ก็มีเรื่องให้งุนงงและสงสัยอีกแล้วครับ : ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง“จุติ ไกรฤกษ์"

กระทู้คำถาม
ศาลยืนจำคุก "จุติ" หมิ่น "เมียหมอเลี้ยบ" เปิดอาบอบนวดไม่ต้องเสียภาษี รอลงอาญา 1 ปี

คดีนี้ บริษัท บอดี้เชพ จำกัด โดยนางปราณี  สืบวงศ์ลี  กรรมการ ฯ  เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่  28  พฤาภาคม 2546 จำเลยได้กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  กรณีที่ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี  อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2545 สามีของโจทก์ว่า ได้ออกกฎหมายเอื้ออำนวยให้โจทก์ซึ่งเปิดสถานบริการอาบอบนวดไม่ต้องเสียภาษี ทั้งที่ความจริงแล้วสามีของโจทก์ไม่เคยออกกฎหมายเพื่อเอื้ออำนวยให้โจทก์ไม่ ต้องเสียภาษี รวมทั้งโจทก์ก็ไม่เคยเปิดสถานบริการอาบอบนวดอย่างที่จำเลยพูดอภิปราย โดยโจทก์ทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานเสริมความงามและขายอุปกรณ์ลดน้ำหนักอย่างถูก ต้องตามกฎหมาย การพูดดังกล่าวทำให้ผู้ฟังการอภิปรายซึ่งเป็นประชาชนเข้าใจผิด คิดว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี  ได้รับความเสียหาย  ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง  เหตุเกิดแขวงและเขตดุสิต กทม. จำเลยให้การปฎิเสธ

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่  28 กันยายน 2548 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา  3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คดีเมื่อวันที่  23  พฤศจิกายน 2548

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องจริง อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

http://www.munjeed.com/news_detail.php?id=23503



อุทธรณ์ยืนจำคุก “จุติ ไกรฤกษ์” หมิ่น “เมียหมอเลี้ยบ” เปิดอาบอบนวด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 3 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท “จุติ ไกรฤกษ์” กล่าวหา “เมียหมอเลียบ” เปิดอาบอบนวด โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี
      
       วันนี้ (10 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีเลขดำ 169/2546 และ แดง 2867/2548 ที่บริษัท บอดี้เชพ จำกัด โดยนางปราณี สืบวงศ์ลี กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 28 พ.ค.46 ขณะจำเลยเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านได้กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สามีโจทก์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข ทำนองว่า สามีของโจทก์ออกกฎหมายเพื่อเอื้อให้โจทก์ซึ่งเปิดสถานบริการอาบอบนวด ไม่ต้องเสียภาษี ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่เคยเปิดสถานบริการอาบอบนวดแต่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานเสริมความงามและขายอุปกรณ์ลดน้ำหนักอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
      
       คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.48 ว่าจำเลยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์จริงตามฟ้อง ให้ลงโทษจำคุก เป็นเวลา 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.48
      
       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องจริง พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000110620




ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้อง “จุติ ไกรฤกษ์"

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำอภิปรายของนายจุติ ยังไม่ครบองค์ประกอบหมิ่นประมาทตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษายกฟ้อง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1431584401




งุนงงและสงสัยครับ

"องค์ประกอบหมิ่นประมาท"   มีอะไรบ้าง   ก็มี

1. ผู้หมิ่นประมาท
2. การใส่ความ (ให้คนอื่นได้ยิน ได้รู้ ได้เห็น)
3. ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
4. เจตนา


การอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า  ออกกฎหมายให้เมียเปิดอาบอบนวด โดยไม่ต้องเสียภาษี
ก็พิจารณาได้ว่า

1. ผู้หมิ่นประมาทคือใคร  ก็คือผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ  (นายจุติ  ไกรฤกษ์)
2. ใส่ความแน่ ๆ  เพราะไม่มีการออกกฎหมายแบบนั้น  
3. เสียหายแน่  เพราะไม่ได้เปิดอาบอบนวด
4. เจตนา


ผมว่า  ไอ้ข้อที่ 4  นี่แหละ  ที่ศาลฎีกาคงจะเอามาอ้างว่า  ยังไม่ครบองค์ประกอบหมิ่นประมาท
เพราะ  "ไม่มีเจตนา"


คดีจบ   โจทก์คงได้แต่ทำตาปริบ ๆ



งง ๆ นะครับ   ผัวโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ   เมียอยู่นอกสภาฯ ไม่เกี่ยว   แต่โดนเข้าเต็ม ๆ
แล้วมาจบลงตรงที่ว่า  ไม่ครบองค์ประกอบหมิ่นประมาท

เสียหายไปแล้ว  ได้รับผลกระทบไปแล้ว  
หากไม่มีเจตนาทำให้เสียหาย  จะอภิปรายถึงเมียทำไม   ทำไมไม่แค่อภิปรายแค่เรื่องข้อกฎหมาย

เฮ้อออ...



จบ
บ่อยากเว้าหลาย
Facepalm
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่