ย้อนไปเกือบจะสามสิบแล้วนี่กระมัง? ที่เฮียแอ๊ด คาราบาวร้องเพลง “ฮำเฮี้ยน” เนื้อหาเพลงประทับอกประทับใจคนทั้งประเทศไม่รู้ลืม ตีแผ่ความลำเค็ญของชีวิตชาวนาผ่านแนวเพลง “เพื่อชีวิต” สั่นสะเทือนไปถึงเก้าอี้พณ ท่านรัฐมนตรี เขา “ได้ใจ” คนแทบทั้งประเทศ มาวันนี้เห็นเฮียแกมาโหยหวนชวนให้คนไทยสงสารชาวโรงฮิงยา อืมมมมม์.....แล้วชาวนาไทยล่ะเฮีย?? ตะก่อนเห็นคร่ำครวญ(โกยเงินเข้ากระเป๋าจนตุง) ตอนนี้เฮียเอาไปทิ้งไว้ซะที่ไหน?? ตอนไทยโดนสึนามิไม่ทันข้ามอาทิตย์ เฮียก็สวมบท”สิงห์ปืนไว”ออกเพลงสินามิโกยเงินไปทีหนึ่งแล้วนะเฮียนะ? เงินขาดกระเป๋าหรือว่ายังไม่เต็มธนาคาร??
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้จะพยายามไม่เขียนแบบยาวๆ อาศัยตัดแปะเอาล่ะกัน....เอาชีวิตชาวนามาเล่าในสไตส์”ล้อมวงเล่าสู่กันฟัง”...ไล่ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงก่อนการเปลี่ยนแปลง๒๔๗๕ สถานะชาวนาไทยของชนชั้นล่างสุดในสมัยนั้นไล่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไม่น่าจะใช่อาชีพชาวนาแบบเต็มตัวสมัยนี้ เพราะไม่มี “บรรดาศักดิ์” ต้องอาศัยที่ดินของขุนนาง คหบดี คนชั้นสูงขึ้นไปทำนาเพื่อยังชีพ ที่อ้างข้างล่างนี้จากหนังสือ “ขุนนางอยุธยา”
ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ตอนกลางก็เกิดพ่อค้าข้าวขึ้น ซึ่งต่อมากลายเป็นมหาเศรษฐีของเมืองไทยหลายตระกูล อ้างจากหนังสือ “การปฏิวัติสยาม พศ.๒๔๗๕”
รายได้สมัยนั้นมากมายมหาศาล(แต่ทำไมชาวนาถึงยังจนอยู่เท่าทุกวันนี้??)ตราบเท่าทุกวันนี้ สมัยนั้นเงินเดือนของข้าราชที่ถือว่าสูงสุดคือสมเด็จพระกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระองค์รับเงินเดือนๆ ละ ๓,๒๐๐ บาท อ้างจากหนังสือ “การปฏิวัติสยาม พศ.๒๔๗๕”
ชาวนายังยากจน...เพราะพ่อค้าคนกลางรวมตัวกันตั้งสมาคมโรงสีไฟแห่งสยามแล้วกำหนดกดราคาข้าวจากชาวนาเอง ชาวนาก็ได้แต่ทำตาปริบ เพราะรัฐบาลเองก็น้ำท่วมปาก อิ อิ สมาคมโรงสีไฟ
จะเห็นว่าตระกูลมหาเศรษฐีเมืองไทยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ค้าขายข้าว แล้วต่อมาบางท่านก็อาศัยข้าวขยับขยายไปเป็นอย่างอื่น
หมายเหตุ:
ถ้าชอบกระทู้กด "ถูกใจ"ก็พอแล้วสำหรับผม อย่ากดโหวตนะครับ แบบว่ารับแต่กล่องไม่รับอิฐ 5555(โหวตขึ้นไปก็เป็นเป้าให้คนเขาสอย เปลืองตัวเปล่าๆ) แต่ถ้าเห็นว่าผมหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับคุณตระกองขวัญ จะ "หลงรัก" ก็ไม่ผิดกติกา อ่านแล้วเดินจากไปเฉยๆ ผมก็ไม่ผิดกติกา จะกดตรงข้ามอีโมที่เอ่ยถึงก็ไม่ว่ากัน สีทนได้!!
.....แอ๊ด คาราบาว ช่วยบอกทีอีกกี่ปีหรือกี่ชาติ"ชาวนาไทย"ถึงจะได้รับความยุติธรรม?....
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้จะพยายามไม่เขียนแบบยาวๆ อาศัยตัดแปะเอาล่ะกัน....เอาชีวิตชาวนามาเล่าในสไตส์”ล้อมวงเล่าสู่กันฟัง”...ไล่ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงก่อนการเปลี่ยนแปลง๒๔๗๕ สถานะชาวนาไทยของชนชั้นล่างสุดในสมัยนั้นไล่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไม่น่าจะใช่อาชีพชาวนาแบบเต็มตัวสมัยนี้ เพราะไม่มี “บรรดาศักดิ์” ต้องอาศัยที่ดินของขุนนาง คหบดี คนชั้นสูงขึ้นไปทำนาเพื่อยังชีพ ที่อ้างข้างล่างนี้จากหนังสือ “ขุนนางอยุธยา”
ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ตอนกลางก็เกิดพ่อค้าข้าวขึ้น ซึ่งต่อมากลายเป็นมหาเศรษฐีของเมืองไทยหลายตระกูล อ้างจากหนังสือ “การปฏิวัติสยาม พศ.๒๔๗๕”
รายได้สมัยนั้นมากมายมหาศาล(แต่ทำไมชาวนาถึงยังจนอยู่เท่าทุกวันนี้??)ตราบเท่าทุกวันนี้ สมัยนั้นเงินเดือนของข้าราชที่ถือว่าสูงสุดคือสมเด็จพระกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระองค์รับเงินเดือนๆ ละ ๓,๒๐๐ บาท อ้างจากหนังสือ “การปฏิวัติสยาม พศ.๒๔๗๕”
ชาวนายังยากจน...เพราะพ่อค้าคนกลางรวมตัวกันตั้งสมาคมโรงสีไฟแห่งสยามแล้วกำหนดกดราคาข้าวจากชาวนาเอง ชาวนาก็ได้แต่ทำตาปริบ เพราะรัฐบาลเองก็น้ำท่วมปาก อิ อิ สมาคมโรงสีไฟ
จะเห็นว่าตระกูลมหาเศรษฐีเมืองไทยส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ค้าขายข้าว แล้วต่อมาบางท่านก็อาศัยข้าวขยับขยายไปเป็นอย่างอื่น
หมายเหตุ: ถ้าชอบกระทู้กด "ถูกใจ"ก็พอแล้วสำหรับผม อย่ากดโหวตนะครับ แบบว่ารับแต่กล่องไม่รับอิฐ 5555(โหวตขึ้นไปก็เป็นเป้าให้คนเขาสอย เปลืองตัวเปล่าๆ) แต่ถ้าเห็นว่าผมหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับคุณตระกองขวัญ จะ "หลงรัก" ก็ไม่ผิดกติกา อ่านแล้วเดินจากไปเฉยๆ ผมก็ไม่ผิดกติกา จะกดตรงข้ามอีโมที่เอ่ยถึงก็ไม่ว่ากัน สีทนได้!!