สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ทวิตเตอร์กับเฟสบุ๊คสังคมมันไม่เหมือนกันครับ
ทวิตเตอร์เวลาทวีตมันไม่ได้คุยกับใคร เหมือนคุยกับตัวเอง
ปกติเวลาคุยกับตัวเองเราก็หยาบคายกับตัวเองอยู่แล้วครับ เหมือนเป็นที่ระบาย
บางทีเราระบายหยาบคายของเรา แต่มันโดนใจคนอื่น เขาก็รีกันไปเรื่อยๆ
แต่เวลาเมนชั่นหากัน คุยกับคนอื่น ผมก็ไม่เห็นเขาหยาบคายใส่กันนะ ก็คุยกันปกติ
ในทวิตเตอร์เขาอยู่กันแบบนี้ไม่เห็นใครมีปัญหาอะไร ผมว่ามันก็ดูจริงนะ แต่ไม่ได้บอกว่าคนสุภาพจะเฟคนะ
แน่นอนว่าคนที่ไม่หยาบก็มี แต่คนที่ดังๆ มีคนติดตามเยอะๆ ก็เพราะว่าเขาดูจริงไงครับ
ดูบ่นจริง หยาบจริง ชีวิตจริง ไม่ใช่วันๆเอาแต่พร่ำเพ้อ พูดภาษาดอกไม้
พวกไม่หยาบพวกนี้ก็จะมีแต่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ทวิตเตอร์ที่คุณเห็นก็เลยมีแต่อะไรหยาบๆ
โอเคนะ เราหยาบคายในโซเชียลไม่ได้แปลว่าจะไปด่าใครมั่วซั่ว เราหยาบกับตัวเรา ไม่ได้ด่าใคร
เวลาด่าใครเราไม่หยาบหรอกครับ เราแซะเนียนๆ แล้วเวลาคุยกับคนอื่น ผมว่าเรารู้กาลเทศะพอที่จะไม่หยาบคาย
ผมขอยกตัวอย่างละกัน
ผมทวีตบ่นๆหยาบๆ แล้วรุ่นน้องก็เมนชั่นมาคุย ผมก็คุยปกติ คือเราหยาบกับตัวเรา ไม่ได้หยาบกับคนอื่น
- โอ้ย ร้อนhereๆ ตัวกูจะไหม้แล้ว
--- เนอะ ร้อนมาก
- นั่นดิไอติมที่ซื้อมากินแปปเดียวก็ละลายหมดละ
--- ร้อนอย่างนี้ต้องไปห้าง
- เดินห้างยังร้อนเลยมั้งพี่ว่า
เวลาคุณเห็น คุณจะเห็นแค่ประโยคแรก คุณก็จะบอกว่าผมเป็นคนหยาบคาย
ซึ่งก็อาจจะใช่ แต่คนปกติใครๆก็หยาบกันทั้งนั้น ผมว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเราไม่ได้ไปด่าคนอื่น
ทวิตเตอร์เวลาทวีตมันไม่ได้คุยกับใคร เหมือนคุยกับตัวเอง
ปกติเวลาคุยกับตัวเองเราก็หยาบคายกับตัวเองอยู่แล้วครับ เหมือนเป็นที่ระบาย
บางทีเราระบายหยาบคายของเรา แต่มันโดนใจคนอื่น เขาก็รีกันไปเรื่อยๆ
แต่เวลาเมนชั่นหากัน คุยกับคนอื่น ผมก็ไม่เห็นเขาหยาบคายใส่กันนะ ก็คุยกันปกติ
ในทวิตเตอร์เขาอยู่กันแบบนี้ไม่เห็นใครมีปัญหาอะไร ผมว่ามันก็ดูจริงนะ แต่ไม่ได้บอกว่าคนสุภาพจะเฟคนะ
แน่นอนว่าคนที่ไม่หยาบก็มี แต่คนที่ดังๆ มีคนติดตามเยอะๆ ก็เพราะว่าเขาดูจริงไงครับ
ดูบ่นจริง หยาบจริง ชีวิตจริง ไม่ใช่วันๆเอาแต่พร่ำเพ้อ พูดภาษาดอกไม้
พวกไม่หยาบพวกนี้ก็จะมีแต่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ทวิตเตอร์ที่คุณเห็นก็เลยมีแต่อะไรหยาบๆ
โอเคนะ เราหยาบคายในโซเชียลไม่ได้แปลว่าจะไปด่าใครมั่วซั่ว เราหยาบกับตัวเรา ไม่ได้ด่าใคร
เวลาด่าใครเราไม่หยาบหรอกครับ เราแซะเนียนๆ แล้วเวลาคุยกับคนอื่น ผมว่าเรารู้กาลเทศะพอที่จะไม่หยาบคาย
ผมขอยกตัวอย่างละกัน
ผมทวีตบ่นๆหยาบๆ แล้วรุ่นน้องก็เมนชั่นมาคุย ผมก็คุยปกติ คือเราหยาบกับตัวเรา ไม่ได้หยาบกับคนอื่น
- โอ้ย ร้อนhereๆ ตัวกูจะไหม้แล้ว
--- เนอะ ร้อนมาก
- นั่นดิไอติมที่ซื้อมากินแปปเดียวก็ละลายหมดละ
--- ร้อนอย่างนี้ต้องไปห้าง
- เดินห้างยังร้อนเลยมั้งพี่ว่า
เวลาคุณเห็น คุณจะเห็นแค่ประโยคแรก คุณก็จะบอกว่าผมเป็นคนหยาบคาย
ซึ่งก็อาจจะใช่ แต่คนปกติใครๆก็หยาบกันทั้งนั้น ผมว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเราไม่ได้ไปด่าคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกเพลียกับคนบางคนในสังคม "ทวิตเตอร์"
ทุกท่านคงรู้จักสุภาษิตคำพังเพยกันใช่ไหมครับมันมีไว้เตือนสติคนและสอนใจคนแต่เดี๋ยวนี้สมัยนี้สังคมเปลี่ยนไปโลกหมุนไปเร็วเหลือเกิน ความดีงามถูกบิดเบือน ความเหมาะสมกลายเป็นความไม่เหมาะสม
และวันนี้ผมได้มีโอกาสเห็นข้อความที่แชร์กันมา
อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ ผมไม่ได้หัวโบราณนะแต่แค่ผมรู้สึกว่า คนพาลยังไงซะมันก็คือคนพาล สรรหาเหตุผลต่างๆนานามายกระดับตัวเองและที่น่าแปลกใจยิ่งกว่ามีเด็กๆเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วย ค่านิยมแบบนี้เลยถูกสืบทอดไป ประมาณว่า "ถึงกุจะดื่มเหล้าสูบบุหรี่เที่ยวกลางคืนเรียนไม่จบแล้วทำไม ? กุก็ไม่เคยเสแสร้งทอแหลใส่ใคร" ประมาณนี้ครับ คือเป็นอะไรที่เห็นและพบบ่อยมาก
อย่างอันนี้อีก
ไม่รู้สิครับ ผมมองว่า โอเคมันอาจไม่ใช่ทั้งหมดแต่ไอคนที่ทำทั้งหมดที่ว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดี ผมเกลียดมากที่มีการสร้างค่านิยมแบบนี้ขึ้น มันทำให้สังคมเรามองคนเรียบร้อยคนเรียนเก่งคนอยู่ในกรอบคนเชื่อฟังพ่อแม่ว่า "แอ๊บ" "เเรดเงียบ" "สร้างภาพ" บลาๆ
และมองคนที่มีภาพลักษณ์รุนแรงว่าดี เก่ง จริงใจ ไม่เสแสร้ง
(ไม่ได้ว่าคนที่มีภาพลักษณ์แรงทุกคนนะครับ)
และอีกประโยคสุดฮิตที่พบเห็นบ่อยๆ "เขาทำแบบนี้แล้วทำไมหนักหัวมิงหรอ จะทำอะไรก็เรื่องของเขา" "เขาเป็นแบบนี้แล้วทำไมยังไงเขาก็เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เขาได้ ทำได้อย่างเขาป้ะล่าา"
ครับมันเรื่องของคุณแต่การที่เราจะหวังให้ใครสักคนนึงมามองเราในทางที่ดีถาพลักษณ์เราก็ต้องดีด้วย ไม่ได้หมายความว่าให้มองคนแค่เปลือก !! แต่ครับบบบแต่ !! คนเราไม่มีตาทิพย์ำม่มีทางมองเห็นนิสัยคนอื่นจากการเดินสวนกันหรือส่องรูปในเฟสบุ๊ค ไอจีได้ ดังนั้นนะครับคุณสื่ออะไรออกมาในที่สาธารณะเขาก็จะมองคนไปในแบบนั้นเว้นแต่ว่าเขาจะได้มีโอกาสรู้จักมักจี่นิสัยของคุณ
แต่พอผมอ่านอันนี้มันเลยทำให้ผมยิ้มออก เพราะเด็กสมัยใหม่สังคมทวิตเตอร์ไม่ได้มีดีแค่ความหยาบคายอย่างเดียว
ผมกลัวเหลือเกินครับว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีตรรกะวิบัติประมาณว่า "เขาฆ่าคนตายแล้วไงมันก็เรื่องของเขา" กลัวจังครับ
ขอยกตัวอย่างดาราเพราะจะได้เห็นภาพได้ชัดๆ อย่างกรณีดาราติดยา ดาราทำผิดศีลธรรม ก็มักมีคนบอกว่า "เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ไปยุ่งอะไรด้วย" กลัวจริงๆครับ
ปล.ผมไม่ได้เหมารวมนะครับ ว่าคนในทวิตเตอร์จะถ่อยทุกคน คนต้องตั้งใจเลี้ยงลูกหลานให้ดีแล้วงานนี้ สู้ๆครับประเทศไทย