สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าตั้งกระทู้ผิดห้องหรือแท็กผิดยังไงต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เรากับแฟนกำลังจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา ที่เมืองซานฟรานซิสโก
เราตัดสินใจกันว่าจะอยู่หอพักข้างนอก เพราะหอพักของมหาลัยราคาแพงมากๆ
เราไปเจอที่พักที่ถูกใจในเว็บ
“Realtor.com”
ซึ่งราคาเช่าคือ $1,800 ต่อเดือนก็ไม่ได้ถูกมากแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (ตามภาพ)
เลยตกลงกันว่าเอาที่นี่ ทางเจ้าของห้องได้เขียนกำกับไว้ตรงประกาศเช่าว่า “เค้าซีเรียสกับการนัดดูห้องก่อนเช่ามาก”
เราเลยอธิบายไปว่า “เราไม่สะดวกจะนัดดูจริงๆเพราะเราอยู่ประเทศไทย เราไปเพื่อเรียนเลยหาที่พักและอยากทำเรื่องให้เรียบร้อย
พอไปถึงจะได้อยู่เลย" จึงขอให้เค้าอลุ่มอะหล่วยให้และเค้าตอบตกลง
สิ่งที่เราต้องทำคือ เซ็นสัญญาเช่า จ่ายค่ามัดจำและค่าเช่าเดือนแรก
(ค่ามัดจำ $1,800 + ค่าเช่า $1,800 = $3,600) เป็นเงินไทยก็ประมาณ 120,000 บาท
เราใช้เวลาพอสมควรกว่าจะตอบตกลงว่าจะเช่า ต่อไปคือต้องเซ็นสัญญาและส่งเงินค่ามัดจำกับค่าเช่าเดือนแรกไปให้เค้า
ก่อนอื่นเค้าขอข้อมูลส่วนตัวของเราไปพวก ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่, วันที่จะย้ายเข้าและเบอร์ติดต่อ
เพื่อให้ทนายของเค้าเอาไปร่างสัญญาเช่าและสัญญานี้เราต้องปริ้นท์และเอาไปด้วย
เราถามว่า “อะไรจะเป็นการการันตี ถ้าเราส่งเงินไปแล้ว”
เค้าก็บอกว่า “เชื่อถือได้เพราะสัญญาที่จะให้เซ็นนั้นถูกต้องตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย
(a signed california legal lease agreement) และเมื่อเค้าได้รับเงิน เค้าจะส่งใบเสร็จกลับมาให้เรา
เพื่อให้เราปริ้นท์และเอาไปด้วยคู่กับสัญญา”
หลังจากนั้นเค้าได้ส่งไฟล์สัญญาเช่ามาให้พร้อมรายละเอียดของเมียเค้าเพื่อที่จะให้เราใช้โอนเงิน
Name - Paula Chappell Beck.
City - Woodruff
State - South Carolina
Country - USA
Zip code - 29388
โดยให้เราส่งเงินไปให้ทาง
Moneygram (มันเป็นระบบส่งเงินด่วนภายใน 10 นาที โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร)
เราก็เงียบไปอีกครั้งเพื่อไปคิดทบทวนก่อนส่งเงิน เค้าเลยเมลมาตามเพราะเราหายเงียบไป
เราเลยตอบไปว่า “เราคงส่งเงินให้ตอนนี้ไม่ได้ เราอ้างไปว่าเพราะที่ไทยมันติดสงกรานต์พอดี ไม่สะดวก
ไว้จะโอนให้หลังจากนั้นซักวันที่ 16 หรือ 17 เมษายน 2015 แต่เราจะรีบเซ็นสัญญาส่งให้ก่อน”
(วันนั้นมันช่วงวันที่ 12 เมษายน 2015 พอดี) แต่พอช่วงใกล้ๆวันที่เราจะส่งเงิน
เค้าเมลมาว่า "เมียเขาไปทำงานนอกเมืองกว่าจะกลับอีก 2 อาทิตย์ เค้าเลยจะให้เราส่งเงินให้ลูกสาวเค้าที่อยู่ด้วยกันแทน"
Name - Dana Zorrilla-luna.
City - Houston
State - Texas
Zip code - 77069
Country – USA
พอเราส่งเงินเรียบร้อย เราถามเค้าไปว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? แต่ทำไมไม่ให้ส่งชื่อเค้าโดยตรงไปเลยล่ะ
ทำไมต้องใช้ชื่อลูก/ชื่อเมีย?”
เค้าตอบว่า “ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะส่งใบเสร็จให้พรุ่งนี้ อย่ากังวลเลย เค้าใช้ชื่อเมียเค้าในการทำธุรกิจเช่าอสังหาริมทรัพย์
ส่วนลูกก็อาศัยอยู่ด้วยกัน”
หลังจากนั้นเค้าส่งเมลมาบอกเราว่า “เค้าได้คุยกับทนาย แล้วทนายเค้าเห็นว่าเงินที่เราส่งไปมันน้อยเกินไป
ที่จะรู้ความมั่นคงทางการเงินของเรา ดังนั้นทนายเค้าต้องการให้เราจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าอีก 2 เดือนเพื่อเป็นการเพิ่มมัดจำ”
เราฉุนขึ้นมาทันที เรารีบตอบกลับว่า “ เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่ที่เราตกลงกันไว้แต่แรกนะ ตอนแรกคุณบอกแค่ต้องจ่ายค่า
ค่ามัดจำกับค่าเช่าเดือนแรกและเซ็นสัญญา ทุกอย่างเป็นอันจบ แต่จะมาให้จ่ายเพิ่มที่หลังแบบนี้ได้ไง
เราไม่ยอม เราไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ยาว นี่ถ้าจะให้เราจ่ายเพิ่มอีก 2 เดือนก็เหมือนบังคับให้เราอยู่ต่ออีกสองเดือนโดยปริยายดิ
เราไม่เอา พอจะมีทางออกอื่นไหม เช่น เราส่ง bank statement / bank letter หรือหลักฐานอะไรก็ได้เพื่อแสดงว่าเรามีเงินพอจ่าย
จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”
เค้าตอบมาว่า “เค้าไม่ได้จะบังคับเราให้อยู่เพิ่ม สัญญายังคงเป็นเดือนต่อเดือน ถ้าเราย้ายออกเงินที่เราจ่ายเกินจะคืนให้”
เราตอบไปทันทีว่า “ถึงคืนได้ เราก็ไม่โอเค เพราะนี่ไม่ใช่ที่ตกลงกันไว้ เราไม่เห็นความจำเป็นและมันไม่สมเหตุสมผล
ที่เราต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแค่โชว์ให้คุณและทนายคุณดูว่าเรามีเงินมากพอ”
เค้าตอบว่า “เราต้องเข้าใจนะว่ามันเป็นกฎหมายของอเมริกาว่าผู้เช่าต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 3 เดือน”
เราโมโหเลยบอกว่า “เราไม่โอเคมากๆ นี่เหมือนคุณกลับคำพูดมาเพิ่มเงินทีหลัง คุณน่าจะบอกเราก่อนนะว่ามีกฎซีเรียสขนาดนี้
เราไม่คิดว่าการเช่าบ้านกับคุณมันจะยุ่งยากวุ่นวายขนาดนี้ไม่งั้นเราก็คงไม่เช่าหรอก”
เราจึงขอยกเลิกสัญญาและบอกให้เค้าคืนเงินเรามาเต็มจำนวน
เค้าก็ดราม่าพูดว่า “ก็ได้ถ้าเราต้องการแบบนั้น เค้าก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน มีลูกๆที่เรียนอยู่ต่างประเทศ
เค้าเข้าใจดี เค้าพยายามจะช่วยเรา แต่ถ้าเราไม่พอใจ เค้าจะคืนเงินให้”
เราเลยตอบกลับไปบ้างว่า “เราก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน เงินที่ส่งให้คุณไปแปลงเป็นเงินไทยแล้วไม่น้อยเลยนะ (ตั้งแสนสอง)
พอคุณมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ เราและแฟนเรารับไม่ได้ ค่าธรรมเนียมโอนก็แพงเราก็ไม่บ่นสักคำ (3,500 บาท)
ที่เข้าเนื้อต้องออกเพิ่ม คุณต้องส่งเงินคืนมาเพราะเราต้องใช้เงินไปหาบ้านที่อื่นอยู่ต่อไป”
เค้าเลยบอกว่า “ขอเวลาหน่อย จะไปคุยกับทนายให้อีกครั้งเผื่อจะช่วยลดหย่อนอะไรได้บ้าง เค้าขอเวลา 4 วัน”
(วันนั้นมันวันที่ 19 เมษายน 2015 เค้าขอเวลาถึง 22 เมษายน 2015) พอถึงกำหนดเรากลับไม่ได้รับคำตอบ
พอวันที่ 23 เมษายน 2015 เราเลยเมลไปตาม
เค้าตอบมาว่า “ได้พยายามคุยกับทนายให้เต็มที่แล้วยังไงเราก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 เดือนส่วนอีกเดือนจะให้จ่ายเพิ่ม
ตอนที่เราไปถึงที่นู่น ถ้าเราไม่โอเคเค้าจะส่งเงินคืนให้ภายในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2015”
เรารีบตอบทันทีว่า “เราไม่โอเคอย่างมากส่งเงินคืนมาให้เร็วที่สุด ขอเร็วกว่าวันจันทร์”
แต่เค้าบอก “ไม่ได้เพราะเค้าอยู่นอกเมืองได้เร็วสุดก็วันจันทร์” จนถึงกำหนดวันก็ไม่มีการตอบกลับ
วันที่ 28 เมษายน 2015 เราต้องส่งไปย้ำถึง 4 เมล เพราะเราร้อนใจมาก เค้าไม่ตอบอะไรเลยจนเราใจเสีย
แต่สุดท้ายเค้าก็ตอบกลับมาว่า “ใจเย็นๆ ฟังให้ดีๆ เค้ามีชีวิตที่ต้องใช้ เค้าติดธุระครอบครัวด่วน
เดี๋ยวจะรีบจัดการคืนเงินให้เร็วที่สุดเมื่อเค้ากลับเข้าเมือง เรื่องมันก็แค่นี้”
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้รับเมลตอบกลับอีก พอวันที่ 30 เมษายน 2015
เราเลยส่งไปบอกว่า “นี่เราให้โอกาสคุณมา 2 รอบแล้วนะ ครั้งแรกคือคุณบอกว่าไปนอกเมือง ครั้งที่สองบอกติดธุระด่วนที่บ้าน
แต่คุณไม่ตอบกลับ งั้นฟังให้ดี เราไม่สนเรื่องครอบครัวคุณ คุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะคืนเงินให้เรา
ดังนั้นเราให้ deadline สุดท้าย คือเช้าวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2015” แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับเช่นเคย เรากับแฟนเห็นท่าไม่ดี
วันที่ 1 พฤษภาคม 2015 (วันรุ่งขึ้น) เราเลยรีบไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้และส่งเมลไปหามันอีก
พร้อมแนบใบแจ้งความไปด้วยและบอกว่า “ถ้ายังไม่ยอมตอบและเงียบแบบนี้ เตรียมตัวเจอตำรวจและใบแจ้งความอีกใบ
ที่ซานฟรานได้เลยและข้อมูลทุกๆอย่างของแกจะได้ไปอยู่บนอินเตอร์เน็ตแน่ๆ”
วันต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2015 แฟนเราเลยแกล้งส่งเมลไปหามันเพื่อที่จะพิสูจน์ว่ามันตั้งใจจะโกงรึเปล่า
โดยทำทีเป็นว่าสนใจจะเช่าและสรุปได้เลยว่ามันตั้งใจโกงแน่นอน เนื่องจากเราส่งเมลไปเป็น 10 มันก็เงียบ
แต่มันกลับตอบเมลแฟนเราไวมากมันระบุยืนยันในเมลที่คุยกับแฟนเราว่า “คุณต้องจ่ายมัดจำเพียง $1,800 เท่านั้น”
โดยที่มันเรียกมัดจำจากเราตั้ง $3,600 อีกสิ่งหนึ่งคือแฟนเราขอเบอร์โทรมันและถามว่า “เป็นไปได้มั้ย ถ้าจะนัดเจอเพื่อดูห้อง”
แต่มันไม่ยอมให้เบอร์กลับบ่ายเบี่ยงประเด็นและตอบไม่ตรงคำถาม จนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้รับการตอบกลับอะไรใดๆจากมันอีกเลย
*หมายเหตุ การเจรจาและบทสนทนาทุกอย่างเกิดขึ้นผ่านอีเมล*
เราได้เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้หมดแล้วทั้งหลักฐานโอนเงิน ใบโอน สัญญาเช่าและบันทึกการสทนาทั้งหมด
เตรียมตัวที่จะไปฟ้องและจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดเมื่อเราไปถึงซานฟราน เพราะเพื่อนของพี่สาวแฟนเราเค้าเป็นทนายอยู่ที่นั่น
เราคงต้องไปรบกวนให้เค้าช่วยอีกแรง เค้าบอกว่าเราต้องไปแจ้งความกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจอมเริกาถึงจะดำเนินเรื่องต่อได้ นอกจากนั้นพี่สาวแฟนเราได้โทรหาเว็บ Realtor.com และเบอร์ติดต่อที่มันให้ไว้ทั้งหมด
ก็ไม่มีคนรับสาย ดังนั้นเราเลยจะฟ้องทาง Realtor ด้วยเพราะถือว่าเว็บไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสมาชิก
ที่มาลงประกาศและถือว่าเป็นสื่อกลางให้ฉ้อโกง
ตอนนี้ที่เราทำเพื่อแก้ปัญหาได้คือจองโรงแรมเพื่อจะอยู่ชั่วคราวไปก่อนแล้วค่อยไปหาที่พักที่ใหม่ตอนไปถึงที่นั่น
โดยคราวนี้ต้องไปดูที่พักและนัดเจอเจ้าของตัวต่อตัวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
แต่เพื่อนของพี่สาวแฟนเราเค้าก็บอกว่ามันมีกรณีที่ทำสัญญาเช่ากันเรียบร้อย จ่ายเงินแล้วและเข้าไปอยู่แล้วด้วยซ้ำ
แต่เจ้าของก็ฉีกสัญญาทิ้งซะเฉยๆและไล่เราออกก็มี ฟังแล้วเราก็ยิ่งเครียดและกังวลมากเลย
**ถ้าใครมีอะไรจะแนะนำหรือช่วยเหลือ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ**
อยากจะฝากและขอให้กรณีของเราเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกๆคนด้วยนะคะ
ฝากแชร์เรื่องนี้ให้มากที่สุดด้วยค่ะ เพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีกค่ะ
นี่คือข้อมูลรายละเอียดของมัน
ชื่อคนที่เราคุยด้วย (เจ้าของห้อง)
Paul Hart
ที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ : 855 Pine St #203 San Francisco, California 94108
Prop ID: 584751628
E-mail : phart@sanfranmail.com

Phone number : 415-689-8611
Listing provider number : 408-290-0590
ชื่อเมีย
Name - Paula Chappell Beck.
City - Woodruff
State - South Carolina
Country - USA
Zip code - 29388
ชื่อลูก
Name - Dana Zorrilla-luna.
City - Houston
State - Texas
Zip code - 77069
Country – USA
ระวัง! หาบ้านพักที่เมกา เชิดเงินเป็นแสน
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เรากับแฟนกำลังจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา ที่เมืองซานฟรานซิสโก
เราตัดสินใจกันว่าจะอยู่หอพักข้างนอก เพราะหอพักของมหาลัยราคาแพงมากๆ
เราไปเจอที่พักที่ถูกใจในเว็บ “Realtor.com”
ซึ่งราคาเช่าคือ $1,800 ต่อเดือนก็ไม่ได้ถูกมากแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (ตามภาพ)
เลยตกลงกันว่าเอาที่นี่ ทางเจ้าของห้องได้เขียนกำกับไว้ตรงประกาศเช่าว่า “เค้าซีเรียสกับการนัดดูห้องก่อนเช่ามาก”
เราเลยอธิบายไปว่า “เราไม่สะดวกจะนัดดูจริงๆเพราะเราอยู่ประเทศไทย เราไปเพื่อเรียนเลยหาที่พักและอยากทำเรื่องให้เรียบร้อย
พอไปถึงจะได้อยู่เลย" จึงขอให้เค้าอลุ่มอะหล่วยให้และเค้าตอบตกลง
สิ่งที่เราต้องทำคือ เซ็นสัญญาเช่า จ่ายค่ามัดจำและค่าเช่าเดือนแรก
(ค่ามัดจำ $1,800 + ค่าเช่า $1,800 = $3,600) เป็นเงินไทยก็ประมาณ 120,000 บาท
เราใช้เวลาพอสมควรกว่าจะตอบตกลงว่าจะเช่า ต่อไปคือต้องเซ็นสัญญาและส่งเงินค่ามัดจำกับค่าเช่าเดือนแรกไปให้เค้า
ก่อนอื่นเค้าขอข้อมูลส่วนตัวของเราไปพวก ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่, วันที่จะย้ายเข้าและเบอร์ติดต่อ
เพื่อให้ทนายของเค้าเอาไปร่างสัญญาเช่าและสัญญานี้เราต้องปริ้นท์และเอาไปด้วย
เราถามว่า “อะไรจะเป็นการการันตี ถ้าเราส่งเงินไปแล้ว”
เค้าก็บอกว่า “เชื่อถือได้เพราะสัญญาที่จะให้เซ็นนั้นถูกต้องตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย
(a signed california legal lease agreement) และเมื่อเค้าได้รับเงิน เค้าจะส่งใบเสร็จกลับมาให้เรา
เพื่อให้เราปริ้นท์และเอาไปด้วยคู่กับสัญญา”
หลังจากนั้นเค้าได้ส่งไฟล์สัญญาเช่ามาให้พร้อมรายละเอียดของเมียเค้าเพื่อที่จะให้เราใช้โอนเงิน
Name - Paula Chappell Beck.
City - Woodruff
State - South Carolina
Country - USA
Zip code - 29388
โดยให้เราส่งเงินไปให้ทาง Moneygram (มันเป็นระบบส่งเงินด่วนภายใน 10 นาที โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร)
เราก็เงียบไปอีกครั้งเพื่อไปคิดทบทวนก่อนส่งเงิน เค้าเลยเมลมาตามเพราะเราหายเงียบไป
เราเลยตอบไปว่า “เราคงส่งเงินให้ตอนนี้ไม่ได้ เราอ้างไปว่าเพราะที่ไทยมันติดสงกรานต์พอดี ไม่สะดวก
ไว้จะโอนให้หลังจากนั้นซักวันที่ 16 หรือ 17 เมษายน 2015 แต่เราจะรีบเซ็นสัญญาส่งให้ก่อน”
(วันนั้นมันช่วงวันที่ 12 เมษายน 2015 พอดี) แต่พอช่วงใกล้ๆวันที่เราจะส่งเงิน
เค้าเมลมาว่า "เมียเขาไปทำงานนอกเมืองกว่าจะกลับอีก 2 อาทิตย์ เค้าเลยจะให้เราส่งเงินให้ลูกสาวเค้าที่อยู่ด้วยกันแทน"
Name - Dana Zorrilla-luna.
City - Houston
State - Texas
Zip code - 77069
Country – USA
พอเราส่งเงินเรียบร้อย เราถามเค้าไปว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? แต่ทำไมไม่ให้ส่งชื่อเค้าโดยตรงไปเลยล่ะ
ทำไมต้องใช้ชื่อลูก/ชื่อเมีย?”
เค้าตอบว่า “ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะส่งใบเสร็จให้พรุ่งนี้ อย่ากังวลเลย เค้าใช้ชื่อเมียเค้าในการทำธุรกิจเช่าอสังหาริมทรัพย์
ส่วนลูกก็อาศัยอยู่ด้วยกัน”
หลังจากนั้นเค้าส่งเมลมาบอกเราว่า “เค้าได้คุยกับทนาย แล้วทนายเค้าเห็นว่าเงินที่เราส่งไปมันน้อยเกินไป
ที่จะรู้ความมั่นคงทางการเงินของเรา ดังนั้นทนายเค้าต้องการให้เราจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าอีก 2 เดือนเพื่อเป็นการเพิ่มมัดจำ”
เราฉุนขึ้นมาทันที เรารีบตอบกลับว่า “ เฮ้ย! นี่มันไม่ใช่ที่เราตกลงกันไว้แต่แรกนะ ตอนแรกคุณบอกแค่ต้องจ่ายค่า
ค่ามัดจำกับค่าเช่าเดือนแรกและเซ็นสัญญา ทุกอย่างเป็นอันจบ แต่จะมาให้จ่ายเพิ่มที่หลังแบบนี้ได้ไง
เราไม่ยอม เราไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ยาว นี่ถ้าจะให้เราจ่ายเพิ่มอีก 2 เดือนก็เหมือนบังคับให้เราอยู่ต่ออีกสองเดือนโดยปริยายดิ
เราไม่เอา พอจะมีทางออกอื่นไหม เช่น เราส่ง bank statement / bank letter หรือหลักฐานอะไรก็ได้เพื่อแสดงว่าเรามีเงินพอจ่าย
จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”
เค้าตอบมาว่า “เค้าไม่ได้จะบังคับเราให้อยู่เพิ่ม สัญญายังคงเป็นเดือนต่อเดือน ถ้าเราย้ายออกเงินที่เราจ่ายเกินจะคืนให้”
เราตอบไปทันทีว่า “ถึงคืนได้ เราก็ไม่โอเค เพราะนี่ไม่ใช่ที่ตกลงกันไว้ เราไม่เห็นความจำเป็นและมันไม่สมเหตุสมผล
ที่เราต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแค่โชว์ให้คุณและทนายคุณดูว่าเรามีเงินมากพอ”
เค้าตอบว่า “เราต้องเข้าใจนะว่ามันเป็นกฎหมายของอเมริกาว่าผู้เช่าต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 3 เดือน”
เราโมโหเลยบอกว่า “เราไม่โอเคมากๆ นี่เหมือนคุณกลับคำพูดมาเพิ่มเงินทีหลัง คุณน่าจะบอกเราก่อนนะว่ามีกฎซีเรียสขนาดนี้
เราไม่คิดว่าการเช่าบ้านกับคุณมันจะยุ่งยากวุ่นวายขนาดนี้ไม่งั้นเราก็คงไม่เช่าหรอก”
เราจึงขอยกเลิกสัญญาและบอกให้เค้าคืนเงินเรามาเต็มจำนวน
เค้าก็ดราม่าพูดว่า “ก็ได้ถ้าเราต้องการแบบนั้น เค้าก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน มีลูกๆที่เรียนอยู่ต่างประเทศ
เค้าเข้าใจดี เค้าพยายามจะช่วยเรา แต่ถ้าเราไม่พอใจ เค้าจะคืนเงินให้”
เราเลยตอบกลับไปบ้างว่า “เราก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน เงินที่ส่งให้คุณไปแปลงเป็นเงินไทยแล้วไม่น้อยเลยนะ (ตั้งแสนสอง)
พอคุณมาเปลี่ยนคำพูดแบบนี้ เราและแฟนเรารับไม่ได้ ค่าธรรมเนียมโอนก็แพงเราก็ไม่บ่นสักคำ (3,500 บาท)
ที่เข้าเนื้อต้องออกเพิ่ม คุณต้องส่งเงินคืนมาเพราะเราต้องใช้เงินไปหาบ้านที่อื่นอยู่ต่อไป”
เค้าเลยบอกว่า “ขอเวลาหน่อย จะไปคุยกับทนายให้อีกครั้งเผื่อจะช่วยลดหย่อนอะไรได้บ้าง เค้าขอเวลา 4 วัน”
(วันนั้นมันวันที่ 19 เมษายน 2015 เค้าขอเวลาถึง 22 เมษายน 2015) พอถึงกำหนดเรากลับไม่ได้รับคำตอบ
พอวันที่ 23 เมษายน 2015 เราเลยเมลไปตาม
เค้าตอบมาว่า “ได้พยายามคุยกับทนายให้เต็มที่แล้วยังไงเราก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 1 เดือนส่วนอีกเดือนจะให้จ่ายเพิ่ม
ตอนที่เราไปถึงที่นู่น ถ้าเราไม่โอเคเค้าจะส่งเงินคืนให้ภายในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2015”
เรารีบตอบทันทีว่า “เราไม่โอเคอย่างมากส่งเงินคืนมาให้เร็วที่สุด ขอเร็วกว่าวันจันทร์”
แต่เค้าบอก “ไม่ได้เพราะเค้าอยู่นอกเมืองได้เร็วสุดก็วันจันทร์” จนถึงกำหนดวันก็ไม่มีการตอบกลับ
วันที่ 28 เมษายน 2015 เราต้องส่งไปย้ำถึง 4 เมล เพราะเราร้อนใจมาก เค้าไม่ตอบอะไรเลยจนเราใจเสีย
แต่สุดท้ายเค้าก็ตอบกลับมาว่า “ใจเย็นๆ ฟังให้ดีๆ เค้ามีชีวิตที่ต้องใช้ เค้าติดธุระครอบครัวด่วน
เดี๋ยวจะรีบจัดการคืนเงินให้เร็วที่สุดเมื่อเค้ากลับเข้าเมือง เรื่องมันก็แค่นี้”
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้รับเมลตอบกลับอีก พอวันที่ 30 เมษายน 2015
เราเลยส่งไปบอกว่า “นี่เราให้โอกาสคุณมา 2 รอบแล้วนะ ครั้งแรกคือคุณบอกว่าไปนอกเมือง ครั้งที่สองบอกติดธุระด่วนที่บ้าน
แต่คุณไม่ตอบกลับ งั้นฟังให้ดี เราไม่สนเรื่องครอบครัวคุณ คุณมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะคืนเงินให้เรา
ดังนั้นเราให้ deadline สุดท้าย คือเช้าวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2015” แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับเช่นเคย เรากับแฟนเห็นท่าไม่ดี
วันที่ 1 พฤษภาคม 2015 (วันรุ่งขึ้น) เราเลยรีบไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้และส่งเมลไปหามันอีก
พร้อมแนบใบแจ้งความไปด้วยและบอกว่า “ถ้ายังไม่ยอมตอบและเงียบแบบนี้ เตรียมตัวเจอตำรวจและใบแจ้งความอีกใบ
ที่ซานฟรานได้เลยและข้อมูลทุกๆอย่างของแกจะได้ไปอยู่บนอินเตอร์เน็ตแน่ๆ”
วันต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2015 แฟนเราเลยแกล้งส่งเมลไปหามันเพื่อที่จะพิสูจน์ว่ามันตั้งใจจะโกงรึเปล่า
โดยทำทีเป็นว่าสนใจจะเช่าและสรุปได้เลยว่ามันตั้งใจโกงแน่นอน เนื่องจากเราส่งเมลไปเป็น 10 มันก็เงียบ
แต่มันกลับตอบเมลแฟนเราไวมากมันระบุยืนยันในเมลที่คุยกับแฟนเราว่า “คุณต้องจ่ายมัดจำเพียง $1,800 เท่านั้น”
โดยที่มันเรียกมัดจำจากเราตั้ง $3,600 อีกสิ่งหนึ่งคือแฟนเราขอเบอร์โทรมันและถามว่า “เป็นไปได้มั้ย ถ้าจะนัดเจอเพื่อดูห้อง”
แต่มันไม่ยอมให้เบอร์กลับบ่ายเบี่ยงประเด็นและตอบไม่ตรงคำถาม จนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้รับการตอบกลับอะไรใดๆจากมันอีกเลย
*หมายเหตุ การเจรจาและบทสนทนาทุกอย่างเกิดขึ้นผ่านอีเมล*
เราได้เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้หมดแล้วทั้งหลักฐานโอนเงิน ใบโอน สัญญาเช่าและบันทึกการสทนาทั้งหมด
เตรียมตัวที่จะไปฟ้องและจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดเมื่อเราไปถึงซานฟราน เพราะเพื่อนของพี่สาวแฟนเราเค้าเป็นทนายอยู่ที่นั่น
เราคงต้องไปรบกวนให้เค้าช่วยอีกแรง เค้าบอกว่าเราต้องไปแจ้งความกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตำรวจอมเริกาถึงจะดำเนินเรื่องต่อได้ นอกจากนั้นพี่สาวแฟนเราได้โทรหาเว็บ Realtor.com และเบอร์ติดต่อที่มันให้ไว้ทั้งหมด
ก็ไม่มีคนรับสาย ดังนั้นเราเลยจะฟ้องทาง Realtor ด้วยเพราะถือว่าเว็บไม่มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสมาชิก
ที่มาลงประกาศและถือว่าเป็นสื่อกลางให้ฉ้อโกง
ตอนนี้ที่เราทำเพื่อแก้ปัญหาได้คือจองโรงแรมเพื่อจะอยู่ชั่วคราวไปก่อนแล้วค่อยไปหาที่พักที่ใหม่ตอนไปถึงที่นั่น
โดยคราวนี้ต้องไปดูที่พักและนัดเจอเจ้าของตัวต่อตัวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
แต่เพื่อนของพี่สาวแฟนเราเค้าก็บอกว่ามันมีกรณีที่ทำสัญญาเช่ากันเรียบร้อย จ่ายเงินแล้วและเข้าไปอยู่แล้วด้วยซ้ำ
แต่เจ้าของก็ฉีกสัญญาทิ้งซะเฉยๆและไล่เราออกก็มี ฟังแล้วเราก็ยิ่งเครียดและกังวลมากเลย
ฝากแชร์เรื่องนี้ให้มากที่สุดด้วยค่ะ เพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีกค่ะ
นี่คือข้อมูลรายละเอียดของมัน
ชื่อคนที่เราคุยด้วย (เจ้าของห้อง)
Paul Hart
ที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ : 855 Pine St #203 San Francisco, California 94108
Prop ID: 584751628
E-mail : phart@sanfranmail.com
Phone number : 415-689-8611
Listing provider number : 408-290-0590
ชื่อเมีย
Name - Paula Chappell Beck.
City - Woodruff
State - South Carolina
Country - USA
Zip code - 29388
ชื่อลูก
Name - Dana Zorrilla-luna.
City - Houston
State - Texas
Zip code - 77069
Country – USA