เรื่องของเรามันอาจยาวไปสักหน่อย ขอเล่าแบบรวบรัดนะคะ
เรื่องมันเริ่มต้นจากวันสิ้นปี 2013 เรานัดเพื่อนๆมารวมตัวกันเพื่อพบปะพูดคุย ทำให้เราได้เจอเพื่อนเก่าคนนึง ซึ่งห่างหายและไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี ก็เลยสอบถามทุกข์ สุขทั่วๆไป หลังจากเลิกงานเลี้ยงวันนั้นเขามีการติดต่อพูดคุยกับเราต่อในเฟส เราเองก็คุยๆไป เพราะเพื่อนกันไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งเขาต้องการซื้อรถ ด้วยความเป็นเพื่อนเราจึงช่วยหาศูนย์ที่ดีและอำนวยความสะดวกให้โดยการช่วยติดต่อเซลเพื่อเปรียบเทียบข้อได้เปรียบแต่ละศูนย์ เขาจึงประทับใจเราตั้งแต่วันนั้นที่เราทุ่มเทช่วยเขาอย่างเต็มที่ เขาจึงชอบเรา และเราคุยกับเขาไปเรื่อยๆทำให้เราก็รู้สึกดีๆกับเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากมายอะไร เพราะจากที่เราพอรู้สึกเขานิดหน่อย นิสัยเขากับเรามันไปกันไม่ได้แน่ๆ แต่เราก็ฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ได้ในตอนนั้น เราจึงคบกันในเวลาต่อมา
เรา 2 คนทำงานกันอยู่คนละจังหวัด เราอยู่กรุงเทพ เขาอยู่เชียงใหม่ เราคุยกันทุกวัน จากเฟส ก็กลายเป็นโทร เขาบินมาหาเราเกือบทุกอาทิตย์ และเขาก็ได้รถป้ายแดงสมใจจากการที่เราช่วยติดต่อ คบกันได้ไม่นาน หวานชื่นกันเป็นอย่างดี จึงคิดว่าอยากหยุดกับคนๆนี้แล้ว เพราะอายุก็จะ 30 แล้ว เขาดูเป็นคนดี และรักเรามาก เรา 2 คนจึงคุยกันเพื่อจะซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ขณะนั้นก็ยอมรับว่าทุกอย่างมันดีมาก และบังเอิญเรา 2 คนไม่มีเงินดาวน์บ้าน สมบัติที่มีก็คือรถเขาที่เพิ่งจะซื้อได้เพียง 1 เดือน เขาจึงยอมขายรถไปทั้งๆที่ยังเป็นป้ายแดง และยอมขาดทุนไป 1.5 แสน จากวันที่ซื้อรถจากศูนย์ เรา 2 คนจึงมีเงินก้อนไปดาวน์บ้านสมใจ และมีเงินเหลือพอที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านอีกนิดหน่อย ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านในตอนนั้น เราต้องการให้มันเป็นชื่อของเรา 2 คน เพราะเราช่วยกันหามา เราจึงทำเรื่องกู้ร่วมไป แต่ปรากฏว่า เขาไม่สามารถกู้ร่วมกับเราได้เนื่องจากเขามีภาระหนี้อีกเป็นล้านก่อนที่จะมาคบกับเรา แบงค์ไม่อนุมัติให้กู้ร่วม แต่ถ้าเรากู้คนเดียว เราจะผ่านเนื่องจากเราไม่มีหนี้อะไร มันเลยเป็นเหตุจำเป็นที่เราต้องกู้ซื้อบ้านเพียงคนเดียว ชื่อกรรมสิทธิ์จึงเป็นของเราเพียงคนเดียว แต่อย่างว่าในตอนนั้นรักกันหวานชื่น เขาจึงไม่เดือดร้อนอะไร เพราะเขาเป็นคนไปคุยกับแบงค์เอง และได้ยินคำตอบว่าเขากู้ร่วมไม่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เราสร้างเรื่องขึ้นมา เขาจึงยอมตกในสถานะจำนนต่อการไม่มีชื่อกรรมสิทธิ์ในบ้าน เพราะจริงๆมันก็ไม่ใช่ความผิดเราที่เขากู้ไม่ได้ วันเวลาผ่านไป เขาอยู่ในบ้านหลังนั้นเพียงคนเดียว เนื่องจากเราอยู่กรุงเทพ เรา 2 คนช่วยกันผ่อนบ้าน 70%(เรา) 30%(เขา)
ในวันงานขึ้นบ้านใหม่ เรา 2 คนต่างเชิญญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมาร่วมงาน ก่อนวันงาน 1 วันเราทะเลาะกันอย่างหนัก เขาบอกเราว่าจะเลิกกับเรา ให้งานขึ้นบ้านใหม่มันผ่านไปก่อนแล้วเขาจะออกไป และขอเลิกกับเราเพราะเราหลอกลวงเขาที่ให้ขายรถมาซื้อบ้านผลสุดท้ายเขาไม่ได้กรรมสิทธิ์ในบ้าน เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราจึงออกไปนอนโรงแรมกับน้องสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพเพื่อร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ เช้าวันงานเรามาพร้อมกับน้องๆ มาเจอเขา และคำพูดของเขามันก็ยังตอกย้ำอยู่ในหัว เราไม่รู้ว่าเราผิดอะไรด้วยซ้ำ ในวันงานเราจึงหน้าตาบึ้งตึง ไม่สดชื่น ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทางญาติผู้ใหญ่เขาจึงเกิดอาการไม่พอใจอย่างหนักที่เราทำหน้าไม่ยิ้มแย้ม เขากลับไปจึงต่อว่าหลานชายของเขา และบอกให้เลิกกับเราอย่างเด็ดขาด เขาจึงโมโหเราอย่างมากที่เราทำหน้าไม่ยิ้มแย้มจนทำให้ญาติเขาไม่พอใจ จึงเดินมาต่อว่าเราและชี้หน้าว่าเรา "...ึงมันสันดานหมา ทำให้แม่...ูต้องร้องไห้ อิสัด!!!" นี่คือคำพูดที่ทุกวันนี้เรายังจำใส่หัวสมองไม่มีวันลืม ทั้งๆที่ก่อนหน้าวันงานเขาบอกจะเลิกกับเรา จะให้เรายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็พยายามฝืนที่สุดแล้ว
ในวันนั้นเขาให้แม่เขามาช่วยขนของออกจากบ้านไปและเกิดการทวงเงินที่ใช้ในการดาวน์บ้านและซื้อเฟอร์นิเจอร์ เราจึงบอกว่าขอให้เราขายบ้านได้แล้วเราจะคืนให้นะ ทางบ้านเขาทำท่าทางโกรธมากเหมือนเราไปด่าเขา ทั้งๆที่เราไหว้ทุกคน แค่เราหน้าตาเศร้าเท่านั้น น้องเราเข้าใจสถานการณ์ดีจึงพาเราไปนอนด้วยที่โรงแรมอีกคืน เวลาผ่านไป 1 วัน เขามาขอโทษเราที่พูดหยาบคาย เราจึงให้อภัยไปเพราะคิดว่าเขาก็คงสำนึกผิดจริงๆ แต่เราไม่เคยลืมคำพูดในวันนั้นที่เขาชี้หน้าด่าเราเลยจนวันนี้ มันเจ็บจนน้ำตาไหลทุกครั้งที่คิดขึ้นมา
เวลาผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์ เขามีการเริ่มคุยกับคนอื่นแต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ เรา 2 คนก็กลับมาคบกันตามเดิม แต่ความรู้สึกลึกๆในใจของเรามันเสียใจนะ เขาเองก็คงผิดหวังในตัวเราเช่นกันจึงหาคนใหม่ จนกระทั่งช่วงเวลาสิ้นปี 2014 เราได้มีเวลาหยุดยาว จึงกลับมาบ้านและเราคุยกันว่าอยากมีน้อง ในใจเราตอนนั้นคิดว่ามันคงจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรา 2 คนมันดีขึ้น ถ้ามีโซ่ทองคล้องใจ เพราะอายุเราก็ควรแก่การจะมีได้แล้ว เราจึงพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ 1 เดือนในตอนเดือน มค. เขาดีใจมาก และเราเองก็ดีใจเช่นกัน เราคิดแบบโลกสวยว่ามันเป็นครอบครัวโดยสมบูรณ์แล้วสินะ แต่...มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หลังจากพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้ เพียง 1 อาทิตย์หลังจากนั้น เรากลับพบว่าเขาคุยกับผญ.คนอื่นอยู่ เราจึงรับไม่ได้ และขอเลิก เราบินกลับมาในวันนั้นทันทีเพื่อเตรียมหย่าและคิดว่าเราจะเลี้ยงลูกเอง เพราะเขาโกหกเรามาตลอด เราทำงานอยู่กรุงเทพ เขาอยู่บ้านเพียงคนเดียวซึ่งภาระหนี้บ้านสองล้านกว่าเราก็แบกรับทั้งหมด เราจึงทั้งเสียใจและแค้นใจมาก วันที่เรากลับมาเอาทะเบียนสมรสเพื่อหย่า เขาขอร้อง อ้อนวอน และสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีก แต่เราเป็นคนจำฝังใจค่ะ เราจึงไม่คิดหวนกลับไปอีก และขอยืนยันคำตอบเดิม เขาดักรอเราที่บ้าน เรามาพร้อมกับเพื่อนค่ะ เขาลงทุนกราบเท้าเราเพื่อขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก เขาลงทุนมากค่ะ จนควายอย่างเราตายใจและเชื่อว่ามันเสียศักดิ์ศรีเพียงใด จึงยอมอดทนและให้โอกาสเพื่อลูกค่ะ แต่นิสัยคนอย่างเรา เรารู้ตัวเองดีค่ะว่าความเชื่อใจที่มีมันหายไปหมดแล้ว และต่อไปเราก็จะอยู่ด้วยความระแวง เราจึงบอกเขาไปว่าเราไม่ไว้ใจเขาอีกแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะทำให้เราเชื่อเขาให้ได้อีกครั้ง
จนเวลาผ่านไป ท้องก็เริ่มใหญ่และทำงานลำบาก(เราเป็นวิศวกรค่ะ) เราจึงลาออกกลับมาอยู่บ้าน และไม่ได้ทำงานใดๆเพราะเขาไม่ต้องการให้เราแบกท้องไปทำงาน เราก็รับสอนพิเศษไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เพื่อช่วยหางานอีกทาง วันเวลาผ่านไปเราทะเลาะกันเกือบทุกวัน และทุกครั้งเขาก็จะหยาบคายมาก และมีการทวงเงินทุกครั้งค่ะ เวลาทะเลาะกันเขาบอกว่าเขาโง่ที่เชื่อเราที่ยอมขายรถมาซื้อบ้านทั้งๆที่บ้านก็ไม่ใช่ชื่อเขา เขาหยาบคายว่าเราหลอกลวงเขามา ทุกครั้งจะด่าว่า ..ึงมันเ..ี้ย เราจำทุกคำพูด ที่เขาด่าเราได้ดีและเรากำลังหาเงินมาคืนเขาให้จบไปและขอให้เขาหย่าจากเราและลูก
ทุกวันที่ผ่านไปมันไม่มีความสุขใดๆเลยค่ะ มันยิ่งตอกย้ำว่าเรามันโง่แค่ไหนที่หวนกลับมา และโลกสวยไปว่ามันจะดี จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมามันเป็นที่สุดที่เราทนไม่ได้แล้วจริงๆและความรู้สึกของเราก็จบแล้วจริงๆ เราก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม เราจึงหยิบกุญแจรถไปเพื่อจะออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทะเลาะค่ะ เขาเดินมาคว้ากุญแจจากเราและมีการยื้อยุดกุญแจกันอย่างรุนแรง จนเราล้มไปนอนที่พื้นดิน (ท้องได้เกือบ 6 เดือนนะคะ) แล้วเขาก็เอากุญแจเดินหนีเข้าบ้านไปไม่ได้ช่วยอะไรเราแต่อย่างใด เราลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เพราะปวดท้องค่ะ เราจึงเดินตามเข้าไปในบ้านเพื่อขอกุญแจคืน เขาหยาบใส่เราว่า ..ูจะหย่ากับ..ึง เอาเงิน..ูคืนมา อิเ..ี้ย อิสัด บลาๆๆๆ เราเจ็บใจมากที่เขาทำร้ายเราแบบนั้นจนอยากจะฆ่าด้วยซ้ำ เขาพูดประโยคซ้ำๆเดิมๆ ด่าถึงแม่เราว่า เ..ี้ย เราก็อดทน ทั้งๆที่ในใจเราอยากจะฆ่าให้ตาย ด่าเราคนเดียวไม่พอ พ่อแม่เราไม่เคยยุ่งอะไรกับเขาเลย เขายังว่าได้ เราจึงบอกเขาไปว่าคุณจะไม่ได้เงินหรอก ตราบใดที่ฉันยังไม่ออกจากบ้านอย่างปลอดภัย เราจึงโดนบีบคออย่างรุนแรงเหมือนเขาจะฆ่าเราให้ตาย และตบอีก 1 ครั้ง เราไม่ได้ต่อสู้ใดๆ คิดแค่ในใจถ้ามันจะตายเพราะแบบนี้ก็ให้มันตายไป และในตอนนั้นก็ปวดท้องมากจากการที่ล้ม เขากักขังเราไว้ในบ้านจนกว่าเราจะเอาเงินมาคืนเขา ซึ่งถ้าเรามีเงินเราคงให้เขาไปนานแล้ว เพราะเราเองก็ไม่อยากอยู่มานานแล้ว เราขอให้เราขายบ้านให้ได้ และไปหย่ากับเรา เราจะไปกู้เงินมาคืนให้ แต่เขาต้องการเดี๋ยวนั้น ซึ่งเราเองก็ไม่มีปัญญา
เราได้แต่นั่งร้องไห้ที่พื้นเพราะปวดท้องและเจ็บคอเป็นอย่างมาก เขายืนค้ำหัวเรา และได้แต่พูดประโยคซ้ำๆเดิมๆหยาบๆ และเขาโทรบอกทางบ้านว่า เรามันเ...ี้ย จะไม่ยอมคืนเงิน ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดเลยว่าไม่คืน ต่อให้วันนี้เรายังไม่เลิกกันและเรามีเงิน เราก็จะคืนเขาไป เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เขาจะทวงเงินและหยาบคายที่สุด เราเอาเงินเขามาทั้งหมด 6 แสน แต่เราจะคืนเขา 8 แสน เพราะเขาบอกให้เรารับผิดชอบการขาดทุนของรถที่ขายด้วย ทางทนายของเราไม่ยอมให้เราจ่ายส่วนที่ขาดทุนนี้ แต่ทางบ้านเราต้องการให้มันจบเลยจะยอมจ่ายๆไป เพียงแต่ติดที่ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินก้อนขนาดนั้น ก็คงจะต้องขายบ้านให้ได้ก่อนแล้วเอาเงินไปคืน เขาบอกให้เราเอาลูกไปเลย เพราะเขาเองไม่มีปัญญาจะเลี้ยงหรอก แต่อย่ามาเรียกร้องสิทธิ์ใดๆจากเขาเด็ดขาด
ทุกวันนี้เราได้แต่เสียใจที่เราโง่ เราควายแค่ไหน ก่อนหน้าจะมาเจอเขาชีวิตเราดีมากๆ เราเป็นวิศวกรอยู่ที่กรุงเทพ เงินเดือนก็มากพอที่จะไม่เดือดร้อนอะไร ชีวิตเจอแต่คนดีๆ จนวันนี้ที่เราต้องสูญเสียทุกอย่าง ทุกวันนี้ทางบ้านเราไม่รับรู้ที่เขาทำร้ายเราเมื่อวาน เราไม่บอกใคร เพราะเราสร้างปัญหาขึ้นมาเอง เราไม่อยากให้ใครต้องเดือนร้อนเพราะเรา เราสงสารตัวเอง เราสงสารลูก เราอยากหลุดพ้นจากตรงนี้ ถ้าหากวันนี้เรามีเงินมาคืนเขา เขาก็คงจะยอมไป เพื่อนๆพี่ๆท่านใดมีคำแนะนำบ้างคะ ว่าเราจะหาเงินด้วยวิธีใดได้บ้าง เพราะตอนนี้เรากู้ซื้อบ้านสองล้านกว่า และมีทะเบียนสมรสค้ำคอ ทำให้เรากู้เพิ่มไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมเป็นหนี้ร่วม
ปล.ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรื่องมันยาวมาก แต่อยากได้คำแนะนำ กำลังใจ เราไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรดี พยายามไม่คิดมากเพราะสงสารลูกแต่แค่คิดถึงที่เขาทำกับเราเมื่อวาน เราก็น้ำตาไหลทุกที ต้องทำตัวเหมือนปกติ ทั้งๆที่ในใจของเรามันเจ็บมากแค่ไหน
ชีวิตจริง..ยิ่งกว่านิยาย
เรื่องมันเริ่มต้นจากวันสิ้นปี 2013 เรานัดเพื่อนๆมารวมตัวกันเพื่อพบปะพูดคุย ทำให้เราได้เจอเพื่อนเก่าคนนึง ซึ่งห่างหายและไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี ก็เลยสอบถามทุกข์ สุขทั่วๆไป หลังจากเลิกงานเลี้ยงวันนั้นเขามีการติดต่อพูดคุยกับเราต่อในเฟส เราเองก็คุยๆไป เพราะเพื่อนกันไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งเขาต้องการซื้อรถ ด้วยความเป็นเพื่อนเราจึงช่วยหาศูนย์ที่ดีและอำนวยความสะดวกให้โดยการช่วยติดต่อเซลเพื่อเปรียบเทียบข้อได้เปรียบแต่ละศูนย์ เขาจึงประทับใจเราตั้งแต่วันนั้นที่เราทุ่มเทช่วยเขาอย่างเต็มที่ เขาจึงชอบเรา และเราคุยกับเขาไปเรื่อยๆทำให้เราก็รู้สึกดีๆกับเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากมายอะไร เพราะจากที่เราพอรู้สึกเขานิดหน่อย นิสัยเขากับเรามันไปกันไม่ได้แน่ๆ แต่เราก็ฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ได้ในตอนนั้น เราจึงคบกันในเวลาต่อมา
เรา 2 คนทำงานกันอยู่คนละจังหวัด เราอยู่กรุงเทพ เขาอยู่เชียงใหม่ เราคุยกันทุกวัน จากเฟส ก็กลายเป็นโทร เขาบินมาหาเราเกือบทุกอาทิตย์ และเขาก็ได้รถป้ายแดงสมใจจากการที่เราช่วยติดต่อ คบกันได้ไม่นาน หวานชื่นกันเป็นอย่างดี จึงคิดว่าอยากหยุดกับคนๆนี้แล้ว เพราะอายุก็จะ 30 แล้ว เขาดูเป็นคนดี และรักเรามาก เรา 2 คนจึงคุยกันเพื่อจะซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ขณะนั้นก็ยอมรับว่าทุกอย่างมันดีมาก และบังเอิญเรา 2 คนไม่มีเงินดาวน์บ้าน สมบัติที่มีก็คือรถเขาที่เพิ่งจะซื้อได้เพียง 1 เดือน เขาจึงยอมขายรถไปทั้งๆที่ยังเป็นป้ายแดง และยอมขาดทุนไป 1.5 แสน จากวันที่ซื้อรถจากศูนย์ เรา 2 คนจึงมีเงินก้อนไปดาวน์บ้านสมใจ และมีเงินเหลือพอที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านอีกนิดหน่อย ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านในตอนนั้น เราต้องการให้มันเป็นชื่อของเรา 2 คน เพราะเราช่วยกันหามา เราจึงทำเรื่องกู้ร่วมไป แต่ปรากฏว่า เขาไม่สามารถกู้ร่วมกับเราได้เนื่องจากเขามีภาระหนี้อีกเป็นล้านก่อนที่จะมาคบกับเรา แบงค์ไม่อนุมัติให้กู้ร่วม แต่ถ้าเรากู้คนเดียว เราจะผ่านเนื่องจากเราไม่มีหนี้อะไร มันเลยเป็นเหตุจำเป็นที่เราต้องกู้ซื้อบ้านเพียงคนเดียว ชื่อกรรมสิทธิ์จึงเป็นของเราเพียงคนเดียว แต่อย่างว่าในตอนนั้นรักกันหวานชื่น เขาจึงไม่เดือดร้อนอะไร เพราะเขาเป็นคนไปคุยกับแบงค์เอง และได้ยินคำตอบว่าเขากู้ร่วมไม่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เราสร้างเรื่องขึ้นมา เขาจึงยอมตกในสถานะจำนนต่อการไม่มีชื่อกรรมสิทธิ์ในบ้าน เพราะจริงๆมันก็ไม่ใช่ความผิดเราที่เขากู้ไม่ได้ วันเวลาผ่านไป เขาอยู่ในบ้านหลังนั้นเพียงคนเดียว เนื่องจากเราอยู่กรุงเทพ เรา 2 คนช่วยกันผ่อนบ้าน 70%(เรา) 30%(เขา)
ในวันงานขึ้นบ้านใหม่ เรา 2 คนต่างเชิญญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมาร่วมงาน ก่อนวันงาน 1 วันเราทะเลาะกันอย่างหนัก เขาบอกเราว่าจะเลิกกับเรา ให้งานขึ้นบ้านใหม่มันผ่านไปก่อนแล้วเขาจะออกไป และขอเลิกกับเราเพราะเราหลอกลวงเขาที่ให้ขายรถมาซื้อบ้านผลสุดท้ายเขาไม่ได้กรรมสิทธิ์ในบ้าน เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราจึงออกไปนอนโรงแรมกับน้องสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพเพื่อร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ เช้าวันงานเรามาพร้อมกับน้องๆ มาเจอเขา และคำพูดของเขามันก็ยังตอกย้ำอยู่ในหัว เราไม่รู้ว่าเราผิดอะไรด้วยซ้ำ ในวันงานเราจึงหน้าตาบึ้งตึง ไม่สดชื่น ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทางญาติผู้ใหญ่เขาจึงเกิดอาการไม่พอใจอย่างหนักที่เราทำหน้าไม่ยิ้มแย้ม เขากลับไปจึงต่อว่าหลานชายของเขา และบอกให้เลิกกับเราอย่างเด็ดขาด เขาจึงโมโหเราอย่างมากที่เราทำหน้าไม่ยิ้มแย้มจนทำให้ญาติเขาไม่พอใจ จึงเดินมาต่อว่าเราและชี้หน้าว่าเรา "...ึงมันสันดานหมา ทำให้แม่...ูต้องร้องไห้ อิสัด!!!" นี่คือคำพูดที่ทุกวันนี้เรายังจำใส่หัวสมองไม่มีวันลืม ทั้งๆที่ก่อนหน้าวันงานเขาบอกจะเลิกกับเรา จะให้เรายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็พยายามฝืนที่สุดแล้ว
ในวันนั้นเขาให้แม่เขามาช่วยขนของออกจากบ้านไปและเกิดการทวงเงินที่ใช้ในการดาวน์บ้านและซื้อเฟอร์นิเจอร์ เราจึงบอกว่าขอให้เราขายบ้านได้แล้วเราจะคืนให้นะ ทางบ้านเขาทำท่าทางโกรธมากเหมือนเราไปด่าเขา ทั้งๆที่เราไหว้ทุกคน แค่เราหน้าตาเศร้าเท่านั้น น้องเราเข้าใจสถานการณ์ดีจึงพาเราไปนอนด้วยที่โรงแรมอีกคืน เวลาผ่านไป 1 วัน เขามาขอโทษเราที่พูดหยาบคาย เราจึงให้อภัยไปเพราะคิดว่าเขาก็คงสำนึกผิดจริงๆ แต่เราไม่เคยลืมคำพูดในวันนั้นที่เขาชี้หน้าด่าเราเลยจนวันนี้ มันเจ็บจนน้ำตาไหลทุกครั้งที่คิดขึ้นมา
เวลาผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์ เขามีการเริ่มคุยกับคนอื่นแต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ เรา 2 คนก็กลับมาคบกันตามเดิม แต่ความรู้สึกลึกๆในใจของเรามันเสียใจนะ เขาเองก็คงผิดหวังในตัวเราเช่นกันจึงหาคนใหม่ จนกระทั่งช่วงเวลาสิ้นปี 2014 เราได้มีเวลาหยุดยาว จึงกลับมาบ้านและเราคุยกันว่าอยากมีน้อง ในใจเราตอนนั้นคิดว่ามันคงจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรา 2 คนมันดีขึ้น ถ้ามีโซ่ทองคล้องใจ เพราะอายุเราก็ควรแก่การจะมีได้แล้ว เราจึงพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ 1 เดือนในตอนเดือน มค. เขาดีใจมาก และเราเองก็ดีใจเช่นกัน เราคิดแบบโลกสวยว่ามันเป็นครอบครัวโดยสมบูรณ์แล้วสินะ แต่...มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หลังจากพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้ เพียง 1 อาทิตย์หลังจากนั้น เรากลับพบว่าเขาคุยกับผญ.คนอื่นอยู่ เราจึงรับไม่ได้ และขอเลิก เราบินกลับมาในวันนั้นทันทีเพื่อเตรียมหย่าและคิดว่าเราจะเลี้ยงลูกเอง เพราะเขาโกหกเรามาตลอด เราทำงานอยู่กรุงเทพ เขาอยู่บ้านเพียงคนเดียวซึ่งภาระหนี้บ้านสองล้านกว่าเราก็แบกรับทั้งหมด เราจึงทั้งเสียใจและแค้นใจมาก วันที่เรากลับมาเอาทะเบียนสมรสเพื่อหย่า เขาขอร้อง อ้อนวอน และสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีก แต่เราเป็นคนจำฝังใจค่ะ เราจึงไม่คิดหวนกลับไปอีก และขอยืนยันคำตอบเดิม เขาดักรอเราที่บ้าน เรามาพร้อมกับเพื่อนค่ะ เขาลงทุนกราบเท้าเราเพื่อขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก เขาลงทุนมากค่ะ จนควายอย่างเราตายใจและเชื่อว่ามันเสียศักดิ์ศรีเพียงใด จึงยอมอดทนและให้โอกาสเพื่อลูกค่ะ แต่นิสัยคนอย่างเรา เรารู้ตัวเองดีค่ะว่าความเชื่อใจที่มีมันหายไปหมดแล้ว และต่อไปเราก็จะอยู่ด้วยความระแวง เราจึงบอกเขาไปว่าเราไม่ไว้ใจเขาอีกแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขาจะทำให้เราเชื่อเขาให้ได้อีกครั้ง
จนเวลาผ่านไป ท้องก็เริ่มใหญ่และทำงานลำบาก(เราเป็นวิศวกรค่ะ) เราจึงลาออกกลับมาอยู่บ้าน และไม่ได้ทำงานใดๆเพราะเขาไม่ต้องการให้เราแบกท้องไปทำงาน เราก็รับสอนพิเศษไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เพื่อช่วยหางานอีกทาง วันเวลาผ่านไปเราทะเลาะกันเกือบทุกวัน และทุกครั้งเขาก็จะหยาบคายมาก และมีการทวงเงินทุกครั้งค่ะ เวลาทะเลาะกันเขาบอกว่าเขาโง่ที่เชื่อเราที่ยอมขายรถมาซื้อบ้านทั้งๆที่บ้านก็ไม่ใช่ชื่อเขา เขาหยาบคายว่าเราหลอกลวงเขามา ทุกครั้งจะด่าว่า ..ึงมันเ..ี้ย เราจำทุกคำพูด ที่เขาด่าเราได้ดีและเรากำลังหาเงินมาคืนเขาให้จบไปและขอให้เขาหย่าจากเราและลูก
ทุกวันที่ผ่านไปมันไม่มีความสุขใดๆเลยค่ะ มันยิ่งตอกย้ำว่าเรามันโง่แค่ไหนที่หวนกลับมา และโลกสวยไปว่ามันจะดี จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมามันเป็นที่สุดที่เราทนไม่ได้แล้วจริงๆและความรู้สึกของเราก็จบแล้วจริงๆ เราก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม เราจึงหยิบกุญแจรถไปเพื่อจะออกไปข้างนอกเพราะไม่อยากทะเลาะค่ะ เขาเดินมาคว้ากุญแจจากเราและมีการยื้อยุดกุญแจกันอย่างรุนแรง จนเราล้มไปนอนที่พื้นดิน (ท้องได้เกือบ 6 เดือนนะคะ) แล้วเขาก็เอากุญแจเดินหนีเข้าบ้านไปไม่ได้ช่วยอะไรเราแต่อย่างใด เราลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เพราะปวดท้องค่ะ เราจึงเดินตามเข้าไปในบ้านเพื่อขอกุญแจคืน เขาหยาบใส่เราว่า ..ูจะหย่ากับ..ึง เอาเงิน..ูคืนมา อิเ..ี้ย อิสัด บลาๆๆๆ เราเจ็บใจมากที่เขาทำร้ายเราแบบนั้นจนอยากจะฆ่าด้วยซ้ำ เขาพูดประโยคซ้ำๆเดิมๆ ด่าถึงแม่เราว่า เ..ี้ย เราก็อดทน ทั้งๆที่ในใจเราอยากจะฆ่าให้ตาย ด่าเราคนเดียวไม่พอ พ่อแม่เราไม่เคยยุ่งอะไรกับเขาเลย เขายังว่าได้ เราจึงบอกเขาไปว่าคุณจะไม่ได้เงินหรอก ตราบใดที่ฉันยังไม่ออกจากบ้านอย่างปลอดภัย เราจึงโดนบีบคออย่างรุนแรงเหมือนเขาจะฆ่าเราให้ตาย และตบอีก 1 ครั้ง เราไม่ได้ต่อสู้ใดๆ คิดแค่ในใจถ้ามันจะตายเพราะแบบนี้ก็ให้มันตายไป และในตอนนั้นก็ปวดท้องมากจากการที่ล้ม เขากักขังเราไว้ในบ้านจนกว่าเราจะเอาเงินมาคืนเขา ซึ่งถ้าเรามีเงินเราคงให้เขาไปนานแล้ว เพราะเราเองก็ไม่อยากอยู่มานานแล้ว เราขอให้เราขายบ้านให้ได้ และไปหย่ากับเรา เราจะไปกู้เงินมาคืนให้ แต่เขาต้องการเดี๋ยวนั้น ซึ่งเราเองก็ไม่มีปัญญา
เราได้แต่นั่งร้องไห้ที่พื้นเพราะปวดท้องและเจ็บคอเป็นอย่างมาก เขายืนค้ำหัวเรา และได้แต่พูดประโยคซ้ำๆเดิมๆหยาบๆ และเขาโทรบอกทางบ้านว่า เรามันเ...ี้ย จะไม่ยอมคืนเงิน ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดเลยว่าไม่คืน ต่อให้วันนี้เรายังไม่เลิกกันและเรามีเงิน เราก็จะคืนเขาไป เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เขาจะทวงเงินและหยาบคายที่สุด เราเอาเงินเขามาทั้งหมด 6 แสน แต่เราจะคืนเขา 8 แสน เพราะเขาบอกให้เรารับผิดชอบการขาดทุนของรถที่ขายด้วย ทางทนายของเราไม่ยอมให้เราจ่ายส่วนที่ขาดทุนนี้ แต่ทางบ้านเราต้องการให้มันจบเลยจะยอมจ่ายๆไป เพียงแต่ติดที่ว่าตอนนี้เราไม่มีเงินก้อนขนาดนั้น ก็คงจะต้องขายบ้านให้ได้ก่อนแล้วเอาเงินไปคืน เขาบอกให้เราเอาลูกไปเลย เพราะเขาเองไม่มีปัญญาจะเลี้ยงหรอก แต่อย่ามาเรียกร้องสิทธิ์ใดๆจากเขาเด็ดขาด
ทุกวันนี้เราได้แต่เสียใจที่เราโง่ เราควายแค่ไหน ก่อนหน้าจะมาเจอเขาชีวิตเราดีมากๆ เราเป็นวิศวกรอยู่ที่กรุงเทพ เงินเดือนก็มากพอที่จะไม่เดือดร้อนอะไร ชีวิตเจอแต่คนดีๆ จนวันนี้ที่เราต้องสูญเสียทุกอย่าง ทุกวันนี้ทางบ้านเราไม่รับรู้ที่เขาทำร้ายเราเมื่อวาน เราไม่บอกใคร เพราะเราสร้างปัญหาขึ้นมาเอง เราไม่อยากให้ใครต้องเดือนร้อนเพราะเรา เราสงสารตัวเอง เราสงสารลูก เราอยากหลุดพ้นจากตรงนี้ ถ้าหากวันนี้เรามีเงินมาคืนเขา เขาก็คงจะยอมไป เพื่อนๆพี่ๆท่านใดมีคำแนะนำบ้างคะ ว่าเราจะหาเงินด้วยวิธีใดได้บ้าง เพราะตอนนี้เรากู้ซื้อบ้านสองล้านกว่า และมีทะเบียนสมรสค้ำคอ ทำให้เรากู้เพิ่มไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมเป็นหนี้ร่วม
ปล.ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรื่องมันยาวมาก แต่อยากได้คำแนะนำ กำลังใจ เราไม่รู้จะอยู่ต่อไปอย่างไรดี พยายามไม่คิดมากเพราะสงสารลูกแต่แค่คิดถึงที่เขาทำกับเราเมื่อวาน เราก็น้ำตาไหลทุกที ต้องทำตัวเหมือนปกติ ทั้งๆที่ในใจของเรามันเจ็บมากแค่ไหน