หรือคือสิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการทุ่มเททุกอย่างให้กับผู้ชายคนหนึ่ง

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน
เรื่องที่เราอยากจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราในขณะนี้ค่ะ

เราอายุ 23 ค่ะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีแฟนเลยจนกระทั่งได้มาคบกับแฟนคนปัจจุบัน และเป็นคนที่นำความทุกข์มาให้แก่เราจนเราไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ แฟนเราอายุ 25 ค่ะ เคยทำงานเป็นเซลล์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนตัวเราเป็นพยาบาล เรียนจบทำงานมาได้หนึ่งปี

ด้วยความที่เค้าเป็นแฟนคนแรก เราจึงทุ่มเทให้เค้าทุกอย่าง ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำให้ใคร ความรักตอนแรกก็เหมือนคู่อื่นๆ ทั่วไป คือมันดีมาก แล้วคิดดูแฟนคนแรกในชีวิตที่คบกันแบบเปิดเผย คุยโทรศัพท์กันทุกวัน โพสต์กันไปมาในเฟสบุ๊ค วิดิโอคอล ไลน์หากันเกือบตลอดเวลา
ช่วงที่เราขึ้นเวรบ่าย ก็จะรอนอนพร้อมกับเรา (ประมาณตี 1-2) เป็นอย่างนี้ จนเราคิดว่าเราจะหยุดที่คนนี้ เพราะก่อนหน้านี้เราก็มีคุยๆ กับคนอื่นบ้าง แต่ไม่เคยเปิดเผยแบบนี้ค่ะ ส่วนตัวเค้าเองก็อยากให้เราเป็นคนสุดท้าย คุยกันไว้จนถึงเรื่องแต่งงาน

แฟนเรามีข้อเสียคือ เวลามีปัญหาจะไม่ชอบเคลียร์ให้จบค่ะ จะชอบถามแทรกขึ้นมาก่อนว่า พอยัง? จบยัง? ทุกครั้งเวลาที่เราร้องไห้ เค้าก็จะไม่เคยปลอบค่ะ มีแต่จะหงุดหงิดมากขึ้น ถามว่าเราร้องไห้ทำไม มีเรื่องอะไรต้องร้อง และเค้าจะชอบบังคับให้เราเป็นในแบบที่เค้าอยากให้เป็น เช่น เราชอบนักร้องเกาหลีมา ตั้งแต่เรียนม.1 พอมาคบกันก็จะให้เราเลิกชอบ เราชอบดูรอยสักน่ารักๆ ก็ให้เราเลิกชอบ ซึ่งก็โอเค เพราะรัก เราเลยยอมทุกอย่าง

ตอนแรกแฟนเราเป็นสุภาพบุรุษมากค่ะ คือไม่แตะเนื้อต้องตัวเราเลย มานอนห้องเรา อย่างมากก็จะแค่กอดหรือไม่ก็หอมแก้ม ซึ่งก็นานๆ ที แต่เราชอบนั้นค่ะ เรารู้สึกว่ามันน่ารักมากกว่าที่จะมีอะไรกัน เพราะความคิดของเราในขณะนั้น เราคิดว่าการที่เราจะมีอะไรกับใครได้ต้องเป็นสามีของเราเท่านั้น มันอาจจะดูหัวโบราณ แต่ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นจริงๆ ค่ะ ส่วนแฟนเราก็เคยออกปากพูดว่า ไม่อยากทำอะไรเรา เพราะเรามีค่ามากกว่านั้น ไม่เป็นไรนะ ถึงยังไงเราก็จะมีกันและกัน และเราก็หลงเชื่อคำพูดนั้นค่ะ หลงเชื่อคำพูดทุกๆ อย่าง ทุกถ้อยคำที่ออกมาจากปากเค้า ว่าจะมีเราเป็นคนสุดท้าย ว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองดีขึ้นเพื่อเรา คิดถึงขั้นจะแต่งงาน บอกว่าตัวเองโชคดีที่เจอผู้หญิงแบบเรา ทุกคนคงจะหัวเราะที่เราหลงเชื่อคำพูดของเค้าใช่มั้ยคะ ใช่คะ เพราะเป็นแฟนคนแรก เราเลยเชื่อค่ะ เชื่อหมดใจ แต่เราไม่รู้ . . . ว่าความรักมันมีวันหมดอายุด้วย

สาเหตุของเรื่องทั้งหมด มันเกิดจากที่เค้าได้ดูรายการธุรกิจรายการหนึ่งที่พานักธุรกิจคนหนึ่งอายุ 30 กว่าๆ มาออกรายการ โดยการทำธุรกิจเครือข่ายจนรวยเป็นร้อยล้านพันล้าน ทำให้แฟนเราปิ๊งอยากจะทำขึ้นมาค่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นบอกว่าจะลาออกไปสอบข้าราชการ และทางที่จะทำธุรกิจแบบนั้นได้ต้องใช้เวลาเสาร์อาทิตย์ในการไปอบรมซึ่งบริษัทเก่าของแฟนเราไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ค่ะ แฟนเราเลยจะลาออกจากบริษัทเดิมไปอยู่กับบริษัทใหม่ สัมภาษณ์งานผ่านอะไรเรียบร้อย แต่พอตรวจสุขภาพ แฟนเราเป็นไวรัสตับอักเสบบีค่ะ ทำให้บริษัทเค้าไม่รับ
แฟนเราเหมือนคนใจสลาย คือท้อแท้มาก เราเองก็สงสารเค้าไปด้วย เลยพาไปเจาะเลือดอย่างละเอียดอีกทีให้แน่ใจโดยเราเป็นคนเจาะเลือดให้เองกับมือ ผลปรากฏว่า แฟนเราเป็นไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังค่ะ ตอนนั้นพากันเครียดมาก เราเองก็เครียดไปด้วย แฟนเราก็บอกว่า ชีวิตของเค้ามันจบแล้ว ตอนนี้คืออยากบวช ซึ่งตอนนั้นเราไม่คิดค่ะ ว่ามันจะนำความทุกข์มาให้เราจนวันนี้

ใช่ค่ะ เราทุกข์มากที่แฟนจะบวช ตลกมั้ยคะ ที่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงจะดีใจ หาชุดไปงาน ลางานเตรียมไปงานบวชแฟน แต่เรากลับร้องไห้ทุกวันค่ะ เพราะแฟนเราจะบวชแบบไม่มีกำหนดสึก เราไม่ได้เตรียมใจค่ะ และเราไม่สามารถปล่อยวางเค้าได้ เพราะเราบอกแล้วว่าเค้าเป็นแฟนคนแรก เรากับเค้ายังมีความฝันอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้ทำด้วยกัน และที่เราบอกว่าเรากับแฟนยังไม่มีความสัมพันธ์เกินเลย มาถึงตอนนี้ เค้าก็ไม่สามารถรักษาคำพูดของเค้าเอาไว้ได้ค่ะ และเป็นความผิดของเราเองที่โง่ถึงขนาดปล่อยตัวไปกับเค้า พอมีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อๆ ไปค่ะ และทุกครั้งเรารู้สึกตัวดี เรายอม เพราะเราคิดว่าเค้าคือคนที่เราจะฝากชีวิตเอาไว้ด้วย คือคนสุดท้ายที่เราจะหยุด เค้าบอกค่ะว่าจะรับผิดชอบ และเราไม่ได้หวังให้ตอนจบของเค้ากับเราลงเอยแบบตอนนี้ค่ะ

แฟนเรามาหาเราช่วงต้นเดือนอยู่กับเราจนถึงวันที่ 4 มีอะไรกับเราทุกวัน จนเราไม่เอะใจเลยค่ะ เราคิดโง่ๆ ค่ะว่าเค้ารักเรา และมันสามารถหยุดความคิดที่จะบวชแบบไม่สึกของเค้าได้ แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เค้ากลับไปหนองคายเพราะทางบ้านโทรมาเรื่องบวช ช่วงที่กลับไปก็คุยกับเราบ้างค่ะ แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความห่างเหิน จากหน้ามือเป็นหลังมือ เราพยายามไม่คิดมากค่ะ เขาขาดการติดต่อไปแบบเป็นๆ หายๆ คือไปไหนไม่บอก มารู้อีกทีคือโกนผมอยู่วัดแล้ว แต่ยังไม่บวชนะคะ แค่มาเตรียมตัวเฉยๆ เค้าก็ยังคุยกับเราค่ะ คุยแบบสำรวมมากขึ้นไม่มีพูดเล่นเหมือนเมื่อก่อน เราก็เข้าใจว่าจะบวชเป็นพระแล้ว ต้องสำรวม แต่เราเองก็สัมผัสได้ถึงความห่างเหินที่มากขึ้นเรื่อยๆ

จริงๆ แฟนเราบอกว่าอยากบวชไปเรื่อยๆ เราเลยถามว่า บวชไปเรื่อยๆ นี่ เราต้องรอมั้ย ในความรู้สึกเราตอนนั้นมีหน่วง มันทรมานมากค่ะ เรายังปลงไม่ได้ ไม่ใช่เราไม่ดีใจที่แฟนเราบวช แต่คำว่าเรื่อยๆ มันมากเกินไปสำหรับเรา เราไม่เคยเตรียมใจเลยเรื่องนี้ แฟนเราตอบกลับมาค่ะว่า ไม่ต้องรอหรอก ตอนนั้นเหมือนฟ้าถล่มค่ะ เราร้องไห้แล้วบอกเค้าว่ายังไงเราก็จะรอ เราก็พูดทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งขอร้องให้เค้าคิดดูใหม่ ทั้งบอกว่าเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า ทั้งถามว่าแล้วเราจะอยู่ยังไง เค้าก็บอกค่ะว่าเราอยู่ได้ คือยังไงก็ไม่ฟัง พูดเสียงเย็นๆ แบบไม่ทุกไม่ร้อน ขณะที่เราร้องไห้จะเป็นจะตาย

เราทุกข์ทรมานมากค่ะ ไม่เคยกินข้าวได้อิ่มเลยสักวัน จากกินสามมือบวกมือว่างเพิ่มอีกหลายๆ มื้อ กลายเป็นกินวันละมื้อ ต้องหอบข้าวของไปนอนห้องเพื่อน เพราะห้องเรามันมีแต่ภาพของเค้าค่ะ มันเหมือนเค้ายังอยู่ตรงนั้น เดินไปไหนก็คิดถึงแต่เค้าว่าเคยมีเค้าไปด้วย คิดถึงเกือบทุกลมหายใจเข้าออก  เราต้องไปทำงานเร็วกว่าปกติ 2-3 ชม. เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เราไม่ร้องไห้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ค่ะ  แต่พอเราอยู่คนเดียว เราร้องตลอด ร้องจนเหนื่อย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยังโทรหาเค้าอยู่นะคะ จนเมื่อสามวันก่อน เราก็คุยโทรศัพท์แล้วร้องไห้กับเค้าอีก พอคุยเสร็จเราทนไม่ไหวค่ะ ตอนนั้นมีเคว้งมาก เราเลยโทรไปหาแม่ เราก็เล่าเรื่องเค้าให้แม่ฟัง ตอนแรกแม่เราก็ปลอบใจค่ะ ให้กำลังใจเรา จนเรารู้สึกผิดกับเรื่องความสัมพันธ์เกินเลยของเรากับเค้า มันทำให้เราต้องสารภาพ วินาทีแรกที่แม่เราได้ยิน คือ แม่เราอึ้งค่ะ แต่ไม่ดุด่าไม่ว่าเราซักคำ แม่เราโทษตัวเองที่เลี้ยงเราไม่ดีค่ะ แม่ถามเราว่าแม่เลี้ยงเรา พลาดไปตรงไหน เราคลาดสายตาจากแม่ไปตอนไหน เราออกจากอ้อมอกแม่ไปตอนไหน ทำไมเรื่องขนาดนี้แม่เราถึงไม่รู้เรื่อง แม่บอกแม่เราเสียใจ ที่เราไม่เก็บมันเอาไว้ให้สามีให้ผู้ชายที่ดีๆ ในอนาคต และแม่เราไม่ยอมรับแฟนเราค่ะ

วันต่อมาเราเล่าเรื่องที่แม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรากับแฟนให้แฟนเราฟัง ปรากฏว่า แฟนเราโมโหเราค่ะ บอกว่าเราฟ้องแม่ บอกว่าจะเอายังไงหรอ เธออยากได้อะไรหรอ เอาโซ่มาคอชั้นไว้ เอากุญแจมาล็อคแขนชั้นไว้ เรียกตำรวจมาจับเลยมั้ย และยังบอกเราด้วยค่ะว่า เรื่องที่เราคิดว่าเราเสียความบริสุทธิ์ไป เป็นเรื่องที่เราคิดไปเอง เพราะเค้าใส่ถุงยางอนามัย เค้าไม่ได้เอาอะไรไปจากเรา และเราไม่ได้ท้องค่ะ เแถมยังบอกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเป็นแฟนกันอยู่แล้วค่ะ แล้วเค้าก้ยังถามถึงพ่อเราว่าถ้าพ่อเรารู้ล่ะ (พ่อเราค่อนข้างดุเรื่องผู้ชายค่ะ) เราก็บอกว่าพ่อไม่มีทางรู้เพราะแม่เราไม่มีทางบอก เค้าก็ถามเราแต่ว่าถ้าพ่อเรารู้ล่ะๆ เราเลยบอกว่า เธอจะกลัวอะไร เธอกลัวจะมีคนไปตามเธอถึงวัดแล้วขัดขวางไท่ให้เธอบวชหรอ แฟนเราเลยพูดตอกกลับเรามาว่า แล้วเธอจะเอาอะไรกับพระล่ะ

อึ้งมั้ยคะ . . . นี่คือคำพูดของคนที่บอกว่าจะรับผิดชอบเรา บอกว่ารักเรา จะทำให้ตัวเองดีขึ้นเพื่อเรา บอกว่าโชคดีที่เจอเราหรอคะ และเราก็โง่ค่ะ โง่ที่เราไม่ได้มองว่าเค้าเลวร้ายขนาดนั้น เรายังคงขอร้องอ้อนวอนให้เค้าคิดใหม่เรื่องบวชไปเรื่อยๆ จนเค้าหลุดพูดออกมาว่า "ถ้าแบบนั้นเธอก็ลาออกจากงาน มาอยู่ในกุฏิกับชั้นเลยซิ มามั่วกันอยู่ในนี้เลย" วินาทีนั้น เราเสียใจมากค่ะ ที่เค้าดูถูกเราได้ถึงขนาดนี้ ทำไมคนเราถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้คะ เรานั่งมองตัวเองว่าตลอดเวลาที่คบกันเราทำพลาดไปตรงไหน นอกจากเอาแต่ใจบ้างตามประสาผู้หญิง กับร้องไห้ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราทำพลาดไปตรงไหนคะ หรือเราพลาด ตรงที่เราทำตัวง่ายเกินไป

นี่ใช่มั้ยคะ คือสิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการทุ่มเททุกอย่างให้กับผู้ชายคนหนึ่ง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เลิกชอบในสิ่งที่ตัวเองชอบ ยอมลดศักดิ์ศรีต่างๆ นานา ยอมทำให้พ่อแม่เสียใจ ยอมทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะทำให้ใคร แต่ทุกอย่างเค้าไม่เคยเห็นค่าค่ะ เรากลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาเค้า คนที่เค้าจะขว้างทิ้งไปตอนไหนก็ได้ ถึงตอนนี้ยังไม่ได้บอกเลิกเราแต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนเราทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียว ทิ้งให้เราค้างอยู่กับความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าเค้าจะกลับมาอยู่กับเราในซักวัน และก่อนหน้าที่เค้าจะบวช ซึ่งก็คือในวันนี้ เค้าก็ขอให้เราทำอะไรบางอย่าง 4 ข้อค่ะ คือ
1. หุ่นดีให้มากกว่านี้ 2. เก็บตังค์ให้ได้เยอะๆ 3. อ่านหนังสือเพิ่มความรู้ให้มากๆ 4. ปรับปรุงนิสัยตัวเอง
ถ้าเราทำได้ให้กลับไปหาเค้าที่วัด แล้วเค้าจะพิจารณาอีกที และเราก็ยอมค่ะ เรายังคงโง่รับปาก ทั้งที่ลึกๆ ในใจเรา เรารู้ดีค่ะว่าเพราะเค้าคิดว่าเราจะทำไม่ได้เค้าเลยขอให้เราทำ
วันนี้เค้าบวชแล้วค่ะ เมื่อคืนเราบอกว่าจะโทรไปแต่สุดท้าย เราก็ตัดสินใจไม่โทร เพราะเราไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้ และเราไม่อยากเป็นบาปเพิ่มไปมากกว่านี้ค่ะ

ที่เรามาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะเราอึดอัดค่ะ เรารู้สึกหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ แปลกดีนะคะที่เราเคยคิดอยากจะตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ว่าเรามีความรักที่น่าอิจฉาขนาดไหนให้คนอื่นๆ ได้อิจฉาเล่น แต่ทำไม ทำไปทำมาถึงกลายเป็นกระทู้แบบนี้ได้ก็ไม่รู้
เราเลยอยากถามความคิดเห็นของเพื่อนๆ ค่ะว่า ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำยังไงต่อไปคะ จะยอมรอต่อไป หรือว่ายอมถอยออกมา ถ้ามองในมุมมองของผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งแบบเรา
สุดท้ายเราหวังว่าเรื่องของเราจะเตือนใจใครหลายๆ คนได้ ว่าอย่าเพิ่งหลงเชื่อในคำพูดของคนง่ายๆ อย่ายอมปล่อยตัวให้ใครง่ายๆ เพราะสุดท้ายอาจจะต้องเจ็บปวดเหมือนเราค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่