ขอแนะนำของตัวเองนะคะ ซึ่งไม่มีใครจ่ายเงินในการท่องเที่ยวให้ ทุกอย่างเราจ่ายเองค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ และำี่ๆ น้องๆ จะเข้ามาอ่าานนะคะ เอาล่ะค่ะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยว กัมพูชา มีที่เที่ยวที่น่าสนใจและน่าศึกษามากมาย แต่อีกที่หนึ่งที่โลกต้องจดจำถึงความโหดร้ายและความป่าเถื่อนที่มนุษย์ร่วมโลกสามารถกระทำต่อกันได้อีกที่หนึ่งในโลกนั้นคือ ทุ่งสังหาร และ คุก โตน สเลงที่กล่าวขานมายาวนาน เขมรแดง เป็นที่กล่าวขานถึงความเหี้ยมโหด เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วโลก ต่อ เขมรแดง ที่ฆ่าล้างประชาชนในกัมพูชาอย่างไร้ความปรานี ด้วยเพราะความโหดร้ายของอดีตผู้นำ เขมรแดง ซึ่งได้เข้ายึดกรุงพนมเปญในปี 2518 นั่นเอง พร้อมหรือยังคะ ที่จะเดินทางไปด้วยกันในการเช้าไปศึกษาอดีตคุกอันโหดร้ายและพื้นที่อันน่าหดหู่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ก่อนอื่นเรามาอ่านข้อมูลสักนิด ประเทศ กัมพูชา นั้นได้เกิดโศกนาฏกรรมที่มนุษยชาติต้องตกตะลึงถึงความโหดร้ายหลังจากการนำประเทศของผู้ชายชื่อว่า “พล พต” ผู้นำเบ็ดเสร็จที่คลั่งลัทธิซ้ายสุด เขาคติอันน่าแปลกประหลาดว่า ชนชั้นกรรมกรควรที่จะเป็นใหญ่ โดยต่อต้านชนชั้นกลาง คนที่มีการศึกษา คนที่ดูมีการศึกษาแม้แต่คนที่ใส่แว่นตาและแม้แต่อ่านหนังสือออกแม้แต่ตัวเดียวก็ต้องโดนจับมาคุมขังและทำร้ายร่างกายอย่างไร้ความเมตตา เขาถือว่า คนเหล่านี้มีความเป็นภัยต่อความมั่นคงของการปกครองแบบเขมรแดงเพราะต้องการจะขึ้นอยู่อย่างสันโดษโดยไม่ต้องการพึ่งพาใคร หรือเทคโนโลยีหรือวิทยาการใดๆ เพียงแค่มีข้าวกินไปวันๆ ก็พอที่จะขับเคลื่อนประเทศไปได้แล้ว นั่นคือ การเปิดฉากให้เขมรแดงเปิดฉากจับนักศึกษา วิศวกร ศิลปิน หรือคนที่มีความเชี่ยวชาญทางแขนงงานต่างๆ ให้สิ้นไป กักขัง ทรมาน ถามหาข้อมูลทางทหารที่บางครั้งไม่มีอยู่จริง ข่มขืน ในที่สุดก็ฆ่าทิ้งอย่างน่าหดหู่ที่สุด
เริ่มการเดินทาง
เราเริ่มกันตั้งแต่สายๆ จากโรงแรมที่ไม่ไกลจากในเมืองนัก ที่สำคัญก่อนออกเดินทางควรที่จะทานอาหารเสียก่อนเพราะค่อนข้างที่จะใช้เวลาในการท่องเที่ยวพอสมควร ระยะเวลาในการเข้าชมนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงเช้า และช่วงบ่ายก็ได้ตามสะดวก หลักการท่องเที่ยวนั้นหากคุณอยู่ในเมืองที่สำคัญควรที่จะเดินทางไปยัง S-21 เสียก่อนเพราะอยู่ในเมือง และทุ่งสังหาร (The Killing Fields)นั้นจะอยู่ไกลออกไปจากเมืองพอสมควรเส้นทางยังค่อนข้างสมบุกสมบัน ซึ่งทั้งสองที่ความระยะห่างกันพอสมควร ดังนั้นควรว่าจ้างรถสามล้อจากโรงแรมที่พัก และทำการต่อรองราคาตามสะดวกแต่ไม่ควรเกิน 15-30 ดอลล่าค่ะ ต่อคันซึ่งแล้วแต่ระยะทางของโรงแรมไปถึงสถานที่ต่างๆ
เริ่มต้นจาก โตนสเลง หรืออีกชื่อหนึ่งคือ S-21 (Security Prison 21)
ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 2 ดอลล่าต่อคน
การเดินชมโตนสเลง หรือ S-21 นั้นควรที่จะอยู่ในกิริยาที่สงบและไม่ควรส่งเสียงโวยวายหรือหัวเราะคิกคักเพื่อเป็นการให้เกียรติต่อสถานที่ด้วยนะคะ
คุกที่แสนโหดร้ายเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว นักโทษที่ถูกจองจำที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่คนเขมรเท่านั้น แต่ยังมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทั้งชาวอเมริกัน ชาวออสเตรเลีย ชาวเวียดนามและชาติอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ โดยหลักฐานนั้นไม่ได้มีเพียงผู้ชายที่เสียชีวิตเท่านั้น แต่มีทั้ง คนแก่ ผู้หญิงและเด็ก รวมอยู่ประมาณ 17,000 คนแต่คาดว่าน่าจะมีจำนวนจริงอยู่ประมาณ 20,000กว่าคนที่โดนทำร้ายและฆ่าอย่างไร้ความปราณีในที่แห่งนี้ โตนแสลงนั้นเดิมทีนั้นคือ โรงเรียนที่เป็นสถานศึกษา มาก่อนเป็นอีกจุดเริ่มต้นของการสังหารหมู่ ตามคำบอกเล่าของชาวเขมรนั้น คือ มีคนตายกว่าตายเป็น 2ล้านคนแต่ทางเขมรแดงได้รายงานว่าราวๆ 1 ล้านคนเท่านั้น และมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันและดูแลนักโทษกว่าพันคน ซึ่งเมื่อคุณได้ก้าวเดินเข้าไปนั้นจะรับรู้ถึงความแออัดเป็นอย่างยิ่ง หากนับเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่คุ้มกันนั้นก็น่าจะล้น สถานที่แห่งนี้เสียแล้ว
ความรู้สึกแรกที่เจอกับกำแพงสูงๆ ที่มีลวดหนามล้อมรอบไปทั่วบริเวณ เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับอาคารเก่าๆ อันน่าขนลุกและน่าอึดอัด ลองนึกถึงสำหรับใช้คุมขังและทรมานนักโทษถึง 3-4 ปีเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปจะเห็นตึกด้านหน้าที่มีลานกว้างที่มีหลุมศพของนักโทษผู้โดนทิ้งเอาไว้เมื่อเขมรแดงได้หลบหนีออกไปแล้วบริเวณต้นมะพร้าวตั้งอยู่หน้าตึกนั่นเอง
ตึกแรกที่เข้าชมคือตึกฝั่ง A ที่มีเตียงที่ใช้ทรมาณนักโทษจนถึงชีวิตในรูปแบบต่างๆ จนถึงแก่ความตายและมีรูปภาพประกอบอีกด้วยซึ่งการเข้าชมนั้นควรเข้าชมอย่างสงบไม่ควรที่จะหัวเราะหรือมีอาการที่ไม่สมควรกับสถานที่ค่ะ
เมื่อเดินไปสู่อาคาร B จะเห็นคานไม้ใช้สำหรับทรมาณนักโทษโดยการห้อยเอาไว้จนสลบและเมื่อสลบก็เอาหัวไปจุ่มลงในโอ่งน้ำใกล้ๆ จนพื้นขึ้นมาและทรมาณต่อ เมื่อเข้าไปในอาคาร B จะเห็นกับภาพนักโทษที่ถูกถ่ายเอาไว้ซึ่งน่าสะเทือนใจมาก มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ และผู้ชายวัยรุ่นไปจนถึงคนแก่ อีกทั้งเสื้อผ้าของผู้เคราะห์ร้ายที่ยังเก็บเอาไว้อยู่ให้เห็นในตู้เอาไว้ ผู้เข้าชมสามารถเดินชมได้โดยทั่วทุกชั้นเลยทีเดียว
ต่อมาคืออาคาร C ที่คุ้มขังนักโทษซึ่งเป็นอิฐที่ก่อขึ้นแบบง่ายๆ ในพื้นที่แคบๆ เล็กๆ ที่นักโทษไม่สามารถนอนเหยียดยาวได้ในชั้นแรกและชั้นที่สองเป็นห้องขังที่ทำจากไม้โดยมีประตูปิดและช่องเล็กๆ เท่านั้น โดยชั้นบนสุดมีการแสดงประวัติของนักโทษต่างๆ ที่มีทั้งชาวเขมรและชาวต่างชาติและขั้นตอนการทรมานนักโทษให้ได้อ่านกันเป็นทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเขมร สังเกตง่ายๆ คือภายนอกจะมีลวดหนามขึงเอาไว้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเดินเข้าสู่อาคาร D อาคารสุดท้ายมีประวัติของเขมรแดงและเครื่องมือการทรมาน รวมถึงรูปภาพต่างๆ ที่ถ่ายจากสถานที่จริงและผู้ที่เคยเป็นเขมรแดงมาก่อน รวมถึงบทสัมภาษณ์อีกด้วย โดยด้านบนนั้นจะมีการฉายภาพยนตร์ให้ดูด้วยประมาณ 10 โมงเช้าและ 3 โมงเย็น ซึ่งภายในอาคาร D นั้นมีกะโหลกของนักโทษเอาไว้จัดแสดงให้ได้ชม ซึ่งทั้งหมดนั้นในการเดินชมในโตนแสลงนั้นจะใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 2 ชั่วโมงเศษค่ะ
หากชอบบทความของเราอย่าลืมแชร์หรือกด Like ใน facebook นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://trip-and-travel.com/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/tripandtravel.fanpage
ขอบคุณมากนะคะ มีอะไรติชมได้คะ
สถานที่ท่องเที่ยวกัมพูชา ลุยคุกโตนสเลงเขมรแดง
สถานที่ท่องเที่ยว กัมพูชา มีที่เที่ยวที่น่าสนใจและน่าศึกษามากมาย แต่อีกที่หนึ่งที่โลกต้องจดจำถึงความโหดร้ายและความป่าเถื่อนที่มนุษย์ร่วมโลกสามารถกระทำต่อกันได้อีกที่หนึ่งในโลกนั้นคือ ทุ่งสังหาร และ คุก โตน สเลงที่กล่าวขานมายาวนาน เขมรแดง เป็นที่กล่าวขานถึงความเหี้ยมโหด เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนทั่วโลก ต่อ เขมรแดง ที่ฆ่าล้างประชาชนในกัมพูชาอย่างไร้ความปรานี ด้วยเพราะความโหดร้ายของอดีตผู้นำ เขมรแดง ซึ่งได้เข้ายึดกรุงพนมเปญในปี 2518 นั่นเอง พร้อมหรือยังคะ ที่จะเดินทางไปด้วยกันในการเช้าไปศึกษาอดีตคุกอันโหดร้ายและพื้นที่อันน่าหดหู่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ก่อนอื่นเรามาอ่านข้อมูลสักนิด ประเทศ กัมพูชา นั้นได้เกิดโศกนาฏกรรมที่มนุษยชาติต้องตกตะลึงถึงความโหดร้ายหลังจากการนำประเทศของผู้ชายชื่อว่า “พล พต” ผู้นำเบ็ดเสร็จที่คลั่งลัทธิซ้ายสุด เขาคติอันน่าแปลกประหลาดว่า ชนชั้นกรรมกรควรที่จะเป็นใหญ่ โดยต่อต้านชนชั้นกลาง คนที่มีการศึกษา คนที่ดูมีการศึกษาแม้แต่คนที่ใส่แว่นตาและแม้แต่อ่านหนังสือออกแม้แต่ตัวเดียวก็ต้องโดนจับมาคุมขังและทำร้ายร่างกายอย่างไร้ความเมตตา เขาถือว่า คนเหล่านี้มีความเป็นภัยต่อความมั่นคงของการปกครองแบบเขมรแดงเพราะต้องการจะขึ้นอยู่อย่างสันโดษโดยไม่ต้องการพึ่งพาใคร หรือเทคโนโลยีหรือวิทยาการใดๆ เพียงแค่มีข้าวกินไปวันๆ ก็พอที่จะขับเคลื่อนประเทศไปได้แล้ว นั่นคือ การเปิดฉากให้เขมรแดงเปิดฉากจับนักศึกษา วิศวกร ศิลปิน หรือคนที่มีความเชี่ยวชาญทางแขนงงานต่างๆ ให้สิ้นไป กักขัง ทรมาน ถามหาข้อมูลทางทหารที่บางครั้งไม่มีอยู่จริง ข่มขืน ในที่สุดก็ฆ่าทิ้งอย่างน่าหดหู่ที่สุด
เริ่มการเดินทาง
เราเริ่มกันตั้งแต่สายๆ จากโรงแรมที่ไม่ไกลจากในเมืองนัก ที่สำคัญก่อนออกเดินทางควรที่จะทานอาหารเสียก่อนเพราะค่อนข้างที่จะใช้เวลาในการท่องเที่ยวพอสมควร ระยะเวลาในการเข้าชมนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงเช้า และช่วงบ่ายก็ได้ตามสะดวก หลักการท่องเที่ยวนั้นหากคุณอยู่ในเมืองที่สำคัญควรที่จะเดินทางไปยัง S-21 เสียก่อนเพราะอยู่ในเมือง และทุ่งสังหาร (The Killing Fields)นั้นจะอยู่ไกลออกไปจากเมืองพอสมควรเส้นทางยังค่อนข้างสมบุกสมบัน ซึ่งทั้งสองที่ความระยะห่างกันพอสมควร ดังนั้นควรว่าจ้างรถสามล้อจากโรงแรมที่พัก และทำการต่อรองราคาตามสะดวกแต่ไม่ควรเกิน 15-30 ดอลล่าค่ะ ต่อคันซึ่งแล้วแต่ระยะทางของโรงแรมไปถึงสถานที่ต่างๆ
เริ่มต้นจาก โตนสเลง หรืออีกชื่อหนึ่งคือ S-21 (Security Prison 21)
ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 2 ดอลล่าต่อคน
การเดินชมโตนสเลง หรือ S-21 นั้นควรที่จะอยู่ในกิริยาที่สงบและไม่ควรส่งเสียงโวยวายหรือหัวเราะคิกคักเพื่อเป็นการให้เกียรติต่อสถานที่ด้วยนะคะ
คุกที่แสนโหดร้ายเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว นักโทษที่ถูกจองจำที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่คนเขมรเท่านั้น แต่ยังมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทั้งชาวอเมริกัน ชาวออสเตรเลีย ชาวเวียดนามและชาติอื่นๆ รวมอยู่ด้วย ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ โดยหลักฐานนั้นไม่ได้มีเพียงผู้ชายที่เสียชีวิตเท่านั้น แต่มีทั้ง คนแก่ ผู้หญิงและเด็ก รวมอยู่ประมาณ 17,000 คนแต่คาดว่าน่าจะมีจำนวนจริงอยู่ประมาณ 20,000กว่าคนที่โดนทำร้ายและฆ่าอย่างไร้ความปราณีในที่แห่งนี้ โตนแสลงนั้นเดิมทีนั้นคือ โรงเรียนที่เป็นสถานศึกษา มาก่อนเป็นอีกจุดเริ่มต้นของการสังหารหมู่ ตามคำบอกเล่าของชาวเขมรนั้น คือ มีคนตายกว่าตายเป็น 2ล้านคนแต่ทางเขมรแดงได้รายงานว่าราวๆ 1 ล้านคนเท่านั้น และมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันและดูแลนักโทษกว่าพันคน ซึ่งเมื่อคุณได้ก้าวเดินเข้าไปนั้นจะรับรู้ถึงความแออัดเป็นอย่างยิ่ง หากนับเพียงแค่เจ้าหน้าที่ที่คุ้มกันนั้นก็น่าจะล้น สถานที่แห่งนี้เสียแล้ว
ความรู้สึกแรกที่เจอกับกำแพงสูงๆ ที่มีลวดหนามล้อมรอบไปทั่วบริเวณ เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับอาคารเก่าๆ อันน่าขนลุกและน่าอึดอัด ลองนึกถึงสำหรับใช้คุมขังและทรมานนักโทษถึง 3-4 ปีเลยทีเดียว เมื่อเข้าไปจะเห็นตึกด้านหน้าที่มีลานกว้างที่มีหลุมศพของนักโทษผู้โดนทิ้งเอาไว้เมื่อเขมรแดงได้หลบหนีออกไปแล้วบริเวณต้นมะพร้าวตั้งอยู่หน้าตึกนั่นเอง
ตึกแรกที่เข้าชมคือตึกฝั่ง A ที่มีเตียงที่ใช้ทรมาณนักโทษจนถึงชีวิตในรูปแบบต่างๆ จนถึงแก่ความตายและมีรูปภาพประกอบอีกด้วยซึ่งการเข้าชมนั้นควรเข้าชมอย่างสงบไม่ควรที่จะหัวเราะหรือมีอาการที่ไม่สมควรกับสถานที่ค่ะ
เมื่อเดินไปสู่อาคาร B จะเห็นคานไม้ใช้สำหรับทรมาณนักโทษโดยการห้อยเอาไว้จนสลบและเมื่อสลบก็เอาหัวไปจุ่มลงในโอ่งน้ำใกล้ๆ จนพื้นขึ้นมาและทรมาณต่อ เมื่อเข้าไปในอาคาร B จะเห็นกับภาพนักโทษที่ถูกถ่ายเอาไว้ซึ่งน่าสะเทือนใจมาก มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ และผู้ชายวัยรุ่นไปจนถึงคนแก่ อีกทั้งเสื้อผ้าของผู้เคราะห์ร้ายที่ยังเก็บเอาไว้อยู่ให้เห็นในตู้เอาไว้ ผู้เข้าชมสามารถเดินชมได้โดยทั่วทุกชั้นเลยทีเดียว
ต่อมาคืออาคาร C ที่คุ้มขังนักโทษซึ่งเป็นอิฐที่ก่อขึ้นแบบง่ายๆ ในพื้นที่แคบๆ เล็กๆ ที่นักโทษไม่สามารถนอนเหยียดยาวได้ในชั้นแรกและชั้นที่สองเป็นห้องขังที่ทำจากไม้โดยมีประตูปิดและช่องเล็กๆ เท่านั้น โดยชั้นบนสุดมีการแสดงประวัติของนักโทษต่างๆ ที่มีทั้งชาวเขมรและชาวต่างชาติและขั้นตอนการทรมานนักโทษให้ได้อ่านกันเป็นทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเขมร สังเกตง่ายๆ คือภายนอกจะมีลวดหนามขึงเอาไว้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเดินเข้าสู่อาคาร D อาคารสุดท้ายมีประวัติของเขมรแดงและเครื่องมือการทรมาน รวมถึงรูปภาพต่างๆ ที่ถ่ายจากสถานที่จริงและผู้ที่เคยเป็นเขมรแดงมาก่อน รวมถึงบทสัมภาษณ์อีกด้วย โดยด้านบนนั้นจะมีการฉายภาพยนตร์ให้ดูด้วยประมาณ 10 โมงเช้าและ 3 โมงเย็น ซึ่งภายในอาคาร D นั้นมีกะโหลกของนักโทษเอาไว้จัดแสดงให้ได้ชม ซึ่งทั้งหมดนั้นในการเดินชมในโตนแสลงนั้นจะใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 2 ชั่วโมงเศษค่ะ
หากชอบบทความของเราอย่าลืมแชร์หรือกด Like ใน facebook นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณมากนะคะ มีอะไรติชมได้คะ