นอน เราเลยแอดไปแล้วทักไป
แต่คนที่ตอบไลน์เราคือพี่ (ช)...
**ระหว่างที่พี่ (ช) ไปอาศัยอยู่กับ (ต) (ต) ชอบเอาแท็บเล็ตของพี่ (ช) มาล็อคอินคุยทวิตกับเราค่ะ เพราะช่วงที่ลำบาก (ต) ตัดสินใจขายโน๊ตบุ้คทิ้งไปค่ะ**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




เราก็ส่งรูปเรากับ (ต) ไปค่ะ ที่คาดแดงไว้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวนอกเหนือจากเรื่องเงินนะคะ

เราพยายามขอเบอร์เพื่อโทรคุย แต่พี่ (ช) ก็ปฏิเสธตลอด



เราเปิดหน้าทวิตเตอร์ของพี่ (ช) เอาไว้ ก็เจอทวีตนี้เด้งมา
รู้เลยว่าเป็นเรา เพราะมันเรียลไทม์มากค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ไลน์นี้คือเราเคยติดต่อไปแล้วเรื่องของ (ต) คือไลน์ที่ (ต) บอกว่าเป็นไลน์ของพ่อ เราเคยคุยกับท่านนะ แต่ไม่ได้แคปเอาไว้เลยค่ะ
ท่านบอกว่าป๊าพิมพ์ไทยไม่ค่อยได้นะ พิมพ์ได้นิดหน่อยเราพอรู้เรื่อง
**แชทครั้งแรกเราแคปไว้แต่เผลอไปลบทีหายหมดเลยค่ะ**
แต่มารอบนี้พี่ (ช) บอกว่านี่คือไลน์ของแม่ (ต) เราเลยทักไปซึ่งตลอดเวลา 6 - 7 เดือนที่ (ต) มีปัญหาเราติดต่อไม่เคยได้เลย
เราก็ทักไปแล้วคุยแม่ (ต) บอกว่ารู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว และโอนเงินคืนเรามาแล้วค่ะ ซึ่ง... เราไม่ได้เงิน แม่ของ (ต) เลยบอกว่า สงสัยใส่ชื่อผิด
ทางแม่ของ (ต) เลยบอกเดี๋ยวไปจัดการให้แล้วจะโอนให้ เราเลยให้บัญชีและชื่อของพี่ชายเราไปแทน
แม่ (ต) บอกว่า มารู้เรื่องจากพี่ (ช) ทำให้รู้ว่า (ต) อยู่ไทยดื้อมาก เลยกักบริเวณห้ามติดต่อกับเพื่อนทางโซเชียล ซึ่ง (ต) ติดต่อกับทุกคนมาเป็นระยะเวลานานมาก แม่บอกว่าตอนนี้ (ต) อยู่กับแม่ที่แคนาดาแล้ว และ (ต) ก็เป็นเนื้องอกในมดลูกด้วย เพราะตอน (ต) ออกไปไหนมาไหนกับเรา (ต) จะเป็นคนที่ปวดท้องทีหนักมาก และเป็นคนที่เป็นลมบ่อยมาก
เราเลยบอกพี่ (ช) ว่า (ต) โดนกักบริเวณแล้วมาเล่นทวิตได้ไง พี่ (ช) บอกว่า (ต) แอบเล่น และตอนนี้แม่ของ (ต) รู้แล้ว (ต) เลยต้องปิดแอคทวิตอีกครั้ง
แต่ก่อน (ต) จะปิดเราดีเอ็มไปหา (ต) ตอบกลับมาว่า "รู้ได้ไงว่าเล่นแอคนี้" เรามาเห็นอีกทีตอนเช้า (ต) ก็อันฟอลเราไปแล้ว ซึ่งได้คำตอบจากพี่ (ช) ว่า "พี่อันฟอลเองแหละ เพราะแม่ (ต) ให้ปิดแอคทวิต" เออ... เล่นมาตั้งนาน มาปิดวันที่เราติดต่อได้ ควรให้เราได้คุยหรือขอช่องทางที่สามารถติดต่อกับ (ต) ได้ก่อนไหม
**แชทครั้งที่ 2 ที่เราคุยกับแม่ (ต) ครั้งนี้แคปไว้ค่ะ และไม่ได้ลบไป**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



แม่ขอ (ต) บอกมีธุระต่อคือหลังจากนี้ก็เข้าแลปวันที่คุยคือ 13 มกราคม 2558 ค่ะ
แลแม่ของ (ต) ก็ left chat ออกไป แล้วก็สมัครใหม่ค่ะ เราเลยลองทักไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



**เงินเป็นจำนวน 70,150 นะคะ ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่จ่ายแทนไป**
- ต่อ -
[เตือนภัยแฟนคลับศลป.เกาหลี] โดนโกงเงินไปจำนวนหนึ่งจากคนที่เป็นแฟนคลับด้วยกัน
เราก็คุยกับเขา รับรู้เรื่องราวของเขา จนสนิทกันมาก (ต) มาบ้านเราบ้าง รู้จักแม่กับพี่ชายเรา ออกไปเที่ยวด้วยกันตามภาษา
ลักษณะทางครอบครัวของทางบ้าน (ต)
- คือพ่อเป็นคนจีนทำงานอยู่ที่บริษัทน้ำมันแห่งใหญ่ของไทย จะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยระยะเวลาที่อยู่ต่างประเทศคือ 3 - 6 เดือน
- ส่วนแม่เป็นคนไทยทำงานอยู่ภายใต้แบรนด์เครื่องสำอางค์ของญี่ปุ่น แต่ (ต) บอกเสมอว่าแม่ติดต่อยาก และทำงานอยู่ในแลปที่แคนาดา ระยะเวลาที่อยู่ในแลป 6 เดือน และติดต่อได้แค่ทางอีเมล์
ส่วน (ต) เป็นคนลูกครึ่งไทย - จีน ที่อยู่ปัจจุบันของครอบครัวนี้คือที่ประเทศมาเลเซีย ปีนัง (ต) เรียนถึงม.5 แล้วขอแม่มาต่อม.6 ที่โรงเรียนไทย แต่แม่ไม่เห็นด้วย เลยได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยแบบสบายๆ เช่าหออยู่ และครอบครัวโอนเงินให้ทางแม่ 30000 ทางพ่อ 30000 / ที่ (ต) เล่าให้ฟังนะคะ
เหตุการณ์ที่ 1 ทุกอย่างก็เป็นปกติจนกระทั่งมาถึงเกือบปลายเดือนพฤษภาคม (ต) เดินทางกลับมาเลเซียกับพ่อ เพราะพ่อยังไม่ต้องบิน แล้วก็เดินทางกลับมาไทย พ่อของ (ต) ให้เงินเอาไว้ (ต) ก็เก็บไว้ในบัญชีธนาคาร อีกประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนพ่อของ (ต) จะบินไปทำงานที่ซาอุ (ต) บอกกับเราว่าเงินในบัญชีที่ใช้กดทุกวันใกล้หมดแล้ว เหลือ 3 พัน เราก็บอกให้เอาสมุดไปเบิกจากบัญชีที่พ่อโอนให้ไว้ก่อนเลย แต่ (ต) บอกเอาไว้ก่อน เงินยังเหลืออยู่ จนกระทั่งพ่อของ (ต) บินไปทำงาน เกือบอาทิตย์ (ต) โทรมาหาเรา
บอกว่าสมุดบัญชีลืมไว้ที่มาเลเซียแน่เลย แล้วตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่ในเอทีเอ็มแค่ 2 พันกว่าบาท และ (ต) ต้องจ่ายค่าหอพักในวันที่ 5 ของทุกเดือน
เราเลยลองเล่าให้แม่กับพี่ชายฟัง พี่ชายเลยตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเรื่องหอ (ประมาณ 4 พันกว่ารวมค่าไฟก็ 5 พันกว่าค่ะ) และค่ากินอยู่นิดๆ หน่อยๆ
และตอนนั้นเป็นช่วงที่เราทำงานพาร์ทไทม์ที่ห่างแห่งหนึ่ง เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ไว้เที่ยวไม่อยากขอผู้ปกครองเพราะบ้านเราไม่ได้รวย กลายเป็นเงินทุกเดือน
เราได้มาคือโอนให้ (ต) เกือบทั้งหมด เพื่อช่วยพี่แบ่งเบาค่าหอพักและค่ากินอยู่ของ (ต)
เหตุการณ์ที่ 2 หลังจากนั้น (ต) ก็ไลน์มาบอกผ่านทางไลน์PC ว่าเมื่อกี้เดินออกไปซื้ออาหารให้แมว โดนมอไซค์ฉกกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ไอโฟน 5 ไป
จากที่ไม่มีเงินอยู่แล้ว โดนฉกกระเป๋าสตางค์ไปอีกยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนั้นเราสงสารมาก เพราะตัวคนเดียวที่ไทยทางแม่กับพ่อก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เพราะเขาบินไปทำงานที่อื่นแล้ว แต่ก่อนหน้า (ต) เคยให้เราแอดไลน์พ่อ (ต) ไปตอนที่ (ต) กลับมาเลเซีย เราเลยพิมพ์ข้อความทิ้งเอาไว้ หวังว่าพ่อ (ต) จะติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่มีวี่แวว
เหตุการณ์ที่ 3 กลายเป็น (ต) เริ่มไม่มีเงินออกไปไหนมาไหนจากที่เป็นคนชอบเที่ยวและช้อป เริ่มติดต่อยากเพราะโทรศัพท์ก็ไม่มี ได้ติดต่อทางคอมบ้างบางครั้ง เพราะเราเรียนหนังสือและก็ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย แต่มีช่วงที่มีศิลปินมาไทยเดือนก.ค. 2557 เราเลยชวน (ต) ออกไปตามด้วยกันเพราะเสียค่าใช้จ่ายไม่เยอะ จน (ต) ได้รู้จักเพื่อนสนิทเราที่โรงเรียนชื่อ (ฟ) (ฟ) รับรู้เรื่องราวของ (ต) อยู่เสมอ เพราะเรามีอะไรก็คุยกับครอบครัวแล้วก็ (ฟ)
ในระหว่างที่เราทำงานอยู่ก็มีโทรศัพท์เข้าเห็นว่าเป็น (ต) เราเลยรับ (ต) โทรมาขอเบอร์แม่เรา เราก็ให้ไป หลังทำงานเสร็จเรารอที่จะให้ถึงบ้านก่อนไม่ได้เลยโทรหาแม่ แม่เราเล่าให้ฟังว่า (ต) โทรมาบอกว่า (ต) ออกไปที่ศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง แล้วไปเป็นลมล้มทำให้โคมไฟแตกเป็นแถว ค่าเสียหาย
จำนวน 18XXX บาท เราก็อึ้งเลย... แต่ (ต) ไปกับพี่คนสนิทของ (ต) พี่คนนั้นเลยจ่ายให้ (ต) ไปก่อน แล้วพี่ก็บอกว่าให้ (ต) หาเงินมาคืนในทันวันอาทิตย์ที่จะถึง เพราะพี่ผู้หญิงคนนี้ต้องบินไปเกาหลีแล้ว และใช้เวลาอยู่ที่เกาหลีประมาณ 1 เดือน ซึ่ง (ต) โทรมาหาเราวันพฤหัส เรากับครอบครัวยิ่งเครียดเลย พี่ผู้หญิงบอกว่าถ้าโอนเงินให้ก่อนอาทิตย์ไม่ได้จะแจ้งตำรวจจับ ครอบครัวเราเลยตัดสินใจกู้นอกระบบมาให้ 10000 บาท และเพื่อนเรา (ฟ) ก็ช่วยเหลือไปอีก
8000 บาท และ (ต) ก็โอนเงินให้พี่คนนั้น ก็จบกันไป เลิกติดต่อเลิกคุยกัน
ระยะเวลาผ่านไปทางเราช่วยเหลือ (ต) เงินก็เริ่มพอกพูนขึ้น ทางครอบครัวเราต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน (ต) จากเงินที่ไปยืมมาเดือนละ 1500 บาท
เรื่องดอกเบี้ยพี่ชายเรารับผิดชอบ และเราก็ช่วยด้วยการกดเงินจากกยศ. มาช่วยบ้าง
ระหว่างที่ (ต) อยู่ที่ห้องพักก็มีญาติของ (ต) ซึ่ง (ต) เรียกว่าแม่นมเดินทางจากทางใต้มาอยู่ด้วยพร้อมกับหลานตัวเล็กๆ (เราเคยเห็นแค่หน้าหลานเพราะ ต. เคยถ่ายส่งมาให้ในไลน์) หลังจากนั้นก็มีคนมาอยู่เพิ่มกับ (ต) คือพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พี่คนนี้ (ต) เคยเกริ่นมาว่าทางครอบครัวของทั้งคู่ไม่ถูกกัน แต่ (ต) กับพี่ (ช) สนิทกัน เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก พี่ (ช) บอกว่านางมีปัญหากับเพื่อนที่อยู่หอมหาลัยเดียวกัน เลยขอมาอาศัยอยู่ที่ห้อง (ต) เราก็รับรู้ พี่ (ช) ก็ช่วยออกค่าห้องบ้าง และค่ากินอยู่ประจำวันก็เลี้ยง (ต) เพราะเห็นเป็นน้อง แต่ช่วยแบบเป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ไม่ได้
เหตุการณ์ที่ 4 ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 (ต) โทรมาบอกเราว่า เจอเพื่อนแม่ทางเฟสบุ้คที่อยู่แคนาดาที่สามารถติดต่อแม่ของ (ต) ได้
เราก็ดีใจ เพราะ (ต) จะได้ไม่ต้องลำบากแล้ว (ต) บอกว่าต้องกลับไปรอแม่ที่มาเลเซียมีคนสามารถพาไปได้ เป็นคนที่ (ต) รู้จักไปทางรถซึ่งขึ้นจากที่หาดใหญ่แล้วขับรถไปต่อได้ แม่เราเป็นห่วงเลยให้เงินติดตัวเพิ่มไปอีก 3000 บาท (ต) ก็บอกกับเราว่าถ้าไปแล้ว จะไปเอาสมุดบัญชีและขอบัญชีธนาคารของเราไว้ บอกจะโอนให้ และแลนด์ดิ้งถึงไทยวันที่ 2 ธ.ค. 2557 เราก็รับทราบ เราก็รอๆๆๆ จนเราได้ไปเกาหลีวันที่ 11 - 18 กลับมาแล้วก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจาก (ต) เงินก็ยังไม่เข้า
เราโทรถามหอพักอยู่เรื่อยๆ ทางหอบอกว่า (ต) ไม่ได้เอาอะไรไปเลย นอกจากเป้และเสื้อผ้าออกไปพร้อมพี่ (ช) ก็คือที่จะไปมาเลเซียนั่นแหละ และเราก็โทรไปอีก ทางหอบอกว่าคงหนีออกไปแล้วค่ะ เพราะไม่ติดต่อมา ค่าพักก็ไม่โอนมาให้ แถมทางหอยังบอกว่าทั้งสองคนเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่าพี่น้อง อันนี้เราไม่รู้เหมือนกันค่ะ... พี่ชายเราเริ่มเตือนเริ่มบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นพล็อตมากเกินไป ให้เราเริ่มทำใจได้ละว่าโดนโกงไปชัวร์ๆ
จนกระทั่งมาถึงวันที่ 3 มกราคม 2558
เราลองเอาชื่อยูสเซอร์ของ (ต) หาในทวิตเตอร์ซึ่งเจอมันเด้งขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้าที่เราเคยหาไม่เคยมีข้อมูลอะไรเด้งขึ้นมาเลย หลังจากนั้นเราเลยตามจนมารู้ว่า (ต) เปิดแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ใหม่ ติดต่อกับเพื่อนทุกคนที่รู้จัก ยกเว้นเราและครอบครัวค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเข้าไปดูที่ทวิตเตอร์ของ (ต) ที่เคยกับคนนั้นคนนี้ คือ (ต) ทิ้งไอดีไลน์เอาไว้ กะว่าเราไม่เห็นแน่นอน เราเลยแอดไปแล้วทักไป
แต่คนที่ตอบไลน์เราคือพี่ (ช)...
**ระหว่างที่พี่ (ช) ไปอาศัยอยู่กับ (ต) (ต) ชอบเอาแท็บเล็ตของพี่ (ช) มาล็อคอินคุยทวิตกับเราค่ะ เพราะช่วงที่ลำบาก (ต) ตัดสินใจขายโน๊ตบุ้คทิ้งไปค่ะ**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเปิดหน้าทวิตเตอร์ของพี่ (ช) เอาไว้ ก็เจอทวีตนี้เด้งมา
รู้เลยว่าเป็นเรา เพราะมันเรียลไทม์มากค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไลน์นี้คือเราเคยติดต่อไปแล้วเรื่องของ (ต) คือไลน์ที่ (ต) บอกว่าเป็นไลน์ของพ่อ เราเคยคุยกับท่านนะ แต่ไม่ได้แคปเอาไว้เลยค่ะ
ท่านบอกว่าป๊าพิมพ์ไทยไม่ค่อยได้นะ พิมพ์ได้นิดหน่อยเราพอรู้เรื่อง
แต่มารอบนี้พี่ (ช) บอกว่านี่คือไลน์ของแม่ (ต) เราเลยทักไปซึ่งตลอดเวลา 6 - 7 เดือนที่ (ต) มีปัญหาเราติดต่อไม่เคยได้เลย
เราก็ทักไปแล้วคุยแม่ (ต) บอกว่ารู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว และโอนเงินคืนเรามาแล้วค่ะ ซึ่ง... เราไม่ได้เงิน แม่ของ (ต) เลยบอกว่า สงสัยใส่ชื่อผิด
ทางแม่ของ (ต) เลยบอกเดี๋ยวไปจัดการให้แล้วจะโอนให้ เราเลยให้บัญชีและชื่อของพี่ชายเราไปแทน
แม่ (ต) บอกว่า มารู้เรื่องจากพี่ (ช) ทำให้รู้ว่า (ต) อยู่ไทยดื้อมาก เลยกักบริเวณห้ามติดต่อกับเพื่อนทางโซเชียล ซึ่ง (ต) ติดต่อกับทุกคนมาเป็นระยะเวลานานมาก แม่บอกว่าตอนนี้ (ต) อยู่กับแม่ที่แคนาดาแล้ว และ (ต) ก็เป็นเนื้องอกในมดลูกด้วย เพราะตอน (ต) ออกไปไหนมาไหนกับเรา (ต) จะเป็นคนที่ปวดท้องทีหนักมาก และเป็นคนที่เป็นลมบ่อยมาก
เราเลยบอกพี่ (ช) ว่า (ต) โดนกักบริเวณแล้วมาเล่นทวิตได้ไง พี่ (ช) บอกว่า (ต) แอบเล่น และตอนนี้แม่ของ (ต) รู้แล้ว (ต) เลยต้องปิดแอคทวิตอีกครั้ง
แต่ก่อน (ต) จะปิดเราดีเอ็มไปหา (ต) ตอบกลับมาว่า "รู้ได้ไงว่าเล่นแอคนี้" เรามาเห็นอีกทีตอนเช้า (ต) ก็อันฟอลเราไปแล้ว ซึ่งได้คำตอบจากพี่ (ช) ว่า "พี่อันฟอลเองแหละ เพราะแม่ (ต) ให้ปิดแอคทวิต" เออ... เล่นมาตั้งนาน มาปิดวันที่เราติดต่อได้ ควรให้เราได้คุยหรือขอช่องทางที่สามารถติดต่อกับ (ต) ได้ก่อนไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แม่ขอ (ต) บอกมีธุระต่อคือหลังจากนี้ก็เข้าแลปวันที่คุยคือ 13 มกราคม 2558 ค่ะ
แลแม่ของ (ต) ก็ left chat ออกไป แล้วก็สมัครใหม่ค่ะ เราเลยลองทักไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**เงินเป็นจำนวน 70,150 นะคะ ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่จ่ายแทนไป**
- ต่อ -