ส่วนตัวเชื่อนะคะว่าหลายคนตกเป็นทาสอาหารเกาหลีเพราะ ดูซีรี่เกาหลี ไม่ว่าพระเอกจะหล่อฟินขนาดไหน น้ำลายไม่ไหลเท่าเวลามีฉากกิน



หลายปีที่ผ่านมา จขกท เสียเงินไปกับ อาหารเกาหลีเยอะพอสมควร จากกินที่ร้าน เริ่มลองทำดูที่บ้านบางเมนู แต่วัตถุดิบหลักๆหนีไม่พ้นกิมจิ ที่ซื้อติดตู้ไว้ตลอด เห็นตามห้าง ถุงเล็กๆก็มีราคา 70 ขึ้นไปจนถึง 300 บาท จึงเกิดความคิดที่จะหมักเอง ด้วยความที่ชอบทำอาหาร เลยอยากแชร์ประสบการณ์ การหมักกิมจิครั้งแรกให้ได้ดูกัน ถ้าไม่เริด ไม่แซ่บ ไม่กล้าแชร์ค่ะพูดเลย
ขอไม่เท้าความเรื่องประวัติกิมจินะเจ้าคะ ไปหาอ่านกันเอาเอง
แต่ที่จขกท อ่าน คือ
http://www.oknation.net/blog/koreanfood/2008/10/20/entry-1 และ
numkhingzz.exteen.com/20120619/entry
ถามว่าจำได้หมดมั้ย ก็ไม่ 555+ เอาเป็นว่าพอรู้คร่าวๆประดับบารมีสวยๆเป็นอัน ok
มัวแต่นอกเรื่อง เริ่มเลยดีกว่า อะไรบ้างที่ต้องมี ??
ขอแบ่งเป็น 3 กลุ่มนะคะ A. วัตถุดิบหลัก B.น้ำโซ C.อุปกรณ์จำเป็น
A.
1. หัวผักกาดขาว 4 หัว เลือกที่ขาวๆอวบๆหัวโตๆแน่นๆ ( จขกท กะจาก โหลที่จะหมัก ถ้าคิดว่าล้นก็ลดปริมาณตามความเหมาะสมนะคะ )
2. แครอท
3. หัวไชเท้า
4. ต้นหอม
5. เกลือ 1 ถ้วย
B.
ส่วนผสม น้ำโซ อิหยังหว่า น้ำโซ… น้ำโซก็คือ เครื่องยัดไส้ ที่นำไปปั่นแล้วเอามาทาไว้ ระหว่างใบของผักกาดแต่ละชั้นนั้นเอง

1. หัวหอมใหญ่ครึ่งหัว
2. กระเทียมจีน ครึ่งถ้วย
3. น้ำปลา 1 ถ้วย
4. ขิง
5. แป้งข้าวเหนียว ครึ่งถ้วย
6. น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย
7. พริกแดงป่นเกาหลี
8. กุ้งสับ หรือ ปลาหมึกสด หรือ หอยนางรม *ไม่ใส่ก็ได้
C.
1. กะละมังสำหรับล้างผัก ต้องใบใหญ่หน่อยนะคะ
2. กระชอนใหญ่
3. โหลหมัก
4. มีด ที่ขูด
ครบหมดแล้วก็มาลงมือทำได้เลย

หั่นผักกาดขาวกันก่อนเลยค่ะ หั่นตูดออก ตัด ฉึบๆ เทลงกะละมัง เปิดน้ำล้างคะ ไม่ต้องขยำนะคะเดี๋ยวจะช้ำหมด ล้างซ้ำไปซ้ำมา เทน้ำทิ้ง เติมน้ำใหม่ ทำแบบนี้ประมาณ 5 รอบค่ะ มั่นใจว่าสะอาด ก็ใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ำรอไว้ ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะมาเป็นช่อๆ หัวๆเลย เวลางัดมาจากไหก็หั่นๆ จะให้มันเลอะมือทำไมละเนอะ ก็หั่นซะก่อนหมักนี้แหละ เวลาจะใช้ก็จ้วงขึ้นมาได้เลยทันใจดี

หยิบเกลือมาคะ ดีดๆลงไป เบามือหน่อยนะคะ คลุกๆเคล้าๆไปให้เกลือ ทั่วผัก เพื่อให้ผักคลายน้ำออกมาคะ ถ้าเราทำขั้นตอนนี้ไม่ดี กิมจิก็มีสิทธิบูดได้นะคะ พักทิ้งไว้ครึ่งชม. มากลับด้านคะ คลุกๆ ทิ้งไว้อีกครึ่งชม. ระหว่างนี้ก็นอนดูซีรี่ไปพลางๆ 1 ชม.ผ่านไป มาดูกัน อุ๊ยตาย! เหี่ยวเชอ

เทน้ำทิ้งให้หมด ล้างน้ำเกลือออก ให้ความเค็มเจือจาง ล้างไป 3-4 รอบ ชิมๆดู ไม่เค็มละ ก็ไปทำน้ำโซต่อ

หยิบหม้อมาค่ะ ใส่น้ำลงไป 4 ถ้วย ( กะจากผักกาดดูเราใช้ 4 หัว ก็ใช้น้ำ 4 ถ้วย ถ้ามากกว่านี้เพิ่มน้ำก็ต้องเพิ่มแป้งด้วยนะคะ ) ตามด้วย แป้งข้าวเหนียวครึ่งถ้วย อย่าเพิ่งเอาขึ้นเตานะคะ คนให้แป้งละลายดีก่อน ค่อยเปิดไฟ ระหว่างนี้คนไปเรื่อยๆ ไม่งั้นได้เททิ้งทั้งหม้อแน่ เพราะแป้งจะจับเป็นก้อนก้นหม้อ และจะไหม้ สังเกตุว่าแป้งสุก ข้นและใส ใส่น้ำตาลทรายลงไปค่ะ คนจนน้ำตาลละลาย แล้วค่อยปิดไฟ พักให้อุ่น

** ในสูตรเกาหลีจะใช้แป้ง Glutinous Rice Flour or Sweet Rice Flour หรือ แป้งโมจิ เป็นแป้งข้าวเหนียวญี่ปุ่นที่เรียกว่าMochiko ใช้ทำขนมโมจิญี่ปุ่น ไดฟุกุ หากไม่มีก็ใช้แป้งข้าวเหนียวแทนได้ แต่ก็จะไม่เหมือนซะทีเดียว

หอมใหญ่ กระเทียม ขิงนิดหน่อย และ น้ำปลา จขกท เพิ่งจะรู้ว่าขิงแพง แง่งนิดเดียว 14 บาทแหนะ >< เทลงโถปั่นค่ะ

ปั่นแบบละเอียดประมาณ 1 นาที จะได้ออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้

เทส่วนผสมที่2ลงไปในแป้งค่ะ กวนๆๆๆ

ถึงคิวนางเอกของเรา พริกแดงป่นเกาหลี gochugaru ในเมืองไทยมีเข้ามาขายอยู่หลายที่หาซื้อได้ไม่ยาก ถุงนี้ขนาด 500 กรัมได้มาจาก พารากอน ราคา 180 บาท ถือว่าซื้อได้ในราคาถูกทีเดียว ใช้ได้หลายครั้งเลยค่ะ เพราะเคยเห็นที่โคเรียลทาวน์ ถุงนึง 300 up ราคาสูงใช้ได้เลย
ใส่ลงไปเลยคะ 1 ถ้วยพูนๆ เพราะเห็นสีแดงขนาดนี้หาเผ็ดไม่ ดีแต่แดงขู่ไปงั้นแหละคะ ชอบเผ็ดหน่อยก็ใส่เพิ่มได้ คนๆๆให้เข้ากัน

แครอท 1 หัว อย่าเล็กมาก อย่าใหญ่มาก ไม่ต้องไปหาไม่บรรทัดมาวัดละว่ากี่นิ้ว เอากลางๆพอ ขูดๆๆๆ
หัวไชเท้า 1 หัว แครอท เท่าไหน หัวไชเท้าก็เท่านั้นนะคะ ขูดๆๆๆ
ต้นหอม ซัก กำนึง นับๆดู 10 ต้นได้ * ถ้าเป็นต้นกระเทียมญี่ปุ่นต้นใหญ่ๆ ส่วนสีเขียวที่เป็นใบจะมีเมือกมาก เค้าจะนิยมใช้ส่วนก้านมากกว่าค่ะ คราวนี้ จขกท ใช้ต้นหอมไทย บ้านเรานี้แหละค่ะ หาซื้อง่ายราคาถูก หั่นๆๆๆ

เทลงไปค่ะ คลุกๆ ให้ทั่ว เราก็จะได้น้ำโซ ที่ใช้หมักกิมจิแล้ว เย้ๆ ในขั้นตอนนี้ถ้ามีของทะเล ให้ใส่ลงไปตอนนี้ได้เลย สูตรต้นตำหรับจะใช้ ปลาหมึก, กุ้ง, หอยนางรม, หรืออาหารทะเลอื่นๆ แต่ จขกท ไม่ได้ใส่ค่ะ

หน้าตาออกมาใช้ได้เลยนะเนี้ย ชิมๆดู มันจะยังไม่เปรี้ยวตอนนี้นะคะต้องหมักต่อไปอีก 12 ชม. นอกตู้เย็น

ใส่โหลหมัก สวยงาม อย่าใจร้อนเอาไปตากแดดเพราะคิดว่าจะเปรี้ยวไว No No No หยุดเลยค่ะ ใจเย็นๆ ครบเวลา 12 ชม. เปิดดู ถ้าไม่ขึ้นฟอง ไม่บูด ชิมดูว่าเปรี้ยวได้ที่หรือยัง ถ้าถูกใจแล้วก็เอาเข้าตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 2 เดือน
( อย่าใส่กิมจิลงไปแน่นจนถึงปากขวดแบบในรูปนะคะ เพราะ ระยะเวลาผ่านไปผักกาดจะคายน้ำออกมาอีก ควรเว้นที่ว่างเอาไว้ซัก 1-2 นิ้วลงมาจากปากขวดค่ะ มิเช่นนั้น จะเจอน้ำกิมจิล้นทะลักแบบ จขกท จร้า )
ระหว่างนี้ก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ทำเองได้ไม่ยาก แถมประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย

หมูผัดกิมจิ เมนูจากกิมจิที่หมักไว้ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^
มาทำกิมจิแบบแซ่บเวอร์กัน
ขอไม่เท้าความเรื่องประวัติกิมจินะเจ้าคะ ไปหาอ่านกันเอาเอง
แต่ที่จขกท อ่าน คือ http://www.oknation.net/blog/koreanfood/2008/10/20/entry-1 และ numkhingzz.exteen.com/20120619/entry
ถามว่าจำได้หมดมั้ย ก็ไม่ 555+ เอาเป็นว่าพอรู้คร่าวๆประดับบารมีสวยๆเป็นอัน ok
มัวแต่นอกเรื่อง เริ่มเลยดีกว่า อะไรบ้างที่ต้องมี ??
ขอแบ่งเป็น 3 กลุ่มนะคะ A. วัตถุดิบหลัก B.น้ำโซ C.อุปกรณ์จำเป็น
A.
1. หัวผักกาดขาว 4 หัว เลือกที่ขาวๆอวบๆหัวโตๆแน่นๆ ( จขกท กะจาก โหลที่จะหมัก ถ้าคิดว่าล้นก็ลดปริมาณตามความเหมาะสมนะคะ )
2. แครอท
3. หัวไชเท้า
4. ต้นหอม
5. เกลือ 1 ถ้วย
B.
ส่วนผสม น้ำโซ อิหยังหว่า น้ำโซ… น้ำโซก็คือ เครื่องยัดไส้ ที่นำไปปั่นแล้วเอามาทาไว้ ระหว่างใบของผักกาดแต่ละชั้นนั้นเอง
1. หัวหอมใหญ่ครึ่งหัว
2. กระเทียมจีน ครึ่งถ้วย
3. น้ำปลา 1 ถ้วย
4. ขิง
5. แป้งข้าวเหนียว ครึ่งถ้วย
6. น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย
7. พริกแดงป่นเกาหลี
8. กุ้งสับ หรือ ปลาหมึกสด หรือ หอยนางรม *ไม่ใส่ก็ได้
C.
1. กะละมังสำหรับล้างผัก ต้องใบใหญ่หน่อยนะคะ
2. กระชอนใหญ่
3. โหลหมัก
4. มีด ที่ขูด
ครบหมดแล้วก็มาลงมือทำได้เลย
หั่นผักกาดขาวกันก่อนเลยค่ะ หั่นตูดออก ตัด ฉึบๆ เทลงกะละมัง เปิดน้ำล้างคะ ไม่ต้องขยำนะคะเดี๋ยวจะช้ำหมด ล้างซ้ำไปซ้ำมา เทน้ำทิ้ง เติมน้ำใหม่ ทำแบบนี้ประมาณ 5 รอบค่ะ มั่นใจว่าสะอาด ก็ใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ำรอไว้ ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะมาเป็นช่อๆ หัวๆเลย เวลางัดมาจากไหก็หั่นๆ จะให้มันเลอะมือทำไมละเนอะ ก็หั่นซะก่อนหมักนี้แหละ เวลาจะใช้ก็จ้วงขึ้นมาได้เลยทันใจดี
หยิบเกลือมาคะ ดีดๆลงไป เบามือหน่อยนะคะ คลุกๆเคล้าๆไปให้เกลือ ทั่วผัก เพื่อให้ผักคลายน้ำออกมาคะ ถ้าเราทำขั้นตอนนี้ไม่ดี กิมจิก็มีสิทธิบูดได้นะคะ พักทิ้งไว้ครึ่งชม. มากลับด้านคะ คลุกๆ ทิ้งไว้อีกครึ่งชม. ระหว่างนี้ก็นอนดูซีรี่ไปพลางๆ 1 ชม.ผ่านไป มาดูกัน อุ๊ยตาย! เหี่ยวเชอ
เทน้ำทิ้งให้หมด ล้างน้ำเกลือออก ให้ความเค็มเจือจาง ล้างไป 3-4 รอบ ชิมๆดู ไม่เค็มละ ก็ไปทำน้ำโซต่อ
หยิบหม้อมาค่ะ ใส่น้ำลงไป 4 ถ้วย ( กะจากผักกาดดูเราใช้ 4 หัว ก็ใช้น้ำ 4 ถ้วย ถ้ามากกว่านี้เพิ่มน้ำก็ต้องเพิ่มแป้งด้วยนะคะ ) ตามด้วย แป้งข้าวเหนียวครึ่งถ้วย อย่าเพิ่งเอาขึ้นเตานะคะ คนให้แป้งละลายดีก่อน ค่อยเปิดไฟ ระหว่างนี้คนไปเรื่อยๆ ไม่งั้นได้เททิ้งทั้งหม้อแน่ เพราะแป้งจะจับเป็นก้อนก้นหม้อ และจะไหม้ สังเกตุว่าแป้งสุก ข้นและใส ใส่น้ำตาลทรายลงไปค่ะ คนจนน้ำตาลละลาย แล้วค่อยปิดไฟ พักให้อุ่น
** ในสูตรเกาหลีจะใช้แป้ง Glutinous Rice Flour or Sweet Rice Flour หรือ แป้งโมจิ เป็นแป้งข้าวเหนียวญี่ปุ่นที่เรียกว่าMochiko ใช้ทำขนมโมจิญี่ปุ่น ไดฟุกุ หากไม่มีก็ใช้แป้งข้าวเหนียวแทนได้ แต่ก็จะไม่เหมือนซะทีเดียว
หอมใหญ่ กระเทียม ขิงนิดหน่อย และ น้ำปลา จขกท เพิ่งจะรู้ว่าขิงแพง แง่งนิดเดียว 14 บาทแหนะ >< เทลงโถปั่นค่ะ
ปั่นแบบละเอียดประมาณ 1 นาที จะได้ออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้
เทส่วนผสมที่2ลงไปในแป้งค่ะ กวนๆๆๆ
ถึงคิวนางเอกของเรา พริกแดงป่นเกาหลี gochugaru ในเมืองไทยมีเข้ามาขายอยู่หลายที่หาซื้อได้ไม่ยาก ถุงนี้ขนาด 500 กรัมได้มาจาก พารากอน ราคา 180 บาท ถือว่าซื้อได้ในราคาถูกทีเดียว ใช้ได้หลายครั้งเลยค่ะ เพราะเคยเห็นที่โคเรียลทาวน์ ถุงนึง 300 up ราคาสูงใช้ได้เลย
ใส่ลงไปเลยคะ 1 ถ้วยพูนๆ เพราะเห็นสีแดงขนาดนี้หาเผ็ดไม่ ดีแต่แดงขู่ไปงั้นแหละคะ ชอบเผ็ดหน่อยก็ใส่เพิ่มได้ คนๆๆให้เข้ากัน
แครอท 1 หัว อย่าเล็กมาก อย่าใหญ่มาก ไม่ต้องไปหาไม่บรรทัดมาวัดละว่ากี่นิ้ว เอากลางๆพอ ขูดๆๆๆ
หัวไชเท้า 1 หัว แครอท เท่าไหน หัวไชเท้าก็เท่านั้นนะคะ ขูดๆๆๆ
ต้นหอม ซัก กำนึง นับๆดู 10 ต้นได้ * ถ้าเป็นต้นกระเทียมญี่ปุ่นต้นใหญ่ๆ ส่วนสีเขียวที่เป็นใบจะมีเมือกมาก เค้าจะนิยมใช้ส่วนก้านมากกว่าค่ะ คราวนี้ จขกท ใช้ต้นหอมไทย บ้านเรานี้แหละค่ะ หาซื้อง่ายราคาถูก หั่นๆๆๆ
เทลงไปค่ะ คลุกๆ ให้ทั่ว เราก็จะได้น้ำโซ ที่ใช้หมักกิมจิแล้ว เย้ๆ ในขั้นตอนนี้ถ้ามีของทะเล ให้ใส่ลงไปตอนนี้ได้เลย สูตรต้นตำหรับจะใช้ ปลาหมึก, กุ้ง, หอยนางรม, หรืออาหารทะเลอื่นๆ แต่ จขกท ไม่ได้ใส่ค่ะ
หน้าตาออกมาใช้ได้เลยนะเนี้ย ชิมๆดู มันจะยังไม่เปรี้ยวตอนนี้นะคะต้องหมักต่อไปอีก 12 ชม. นอกตู้เย็น
ใส่โหลหมัก สวยงาม อย่าใจร้อนเอาไปตากแดดเพราะคิดว่าจะเปรี้ยวไว No No No หยุดเลยค่ะ ใจเย็นๆ ครบเวลา 12 ชม. เปิดดู ถ้าไม่ขึ้นฟอง ไม่บูด ชิมดูว่าเปรี้ยวได้ที่หรือยัง ถ้าถูกใจแล้วก็เอาเข้าตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 2 เดือน
( อย่าใส่กิมจิลงไปแน่นจนถึงปากขวดแบบในรูปนะคะ เพราะ ระยะเวลาผ่านไปผักกาดจะคายน้ำออกมาอีก ควรเว้นที่ว่างเอาไว้ซัก 1-2 นิ้วลงมาจากปากขวดค่ะ มิเช่นนั้น จะเจอน้ำกิมจิล้นทะลักแบบ จขกท จร้า )
ระหว่างนี้ก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ทำเองได้ไม่ยาก แถมประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย
หมูผัดกิมจิ เมนูจากกิมจิที่หมักไว้ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^