หลังจากเป็นผู้อ่านมานาน ก็อยากเล่าเรื่องการเดินทางเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างทาง
หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นเค้าบ้าง หลังจากที่เราได้ใช้ประโยขน์จากการรีวิวของเพื่อนๆในห้องนี้
อยากไปไหน มีอะไรน่าเที่ยว เสิร์ช พันทิป รีวิว
ขอเล่าแรงบันดาลใจของตัวเองนิดนึงนะคะ
ขอบอกก่อนว่าเราตั้งใจว่าก่อนจบปี4จะต้องนอนคนเดียวให้ได้ ใช่แล้วละ เพื่อนๆอ่านไม่ผิดหรอกคะ
ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยนอนคนเดียวเลย เพราะเราเป็นคนที่กลัวผีมาก ตอนนี้เราก็ยังนอนกับพ่อและแม่อยู่
อยู่หอบางทีเพื่อนไปเที่ยวกันกลับดึกต้องมาห่วงว่าเราจะไม่ได้นอนอยู่คนเดียว เราเลยรู้สึกว่าเราเป็นภาระ
3ปีผ่านไปก็ไม่สำเร็จ เพราะเราเหมือนโรคจิตกลัวว่าถ้านอนคนเดียวแล้วตื่นมาจะมีคนอยู่ด้วย (มันฟังดูไร้สาระ แต่เป็นปัญหาระดับชาติของเราเลย)
จุดเปลี่ยนชีวิตคือเราตัดสินใจไปเวิร์ค ซึ่งตอนแรกไม่มีใครเห็นด้วยเพราะบอกว่าเราดูแลตัวเองไม่ได้
ยิ่งได้ฟังยิ่งฮึด บอกว่าเราจะไป เราจะทำให้ได้ ถ้าไม่ปล่อยเราไปเราก็จะทำอะไรไม่เป็นไปตลอด
ตอนสองอาทิตย์แรกนี่เก่งแต่ปาก แอบน้ำตาตกไม่รู้กี่รอบ นี่ชั้นมาทำอะไรที่นี่ แต่หลังจากที่เราปรับตัวได้เรามีเพื่อนเราเริ่มสนุก
เรานอนคนเดียวได้จากที่นี่ เนื่องจากคิดว่าผีฝรั่งไม่หลอกเราเพราะคงคุยกะเราไม่รุเรื่อง สองสามวันแรกก็ไม่หลับ แต่เริ่มชินก็ เออ นอนได้เว๊ย
แต่กลับไทยมาก็ประสาทเหมือนเดิม แงๆๆ พัง ที่ฝึกมา55555
เราทำงานประมาณเดือนกว่าก็ลาออก เพราะหลังๆงานน้อยมากบางวันมีงาน10นาที ใช่ 10นาที เราเลยคิดไหนๆมาแล้วชั้นจะเที่ยว
ก็เที่ยวกับเพื่อนฝรั่งในรัฐที่ไป จากนั้นรอเพื่อนทำงานเสร็จก็บินไปเที่ยวแคลิฟอเนียร์ แล้วก็ไปญี่ปุ่นต่อ
ความรู้สึกตอนนั้นคือ โลกนี้มันกว้างเน๊าะ ที่นี่ก็สวย เฮ้ย แบบนี้ก็มีด้วยหรอ เหมือนกบเพิ่งออกมาเจอโลก
และก็สัญญากับตัวเอง ว่าถ้ามีโอกาสชั้นจะเที่ยวให้ได้เยอะๆ ไปดูสิ่งใหม่ๆ เก็บประสบการณ์ที่หนังสือให้ไม่ได้ให้มาก
ปีต่อมา การเดินทางด้วยตัวเองคนเดียวครั้งแรกก็ได้เริ่มขึ้น เนื่องจากเพื่อนเกิดติดธุระ คือจริงๆแพลนเรากับเพื่อนล่มมาหลายรอบ จนสุ
เราก็เอาวะ ลองดูสักตั้ง ความอยากมันมีมากกว่าความกลัว ยิ่งใกล้จะไปกลัว กลัวจนหายกลัว
เพราะเราวางแพลนเที่ยวไว้2เดือน เพราะเราจบสามปีครึ่ง เราคิดว่าเรายังมีเวลา เอาเวลาตอนนี้ไปเปิดโลก
ไทย-กวางโจว-หางโจว-ซูโจว-เซี้ยงไฮ้-คันไซ(โอซาก้า+นารา+เกียวโต+วากายาม่า+โกเบ+โคยาซาน)-ฮ่องกง-มาเก๊า-ไทย
ซึ่งภาษาจีนได้นิดหน่อย นิดหน่อยคือเกือบศูนย์ ภาษาญี่ปุ่นนี่ศูนย์เลย เอาเส่ แผนที่ก็อ่านไม่เป็น นอนคนเดียวก็ไม่ได้ ภาษาก็ไม่ได้
แต่ก็ยังรอดมานั่งพิมพ์ให้เพื่อนๆอ่านได้
เชื่อมั๊ยว่า2เดือนนั้นเป็น2เดือนที่เราเจออะไรเยอะมาก ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ
เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น แถมเราได้เพื่อนมาเพียบเลยยยยย
เพราะ เรานอนโฮสเทลลลล ใช่แล้วว ครั้งแรกที่นอนก็เจอประสบการณ์ซึ่งผู้หญิงน้อยคนจะมีโอกาสคือ
เรางก เลือกนอนMix dormแบบ10เตียง ตอนนั้นคิด ยังไงก็ต้อมีผู้หญิงบ้างแหละ
เปิดประตูเข้าไป เพื่อนร่วมห้องอีก9เตียงเป็นผู้ชายนานาชาติข่าาาาา และมีเรื่องน่าประทับใจอีกมากมาย
หลังจากจบทริปนี้มีเพื่อนต่างชาติบินมาเยี่ยมเราก็มี
อะอะอะ เข้าเรื่องสักที
สำหรับเรา ประเทศจีนเป็นประเทศที่สวยมาก ถ้าตัดห้องน้ำกับวัฒนธรรมทิ้งไป
อยากแบ็คแพ็คจีน...แต่พูดจีนไม่ได้?
ครั้งแรกอาจจะยากหน่อย เราเคยเรียนภาษาจีนมาเดือนนึง เข้าใจคำแบบง่ายๆ ขอเน้นว่าง่ายๆกับพวกตัวเลข
สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือที่อยู่โรงแรม เน้นว่าป็นภาษาจีน และจดเบอร์โทรศัพท์เก็บไว้ อ่านไม่รู้เรื่อง เราก็ชี้เบอร์ ประมาณว่าโทรถามเองเลยยยยย
ยา อันนี้จำเป็นมาก เราเจอมากับตัวเองเลย ด้วยความที่ไปเที่ยวไหน ไม่เคยป่วย ทำให้สะเพร่า ลืมเอาพาราติดตัวไป
ขึ้นไปแชงกรีล่า สูงมาก เราเคยอ่านเจอว่าร่างกายจะไม่ชินกับความสูงทำให้บางคนไม่สบาย ซึ่งตอนนั้นคิด ไม่ใช่ชั้นแน่ ชั้นสบายดี
พอไปจริงๆ ประกอบกับก่อนเดินทางอดนอนไป เราปวดหัว อ้วกแตก ไข้ขึ้น อยากได้พารามาก
ลากสังขารไปซื้อยา พยายามคุยว่าปวดหัว อยากได้พารา พยายามอธิบายแบบเม็ดขาวๆ
นี่คือสิ่งที่ได้มา เมื่อคุยกันไม่รุเรื่องก็ต้องรับชะตากรรม
วิธีการกิน คืออมไว้
ไม่น่าเชื่อกินไปหายปวดหัวเลย แต่อ้วกทั้งคืนแทนน ตอนกลางคืนลงมาเข้าห้องน้ำเป็นลม ล้มตึงกลางทางเดินเลย
ไม่มีแรงแม้จะร้อง ตอนนั้นทรมานมาก แบบไม่มีแรงได้แต่นอนหงายอยู่ตรงนั้น รอแบบค่อยยังชั่วค่อยรวบแรงไต่จับข้างทางช่วยพยุงกลับห้อง
เป็นครั้งแรกที่รุสึกว่า อยากได้เครื่องส่งเสียงดังมากกกกกก ตอนนี้ก็ยังตามหา ถ้าเพื่อนๆมีที่ซื้อรบกวนแนะนำด้วยนะคะ
ส่วนถ้าหลายคนถามว่าแชงกรีล่าสวยมั๊ย เราตอบได้ว่าสวย สงบ แต่ถ้าไม่มีเวลาเราแนะนำว่าให้ตัดทิ้งไปก่อน
เนื่องจากตอนนี้ทั้งเมืองมีแต่การก่อสร้าง เพราะไฟไหม้ แล้วเรารู้สึกชอบลี่เจียงมากกว่า
อาจเพราะอยู่แชงกรีล่าไม่สบายทุกวัน เที่ยวก็หมดสนุก กว่าจะปรับตัวกับความสูงได้ก็ต้องไปอีกเมืองนึงและ
หุบเขาเสือกระโจนก็ไม่ได้ไป ร้องไห้หนักมาก เพราะแค่จะเดินยังไม่มีแรง ถ้าไปอีกคงได้ลอย ลอยเป็นวิญญาณกลับมา
ขอออกตัวว่าเป็นคนถ่ายภาพไม่สยนะคะ ถูกรูปถ่ายจากไอโฟน
เดี๋ยวจะมาต่อที่นางเอกของทริป
แล้วคุณจะหลงรัก...ลี่เจียง
หนีร้อนไปเล่นหิมะ...ลุยเดี่ยวเที่ยว แชงกรีล่า ต้าหลี่ ลี่เจียง คุนหมิง
หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นเค้าบ้าง หลังจากที่เราได้ใช้ประโยขน์จากการรีวิวของเพื่อนๆในห้องนี้
อยากไปไหน มีอะไรน่าเที่ยว เสิร์ช พันทิป รีวิว
ขอเล่าแรงบันดาลใจของตัวเองนิดนึงนะคะ
ขอบอกก่อนว่าเราตั้งใจว่าก่อนจบปี4จะต้องนอนคนเดียวให้ได้ ใช่แล้วละ เพื่อนๆอ่านไม่ผิดหรอกคะ
ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยนอนคนเดียวเลย เพราะเราเป็นคนที่กลัวผีมาก ตอนนี้เราก็ยังนอนกับพ่อและแม่อยู่
อยู่หอบางทีเพื่อนไปเที่ยวกันกลับดึกต้องมาห่วงว่าเราจะไม่ได้นอนอยู่คนเดียว เราเลยรู้สึกว่าเราเป็นภาระ
3ปีผ่านไปก็ไม่สำเร็จ เพราะเราเหมือนโรคจิตกลัวว่าถ้านอนคนเดียวแล้วตื่นมาจะมีคนอยู่ด้วย (มันฟังดูไร้สาระ แต่เป็นปัญหาระดับชาติของเราเลย)
จุดเปลี่ยนชีวิตคือเราตัดสินใจไปเวิร์ค ซึ่งตอนแรกไม่มีใครเห็นด้วยเพราะบอกว่าเราดูแลตัวเองไม่ได้
ยิ่งได้ฟังยิ่งฮึด บอกว่าเราจะไป เราจะทำให้ได้ ถ้าไม่ปล่อยเราไปเราก็จะทำอะไรไม่เป็นไปตลอด
ตอนสองอาทิตย์แรกนี่เก่งแต่ปาก แอบน้ำตาตกไม่รู้กี่รอบ นี่ชั้นมาทำอะไรที่นี่ แต่หลังจากที่เราปรับตัวได้เรามีเพื่อนเราเริ่มสนุก
เรานอนคนเดียวได้จากที่นี่ เนื่องจากคิดว่าผีฝรั่งไม่หลอกเราเพราะคงคุยกะเราไม่รุเรื่อง สองสามวันแรกก็ไม่หลับ แต่เริ่มชินก็ เออ นอนได้เว๊ย
แต่กลับไทยมาก็ประสาทเหมือนเดิม แงๆๆ พัง ที่ฝึกมา55555
เราทำงานประมาณเดือนกว่าก็ลาออก เพราะหลังๆงานน้อยมากบางวันมีงาน10นาที ใช่ 10นาที เราเลยคิดไหนๆมาแล้วชั้นจะเที่ยว
ก็เที่ยวกับเพื่อนฝรั่งในรัฐที่ไป จากนั้นรอเพื่อนทำงานเสร็จก็บินไปเที่ยวแคลิฟอเนียร์ แล้วก็ไปญี่ปุ่นต่อ
ความรู้สึกตอนนั้นคือ โลกนี้มันกว้างเน๊าะ ที่นี่ก็สวย เฮ้ย แบบนี้ก็มีด้วยหรอ เหมือนกบเพิ่งออกมาเจอโลก
และก็สัญญากับตัวเอง ว่าถ้ามีโอกาสชั้นจะเที่ยวให้ได้เยอะๆ ไปดูสิ่งใหม่ๆ เก็บประสบการณ์ที่หนังสือให้ไม่ได้ให้มาก
ปีต่อมา การเดินทางด้วยตัวเองคนเดียวครั้งแรกก็ได้เริ่มขึ้น เนื่องจากเพื่อนเกิดติดธุระ คือจริงๆแพลนเรากับเพื่อนล่มมาหลายรอบ จนสุ
เราก็เอาวะ ลองดูสักตั้ง ความอยากมันมีมากกว่าความกลัว ยิ่งใกล้จะไปกลัว กลัวจนหายกลัว
เพราะเราวางแพลนเที่ยวไว้2เดือน เพราะเราจบสามปีครึ่ง เราคิดว่าเรายังมีเวลา เอาเวลาตอนนี้ไปเปิดโลก
ไทย-กวางโจว-หางโจว-ซูโจว-เซี้ยงไฮ้-คันไซ(โอซาก้า+นารา+เกียวโต+วากายาม่า+โกเบ+โคยาซาน)-ฮ่องกง-มาเก๊า-ไทย
ซึ่งภาษาจีนได้นิดหน่อย นิดหน่อยคือเกือบศูนย์ ภาษาญี่ปุ่นนี่ศูนย์เลย เอาเส่ แผนที่ก็อ่านไม่เป็น นอนคนเดียวก็ไม่ได้ ภาษาก็ไม่ได้
แต่ก็ยังรอดมานั่งพิมพ์ให้เพื่อนๆอ่านได้
เชื่อมั๊ยว่า2เดือนนั้นเป็น2เดือนที่เราเจออะไรเยอะมาก ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำ
เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น แถมเราได้เพื่อนมาเพียบเลยยยยย
เพราะ เรานอนโฮสเทลลลล ใช่แล้วว ครั้งแรกที่นอนก็เจอประสบการณ์ซึ่งผู้หญิงน้อยคนจะมีโอกาสคือ
เรางก เลือกนอนMix dormแบบ10เตียง ตอนนั้นคิด ยังไงก็ต้อมีผู้หญิงบ้างแหละ
เปิดประตูเข้าไป เพื่อนร่วมห้องอีก9เตียงเป็นผู้ชายนานาชาติข่าาาาา และมีเรื่องน่าประทับใจอีกมากมาย
หลังจากจบทริปนี้มีเพื่อนต่างชาติบินมาเยี่ยมเราก็มี
อะอะอะ เข้าเรื่องสักที
สำหรับเรา ประเทศจีนเป็นประเทศที่สวยมาก ถ้าตัดห้องน้ำกับวัฒนธรรมทิ้งไป
อยากแบ็คแพ็คจีน...แต่พูดจีนไม่ได้?
ครั้งแรกอาจจะยากหน่อย เราเคยเรียนภาษาจีนมาเดือนนึง เข้าใจคำแบบง่ายๆ ขอเน้นว่าง่ายๆกับพวกตัวเลข
สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือที่อยู่โรงแรม เน้นว่าป็นภาษาจีน และจดเบอร์โทรศัพท์เก็บไว้ อ่านไม่รู้เรื่อง เราก็ชี้เบอร์ ประมาณว่าโทรถามเองเลยยยยย
ยา อันนี้จำเป็นมาก เราเจอมากับตัวเองเลย ด้วยความที่ไปเที่ยวไหน ไม่เคยป่วย ทำให้สะเพร่า ลืมเอาพาราติดตัวไป
ขึ้นไปแชงกรีล่า สูงมาก เราเคยอ่านเจอว่าร่างกายจะไม่ชินกับความสูงทำให้บางคนไม่สบาย ซึ่งตอนนั้นคิด ไม่ใช่ชั้นแน่ ชั้นสบายดี
พอไปจริงๆ ประกอบกับก่อนเดินทางอดนอนไป เราปวดหัว อ้วกแตก ไข้ขึ้น อยากได้พารามาก
ลากสังขารไปซื้อยา พยายามคุยว่าปวดหัว อยากได้พารา พยายามอธิบายแบบเม็ดขาวๆ
นี่คือสิ่งที่ได้มา เมื่อคุยกันไม่รุเรื่องก็ต้องรับชะตากรรม
วิธีการกิน คืออมไว้
ไม่น่าเชื่อกินไปหายปวดหัวเลย แต่อ้วกทั้งคืนแทนน ตอนกลางคืนลงมาเข้าห้องน้ำเป็นลม ล้มตึงกลางทางเดินเลย
ไม่มีแรงแม้จะร้อง ตอนนั้นทรมานมาก แบบไม่มีแรงได้แต่นอนหงายอยู่ตรงนั้น รอแบบค่อยยังชั่วค่อยรวบแรงไต่จับข้างทางช่วยพยุงกลับห้อง
เป็นครั้งแรกที่รุสึกว่า อยากได้เครื่องส่งเสียงดังมากกกกกก ตอนนี้ก็ยังตามหา ถ้าเพื่อนๆมีที่ซื้อรบกวนแนะนำด้วยนะคะ
ส่วนถ้าหลายคนถามว่าแชงกรีล่าสวยมั๊ย เราตอบได้ว่าสวย สงบ แต่ถ้าไม่มีเวลาเราแนะนำว่าให้ตัดทิ้งไปก่อน
เนื่องจากตอนนี้ทั้งเมืองมีแต่การก่อสร้าง เพราะไฟไหม้ แล้วเรารู้สึกชอบลี่เจียงมากกว่า
อาจเพราะอยู่แชงกรีล่าไม่สบายทุกวัน เที่ยวก็หมดสนุก กว่าจะปรับตัวกับความสูงได้ก็ต้องไปอีกเมืองนึงและ
หุบเขาเสือกระโจนก็ไม่ได้ไป ร้องไห้หนักมาก เพราะแค่จะเดินยังไม่มีแรง ถ้าไปอีกคงได้ลอย ลอยเป็นวิญญาณกลับมา
ขอออกตัวว่าเป็นคนถ่ายภาพไม่สยนะคะ ถูกรูปถ่ายจากไอโฟน
เดี๋ยวจะมาต่อที่นางเอกของทริป
แล้วคุณจะหลงรัก...ลี่เจียง