แนวคิดเรื่องการวางแผนการเงินบางอย่างกำลังถูกนำไปใช้แบบผิดๆ ... ตัวอย่างเช่น แนวคิดที่ว่า
นักลงทุนอายุน้อยสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่านักลงทุนอายุมาก นั่นทำให้กูรูทั้งหลายเพียรแนะนำให้นักลงทุน "วัยเริ่มต้นทำงาน" ลงทุนหุ้นเยอะๆ เช่น 80-90 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต ขณะเดียวกันพวกเขาก็แนะนำให้นักลงทุน "วัยใกล้เกษียณ" หลีกหนีจากหุ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ นักลงทุนรุ่นหนุ่มสาวหน้าใหม่หันมาลงทุนหุ้นอย่างหนักมือในขณะที่ยังมีความรู้น้อย เมื่อความรู้น้อยก็พลั้งพลาดขาดทุน จากนั้นก็เข็ดขยาดตลาดหุ้นไปเลย ในทางกลับกันนักลงทุนรุ่นใหญ่หลายคนที่สั่งสมประสบการณ์และฝีมือการลงทุนมาตลอดชีวิต กลับได้รับคำแนะนำให้เลิกลงทุนหุ้น แล้วหันไปซื้อพันธบัตรหรือฝากธนาคารแทน
ท่านทั้งหลายอาจเคย "คำนวณ" เงินที่ต้องมีไว้ใช้ยามเกษียณ เชื่อหรือไม่ครับ คนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าที่ผมรู้ ถูกตราหน้าว่าจะมีเงินไม่พอใช้ยามเกษียณ
ทั้งที่มีเงินเก็บเป็นสิบล้าน!
เหตุผลก็คือ นักวางแผนการเงินจำนวนไม่น้อยสอนให้ผู้คนโยกเงินจากหุ้นไปซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งได้รับผลตอบแทนต่ำมาก และไม่สร้างกระแสเงินสด โจทย์ของพวกเขา คือ
"ต้องมีเงินก้อนเท่าไหร่ ถึงจะเจียดมาใช้พอก่อนตาย"
แทนที่จะเป็น
"ต้องมีกระแสเงินสดปีละเท่าไหร่ ถึงจะพอใช้ตลอดไป"
เห็นไหมครับ พอโจทย์เปลี่ยน วิธีคิดเปลี่ยน ... และแน่นอน ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน
คนที่มีวิธีคิดถูกต้อง ฝึกปรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากพอกินพอใช้ชั่วชีวิตแล้ว ยังเหลือส่งต่อไปถึงลูกหลานอีกด้วย ไม่ต้องเขม็ดแขม่ใช้จ่าย แล้วคอยลุ้นว่าอายุขัยตัวเองจะยืนยาวกว่าเม็ดเงินที่เก็บไว้หรือไม่
ถ้ามีเพื่อนฝูงญาติมิตรที่รักกันก็บอกเขาด้วยนะครับ ... โจทย์เปลี่ยน วิธีคิดเปลี่ยนครับ
หมายเหตุ บทความสั้นนี้คัดลอกมาจากแฟนเพจของผมเอง ส่วนบทความยาวอื่นๆ สามารถติดตามได้ที่
http://www.MonkeyFreeTime.com ครับ
ตั้งโจทย์ผิดชีวิตเปลี่ยน เงินเกษียณมีเป็นสิบล้าน เขาก็บอกไม่พอ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ นักลงทุนรุ่นหนุ่มสาวหน้าใหม่หันมาลงทุนหุ้นอย่างหนักมือในขณะที่ยังมีความรู้น้อย เมื่อความรู้น้อยก็พลั้งพลาดขาดทุน จากนั้นก็เข็ดขยาดตลาดหุ้นไปเลย ในทางกลับกันนักลงทุนรุ่นใหญ่หลายคนที่สั่งสมประสบการณ์และฝีมือการลงทุนมาตลอดชีวิต กลับได้รับคำแนะนำให้เลิกลงทุนหุ้น แล้วหันไปซื้อพันธบัตรหรือฝากธนาคารแทน
ท่านทั้งหลายอาจเคย "คำนวณ" เงินที่ต้องมีไว้ใช้ยามเกษียณ เชื่อหรือไม่ครับ คนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าที่ผมรู้ ถูกตราหน้าว่าจะมีเงินไม่พอใช้ยามเกษียณ
ทั้งที่มีเงินเก็บเป็นสิบล้าน!
เหตุผลก็คือ นักวางแผนการเงินจำนวนไม่น้อยสอนให้ผู้คนโยกเงินจากหุ้นไปซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งได้รับผลตอบแทนต่ำมาก และไม่สร้างกระแสเงินสด โจทย์ของพวกเขา คือ
"ต้องมีเงินก้อนเท่าไหร่ ถึงจะเจียดมาใช้พอก่อนตาย"
แทนที่จะเป็น
"ต้องมีกระแสเงินสดปีละเท่าไหร่ ถึงจะพอใช้ตลอดไป"
เห็นไหมครับ พอโจทย์เปลี่ยน วิธีคิดเปลี่ยน ... และแน่นอน ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน
คนที่มีวิธีคิดถูกต้อง ฝึกปรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากพอกินพอใช้ชั่วชีวิตแล้ว ยังเหลือส่งต่อไปถึงลูกหลานอีกด้วย ไม่ต้องเขม็ดแขม่ใช้จ่าย แล้วคอยลุ้นว่าอายุขัยตัวเองจะยืนยาวกว่าเม็ดเงินที่เก็บไว้หรือไม่
ถ้ามีเพื่อนฝูงญาติมิตรที่รักกันก็บอกเขาด้วยนะครับ ... โจทย์เปลี่ยน วิธีคิดเปลี่ยนครับ
หมายเหตุ บทความสั้นนี้คัดลอกมาจากแฟนเพจของผมเอง ส่วนบทความยาวอื่นๆ สามารถติดตามได้ที่ http://www.MonkeyFreeTime.com ครับ