จากกระทู้นี้
http://m.pantip.com/topic/31881915? ที่เคยตั้งกระทู้ไปเมื่อ เมษายน ๒๕๕๗
ลองย้อนไปอ่านในกระทู้ข้างบนก่อน แล้วค่อยอ่านในนี้ต่อ จะได้เข้าใจ
ผมเคยเดินทางไปปฏิบัติธรรม ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อปลายปี ๒๕๕๕ ไปอยู่ปฏิบัติมาเกือบ ๑ เดือนเต็ม เป็นสำนักเล็กๆ มีพระแค่ ๔ รูป คือ ท่านเจ้าอาวาส ท่านพระอาจารย์ ธ. และพระครูบาอีก ๒ รูป
ที่ได้ไปเพราะว่า แสวงหา ถามไถ่จากพระอาจารย์ที่นับถือทางจันทบุรี ว่าพอมีที่สัปปายะ + ครูอาจารย์ของจริงบ้างไหม ท่านฯเลยแนะนำที่นี่
อีกอย่าง ผมก็มักคุ้นกับพระครูบา ในกระทู้อยู่แล้ว จึงเดินทางไป ที่นั่นตั้งใกล้อุทธยานแห่งชาติ จึงมีสิงสาราสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะ เสือ ช้างเป็นโขลง ลิงกังตัวเท่าคน กระรอกดงใหญ่กว่าแมว เหมือนแมวเปอร์เซียล่ะ
ในระหว่างวันนี่ พระทั้ง ๔ กิจวัตร คือ ตื่นมาบำเพ็ญตั้งแต่ตี ๒ ถึง ตี ๕ เวลา ๖ โมงเช้า บิณฑบาตร ฉัน ๗.๓๐ น. ใช้เวลาฉันแค่ ๑๐ นาทีเองนะ ถึงเวลาเช็ดบาตร โดนแล้ว คือ ท่านพระอาจารย์ ธ. จะพูดขึ้นมาลอยๆ เรื่องการพูด การคิด การปฏิบัติ พูดเรื่องของทุกคน ยกเว้นเจ้าอาวาส แต่ท่านไม่เอ่ยชื่อน่ะ พระครูบา ทั้ง ๒ รูป รวมถึงผม จะรู้ในใจเองว่าเรื่องที่ท่านพูด ของเราหรือเปล่า
ผมจะโดนประจำ โดนจนน่วม โดนจนสติระลึกแต่พุทโธ ทั้งวี่ทั้งวัน ยิ่งวันที่ ๒๐ ที่อยู่มาได้นี่ ถ้าลองได้นั่งสมาธิแล้ว ลงฐานความสงบเร็วมาก แถมยังได้อุบายธรรมให้ยกจิตขึ้นเป็นวิปัสสนาด้วย หลังจากที่เคยติดในสมาธิอยู่นาน สภาพจิตตอนนั้น ชุ่มเย็น สุขุมลุ่มลึก อันนี้คือ มันรับรู้ภายในใจด้วยตัวเองได้เลย ปฏิบัติหน่อยเดียวก็ปิติแล้ว เห็นอะไรๆ เป็นธรรมะไปหมด เมื่อมาถึงจุดนี้ ผมจึงขอลากลับ ในวันที่ ๒๕ (ถ้าจำไม่ผิด)
ในก่อนวันสุดท้ายที่ผมจะเดินทางกลับ ท่านพระอาจารย์ ธ. ได้พูดกับผมเบาๆว่า
" ให้คอยดูปรากฏการณ์ธรรมชาติ จากนี้ไปจะมีอุกาบาตถล่มโลก " ประโยคนี้ ท่านสมาชิกอย่าไปปรามาสพระท่านนะ จะเป็นบาปได้
ส่วนตัวผมคิดว่าท่านพระอาจารย์ ธ. คงจะตอกย้ำ ถึงแนวปฏิบัติหรือจะให้อุบายธรรม ว่าการตายเป็นของธรรมดา
หลังจากนั้น ก็จะสังเกตุบ่อยๆ ว่า จะเกิดอะไรไหม พอหลังปีใหม่ไม่นาน ต้นปี ๒๕๕๖
ข่าวก็ออกมาว่า มีอุกาบาต พุ่งใส่เมืองในรัสเซีย ทั้งภาพและเสียง ที่เห็น ตรงกับที่ท่าพระอาจารย์ ธ. บอกลายละเอียดไว้
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นประสบการณ์ เป็นพลังใจ ที่ทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา ว่าเกิดมาแล้วโชคดีมีวาสนา ได้เจอของจริง ที่ชาวพุทธ บางท่าน เชื่อว่า มีแค่ในตำนาน แต่งเรื่องให้หลงศรัทธา
-----------------
กิจวัตรของพระ ที่นี่ หลังฉันแล้ว ท่านจะทำขาบาตร ถักไม้กวาด บ่ายสอง ก็กวาดตาด บ่ายสาม ฉันน้ำปานะ ๑ ทุ่ม ทำวัตรเย็น แล้วแยกย้ายไปภาวนาต่อ เท่าที่เห็น จำวัดกัน ๔ - ๕ ทุ่ม ที่สำนักนี้ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ใช้โซล่าเซลล์ แต่ไฟที่ใช้เปิดเฉพาะศาลา ตามกุฎิใช้เทียน สำนักตั้งในแอ่งกระทะ ภูเขาล้อมรอบ ไม่มีสัญญานมือถือใดๆทั้งสิ้น
ผมได้มีโอกาสไปอุปฐากที่กุฎิของ พระอาจารย์ ธ. กุฎิของท่านอยู่ลึกลงไปในหุบเขาอีก ท่านไม่ใช้ไฟฉาย ทางเดินจงกรมของท่าน ไม่ใช้เทียน ท่านจะเดินมืดๆ แบบนั้น ที่น่าทึ่ง !!! คือ รอยเท้าบนทางเดินจงกรมที่เป็นดิน เป็นร่องลึกและเป็นเส้นตรงแน่ว สุดยอดจริงสำหรับผม
กิจวัตรที่เห็นคือ กลางวัน ท่านจะทำขาบาตร ใช้มือเหลา ไม่มีเครื่องไฟฟ้ามาผ่อนแรง ขาบาตรของท่านใช้ถึง ๔๐๐ ก้าน ช่วงเอวขาบาตร ของไม้แต่ละก้านที่ท่านเหลา เล็กกว่า บางกว่าไม้จิ้มฟันหลายเท่า ท่านสอนผมว่า การทำงานภายนอกยิ่งละเอียดได้เท่าไร สมาธิยิ่งดีเป็นเงาตามตัว
ขอเผยแพร่เป็นธรรมทาน
เรื่องไม่ลับ สำหรับผู้ปฏิบัติ.....ถึง
ลองย้อนไปอ่านในกระทู้ข้างบนก่อน แล้วค่อยอ่านในนี้ต่อ จะได้เข้าใจ
ผมเคยเดินทางไปปฏิบัติธรรม ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อปลายปี ๒๕๕๕ ไปอยู่ปฏิบัติมาเกือบ ๑ เดือนเต็ม เป็นสำนักเล็กๆ มีพระแค่ ๔ รูป คือ ท่านเจ้าอาวาส ท่านพระอาจารย์ ธ. และพระครูบาอีก ๒ รูป
ที่ได้ไปเพราะว่า แสวงหา ถามไถ่จากพระอาจารย์ที่นับถือทางจันทบุรี ว่าพอมีที่สัปปายะ + ครูอาจารย์ของจริงบ้างไหม ท่านฯเลยแนะนำที่นี่
อีกอย่าง ผมก็มักคุ้นกับพระครูบา ในกระทู้อยู่แล้ว จึงเดินทางไป ที่นั่นตั้งใกล้อุทธยานแห่งชาติ จึงมีสิงสาราสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะ เสือ ช้างเป็นโขลง ลิงกังตัวเท่าคน กระรอกดงใหญ่กว่าแมว เหมือนแมวเปอร์เซียล่ะ
ในระหว่างวันนี่ พระทั้ง ๔ กิจวัตร คือ ตื่นมาบำเพ็ญตั้งแต่ตี ๒ ถึง ตี ๕ เวลา ๖ โมงเช้า บิณฑบาตร ฉัน ๗.๓๐ น. ใช้เวลาฉันแค่ ๑๐ นาทีเองนะ ถึงเวลาเช็ดบาตร โดนแล้ว คือ ท่านพระอาจารย์ ธ. จะพูดขึ้นมาลอยๆ เรื่องการพูด การคิด การปฏิบัติ พูดเรื่องของทุกคน ยกเว้นเจ้าอาวาส แต่ท่านไม่เอ่ยชื่อน่ะ พระครูบา ทั้ง ๒ รูป รวมถึงผม จะรู้ในใจเองว่าเรื่องที่ท่านพูด ของเราหรือเปล่า
ผมจะโดนประจำ โดนจนน่วม โดนจนสติระลึกแต่พุทโธ ทั้งวี่ทั้งวัน ยิ่งวันที่ ๒๐ ที่อยู่มาได้นี่ ถ้าลองได้นั่งสมาธิแล้ว ลงฐานความสงบเร็วมาก แถมยังได้อุบายธรรมให้ยกจิตขึ้นเป็นวิปัสสนาด้วย หลังจากที่เคยติดในสมาธิอยู่นาน สภาพจิตตอนนั้น ชุ่มเย็น สุขุมลุ่มลึก อันนี้คือ มันรับรู้ภายในใจด้วยตัวเองได้เลย ปฏิบัติหน่อยเดียวก็ปิติแล้ว เห็นอะไรๆ เป็นธรรมะไปหมด เมื่อมาถึงจุดนี้ ผมจึงขอลากลับ ในวันที่ ๒๕ (ถ้าจำไม่ผิด)
ในก่อนวันสุดท้ายที่ผมจะเดินทางกลับ ท่านพระอาจารย์ ธ. ได้พูดกับผมเบาๆว่า
" ให้คอยดูปรากฏการณ์ธรรมชาติ จากนี้ไปจะมีอุกาบาตถล่มโลก " ประโยคนี้ ท่านสมาชิกอย่าไปปรามาสพระท่านนะ จะเป็นบาปได้
ส่วนตัวผมคิดว่าท่านพระอาจารย์ ธ. คงจะตอกย้ำ ถึงแนวปฏิบัติหรือจะให้อุบายธรรม ว่าการตายเป็นของธรรมดา
หลังจากนั้น ก็จะสังเกตุบ่อยๆ ว่า จะเกิดอะไรไหม พอหลังปีใหม่ไม่นาน ต้นปี ๒๕๕๖
ข่าวก็ออกมาว่า มีอุกาบาต พุ่งใส่เมืองในรัสเซีย ทั้งภาพและเสียง ที่เห็น ตรงกับที่ท่าพระอาจารย์ ธ. บอกลายละเอียดไว้
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นประสบการณ์ เป็นพลังใจ ที่ทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา ว่าเกิดมาแล้วโชคดีมีวาสนา ได้เจอของจริง ที่ชาวพุทธ บางท่าน เชื่อว่า มีแค่ในตำนาน แต่งเรื่องให้หลงศรัทธา
-----------------
กิจวัตรของพระ ที่นี่ หลังฉันแล้ว ท่านจะทำขาบาตร ถักไม้กวาด บ่ายสอง ก็กวาดตาด บ่ายสาม ฉันน้ำปานะ ๑ ทุ่ม ทำวัตรเย็น แล้วแยกย้ายไปภาวนาต่อ เท่าที่เห็น จำวัดกัน ๔ - ๕ ทุ่ม ที่สำนักนี้ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ใช้โซล่าเซลล์ แต่ไฟที่ใช้เปิดเฉพาะศาลา ตามกุฎิใช้เทียน สำนักตั้งในแอ่งกระทะ ภูเขาล้อมรอบ ไม่มีสัญญานมือถือใดๆทั้งสิ้น
ผมได้มีโอกาสไปอุปฐากที่กุฎิของ พระอาจารย์ ธ. กุฎิของท่านอยู่ลึกลงไปในหุบเขาอีก ท่านไม่ใช้ไฟฉาย ทางเดินจงกรมของท่าน ไม่ใช้เทียน ท่านจะเดินมืดๆ แบบนั้น ที่น่าทึ่ง !!! คือ รอยเท้าบนทางเดินจงกรมที่เป็นดิน เป็นร่องลึกและเป็นเส้นตรงแน่ว สุดยอดจริงสำหรับผม
กิจวัตรที่เห็นคือ กลางวัน ท่านจะทำขาบาตร ใช้มือเหลา ไม่มีเครื่องไฟฟ้ามาผ่อนแรง ขาบาตรของท่านใช้ถึง ๔๐๐ ก้าน ช่วงเอวขาบาตร ของไม้แต่ละก้านที่ท่านเหลา เล็กกว่า บางกว่าไม้จิ้มฟันหลายเท่า ท่านสอนผมว่า การทำงานภายนอกยิ่งละเอียดได้เท่าไร สมาธิยิ่งดีเป็นเงาตามตัว
ขอเผยแพร่เป็นธรรมทาน