"เรื่องราวนี้เราคิดได้ เลยอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆลองอ่านดู"
เผื่อจะมีใครคิดได้ก่อนที่สายเกินไป **อาจจะดูงงนะ 555**
ชีวิตคนเรามองดีๆก็เปรียบเหมือนดั่ง "ต้นไม้" ที่ก่อนจะเกิดมาก็ต้องมีเมล็ดพันธ์
บางเมล็ดก็ถูกปลูกขึ้นด้วยความรัก ความตั้งใจ บางเมล็ดก็เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ หรือความไม่ต้องการ
และพอเกิดขึ้นมาแล้วก็จะเรียกว่า "ต้นกล้า" ซึ่งยังเป็นต้นอ่อน ไม่สามารถทนแดดทนฝนได้มากนัก
ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ว่าจะมีต้นไม้ใหญ่คอยบังแดด บังฝนให้หรือไม่ เพราะกว่าต้นกล้าจะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาได้
ก็ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ไม่ใช่เฉพาะแดดกับฝนเท่านั้น แต่ยังมีพวกสัตว์น้อยใหญ่ที่เหยียบย่ำผ่านไปมา
แล้วยังพวกนก กาที่มาลุมจิกกินอีกด้วย ถ้าหากต้นกล้านั้นไม่มีความอดทนมากพอ ก็จะไม่รอดและแห้งเหี่ยวตายในที่สุด
แต่ในช่วงชีวิตของต้นกล้าก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เพราะยังมีสัตว์บางกลุ่มยังหวังเห็นต้นกล้าเติบใหญ่ ให้ร่มเงาและผลิดอกออกผลให้ชื่นชม
พวกมันก็จะคอยถะนุถนอมดูแล รดน้ำ พรวนดิน เพื่อให้ต้นกล้ามีรากหยั่งลึก แข็งแรง และเมื่อวันเวลาผ่านไป ต้นกล้าก็โตขึ้นจนเป็นต้นไม้น้อยๆที่เริ่มผลิใบเขียวขจีเต็มต้น แต่ก็ยังคงวนเวียนเช่นเคย ต้องทนแดด ทนฝน เรื่อยมา ต้นไม้น้อยอดทนเรื่อยมา เพราะหวังว่าสักวันตนจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ใครๆก็อยากจะชื่นชม และได้กินผลที่หอมหวาน และในที่สุดรากของมันก็ใหญ่พอที่จะยึดผืนดินได้อย่างเหนียวแน่น
แตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย ผลก็ออกเต็มต้น ดอกก็งามเหลือเกิน จนไม่ต้องพึ่งต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอีกแล้ว เพราะต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นในวันนี้
เป็นเพียงต้นไม้แก่ๆ ที่ใบเริ่มร่วงเกือบหมดต้น ไม่มีเรี่ยวแรงจะผลิดอกออกผลได้อีกต่อไป
แต่ต้นไม้ใหญ่นั้นก็ภูมิใจเสียเหลือเกิน ที่ได้เห็นต้นกล้าน้อยๆในวันนั้น เติบโตขึ้นมาได้อย่างสวยงาม....เพียงเท่านี้ต้นไม้แก่ต้นนี้ก็ดีใจแล้ว
ต้นไม้น้อยหลงระเริงว่าตนยืนได้ด้วยตนเองแล้ว คงไม่หวังพึ่งใครอีกต่อไป ก็เที่ยวออกผล ออกดอกให้เหล่าสัตว์ที่ผ่านเข้ามาแกล้งทำเป็นยินดี
แต่สุดท้ายสัตว์เหล่านั้นก็จากไป..
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนต้นไม้ต้นนี้ไม่สามารถออกผลออกดอกได้อีก จึงทำให้ไม่มีสัตว์ตัวไหนอยากเข้ามาชื่นชม
เพราะแม้เพียงแต่ร่มเงาเขาเองยังไม่มีให้ ต้นไม้น้อยรู้สึกเสียใจและเหน็ดเหนื่อย เพราะคิดว่าไม่เหลือใครแล้ว
จึงคิดได้ว่าเขายังมีต้นไม้ใหญ่อยู่นี่นา ต้นไม้ใหญ่ต้องช่วยเขาได้แน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นต้นไม้น้อยก็หันหลังกลับไปหวังว่าจะเจอต้นไม้ใหญ่ที่เคยให้ร่มเงา บังแดด บังฝน คอยบอก คอยสอน วิธีเอาชีวิตรอด ให้เมื่อในยามที่เขาเป็นต้นกล้า
แต่พอเขาหันกลับไปก็ไม่เจอต้นไม้ใหญ่นั้นเสียแล้ว เหลือเพียงแต่ต่อไม้แห้งๆ เพราะกว่าเขาจะคิดได้ก็สายเกินไปแล้ว.....
ขนาดต้นไม้น้อยยังอายุปานนี้แล้ว แล้วต้นไม้ใหญ่ในวันนั้นล่ะ จะยืนต้นอยู่ได้อย่างไร
"ทุกอย่างต่างร่วงโรยไปตามกาลเวลา หากเชื่องช้าเวลาจะพรากสิ่งที่รักจากเราไป"
ต้นกล้าน้อยๆ....โตได้อย่างไร
เผื่อจะมีใครคิดได้ก่อนที่สายเกินไป **อาจจะดูงงนะ 555**
ชีวิตคนเรามองดีๆก็เปรียบเหมือนดั่ง "ต้นไม้" ที่ก่อนจะเกิดมาก็ต้องมีเมล็ดพันธ์
บางเมล็ดก็ถูกปลูกขึ้นด้วยความรัก ความตั้งใจ บางเมล็ดก็เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ หรือความไม่ต้องการ
และพอเกิดขึ้นมาแล้วก็จะเรียกว่า "ต้นกล้า" ซึ่งยังเป็นต้นอ่อน ไม่สามารถทนแดดทนฝนได้มากนัก
ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ว่าจะมีต้นไม้ใหญ่คอยบังแดด บังฝนให้หรือไม่ เพราะกว่าต้นกล้าจะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาได้
ก็ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ไม่ใช่เฉพาะแดดกับฝนเท่านั้น แต่ยังมีพวกสัตว์น้อยใหญ่ที่เหยียบย่ำผ่านไปมา
แล้วยังพวกนก กาที่มาลุมจิกกินอีกด้วย ถ้าหากต้นกล้านั้นไม่มีความอดทนมากพอ ก็จะไม่รอดและแห้งเหี่ยวตายในที่สุด
แต่ในช่วงชีวิตของต้นกล้าก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เพราะยังมีสัตว์บางกลุ่มยังหวังเห็นต้นกล้าเติบใหญ่ ให้ร่มเงาและผลิดอกออกผลให้ชื่นชม
พวกมันก็จะคอยถะนุถนอมดูแล รดน้ำ พรวนดิน เพื่อให้ต้นกล้ามีรากหยั่งลึก แข็งแรง และเมื่อวันเวลาผ่านไป ต้นกล้าก็โตขึ้นจนเป็นต้นไม้น้อยๆที่เริ่มผลิใบเขียวขจีเต็มต้น แต่ก็ยังคงวนเวียนเช่นเคย ต้องทนแดด ทนฝน เรื่อยมา ต้นไม้น้อยอดทนเรื่อยมา เพราะหวังว่าสักวันตนจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ใครๆก็อยากจะชื่นชม และได้กินผลที่หอมหวาน และในที่สุดรากของมันก็ใหญ่พอที่จะยึดผืนดินได้อย่างเหนียวแน่น
แตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย ผลก็ออกเต็มต้น ดอกก็งามเหลือเกิน จนไม่ต้องพึ่งต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอีกแล้ว เพราะต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นในวันนี้
เป็นเพียงต้นไม้แก่ๆ ที่ใบเริ่มร่วงเกือบหมดต้น ไม่มีเรี่ยวแรงจะผลิดอกออกผลได้อีกต่อไป
แต่ต้นไม้ใหญ่นั้นก็ภูมิใจเสียเหลือเกิน ที่ได้เห็นต้นกล้าน้อยๆในวันนั้น เติบโตขึ้นมาได้อย่างสวยงาม....เพียงเท่านี้ต้นไม้แก่ต้นนี้ก็ดีใจแล้ว
ต้นไม้น้อยหลงระเริงว่าตนยืนได้ด้วยตนเองแล้ว คงไม่หวังพึ่งใครอีกต่อไป ก็เที่ยวออกผล ออกดอกให้เหล่าสัตว์ที่ผ่านเข้ามาแกล้งทำเป็นยินดี
แต่สุดท้ายสัตว์เหล่านั้นก็จากไป..
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนต้นไม้ต้นนี้ไม่สามารถออกผลออกดอกได้อีก จึงทำให้ไม่มีสัตว์ตัวไหนอยากเข้ามาชื่นชม
เพราะแม้เพียงแต่ร่มเงาเขาเองยังไม่มีให้ ต้นไม้น้อยรู้สึกเสียใจและเหน็ดเหนื่อย เพราะคิดว่าไม่เหลือใครแล้ว
จึงคิดได้ว่าเขายังมีต้นไม้ใหญ่อยู่นี่นา ต้นไม้ใหญ่ต้องช่วยเขาได้แน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นต้นไม้น้อยก็หันหลังกลับไปหวังว่าจะเจอต้นไม้ใหญ่ที่เคยให้ร่มเงา บังแดด บังฝน คอยบอก คอยสอน วิธีเอาชีวิตรอด ให้เมื่อในยามที่เขาเป็นต้นกล้า
แต่พอเขาหันกลับไปก็ไม่เจอต้นไม้ใหญ่นั้นเสียแล้ว เหลือเพียงแต่ต่อไม้แห้งๆ เพราะกว่าเขาจะคิดได้ก็สายเกินไปแล้ว.....
ขนาดต้นไม้น้อยยังอายุปานนี้แล้ว แล้วต้นไม้ใหญ่ในวันนั้นล่ะ จะยืนต้นอยู่ได้อย่างไร
"ทุกอย่างต่างร่วงโรยไปตามกาลเวลา หากเชื่องช้าเวลาจะพรากสิ่งที่รักจากเราไป"