โพสนี้ขอแชร์ประสบการณ์ เมื่อพฤษภาคมปี ๕๗ ได้มีโอกาสติดตามคณะสงฆ์ไทย ที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมงานไวสัก (งานวิสาขบูชา ภาษาอินโดนีเซีย จะออกเสียงเป็น ไวสัก)

ภาพงานเทศกาล วิสาขบูชา หรือ ไวสัก ที่จัดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมาไม่กี่วัน สถานที่จัดงานอยู่ในกรุงจาร์การ์ต้า งานวิสาขบูชาของชาวพุทธอินโดนีเซีย จะใช้เวลา ๑ เดือน เพื่อเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้ การนับช่วงระยะเวลาการจัดงาน wmt ยังไม่มีความรู้ว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ เพราะปีนี้ ตามของไทย วิสาขบูชา จะตรงกับ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘

ภาพนี้เป็นงานวิสาขบูชา ของชาวพุทธมาเลเซีย ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๕๘ ที่ผ่านมาเช่นกัน
หลังจากอยู่ร่วมงานกับคณะสงฆ์อินโดนีเซียแล้ว เจ้าภาพชาวอินโดได้จองตั๋วให้คณะสงฆ์ไทยเดินทางต่อไปชมพุทธสถาน บุโรพุทโธ ณ. เมืองย็อกย่า ใกล้กันกับบุโรพุทโธ มีภูเขาไฟแห่งหนึ่งที่ระเบิดเมื่อปี ๒๕๕๐ มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

บางจุด บางหมู่บ้าน คนตายยกหมู่บ้านก็มี คณะสงฆ์ไทยที่เดินทางกันวันนั้น มีท่านพระอาจารย์......ซึ่งเป็นพระไทยแต่ไปสร้างวัดมีลูกศิษย์มากมายในอินโดนีเซีย และอาสาเป็นไกด์พาพระไทยอีก ๖ รูป เดินทางขึ้นชมสถานที่ที่ถูกเถ้าถ่านธารลาวาไหลเหมือนสายน้ำ อันเชี่ยวกรากร้อนระอุ เผาผลาญกลืนชีวิตผู้คนไป

ภาพนี้ ปัจจุบันกลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวของชุมชน โดยให้นักท่องเที่ยวเช่ารถจี๊ป แล้วมีคนขับพานั่งชมเส้นทาง ที่ครั้งหนึ่ง ธารลาวาได้ไหลลงมาทางนี้ และกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ของชาวบ้านบางส่วน ที่เข้ามาขุดเอาหินภูเขาไฟ นำไปส่งร้านรับซื้อเพื่อแกะสลักเป็นศิลปกรรมต่างๆ เช่น พระพุทธรูป เจดีย์บุโรพุทโธ
เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิว เอ่อ น่าจะเป็นจุดชมความพินาศที่ธรรมชาติทำลายมากกว่า จากจุดนี้ หันหลังมองย้อนลงเขาไป จะมองเห็นเมืองย๊อกย่าได้ทั้งเมือง เหมือนกับเมืองที่ตั้งอยู่นั้นอยู่ในแอ่งกระทะขนาดมหึมา
ในช่วงที่ยืนกันอยู่นั้น ท่านพระอาจารย์ได้นิมนต์พระทุกรูปไปยืนเรียงหน้ากระดาน ที่ด้านหน้าของท่านยังปรากฏร่องรอยธารลาวาไหลบ่าลงมาจากยอดเขาเมอราปี ขุนเขาพยายมแห่งเมืองย๊อกย่า ภูเขาไฟเมอราปี สูงมาก สูงจนเสียดท้องฟ้า เมฆนภาปกคลุมยอดเขาอยู่ลิบๆ
ท่านพระอาจารย์ผู้นำ ได้กล่าวว่า จิตวิญญานที่ตายเป็นจำนวนมาก ณ. ภูเขาไฟลูกนี้ ยังไม่ไปไหน ยังอยู่เพราะผีเหล่านี้นั้นยังมาปรากฏกาย ให้เหล่าชาวบ้านที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น ได้ประหวั่นพรั่นพรึงเสมอ

ที่ท่านพระอาจารย์ท่านรู้ได้ เพราะท่านสนทนากับคนที่นั่นด้วยภาษาอินโดอันคล่องแคล่ว ท่านจึงชวนหมู่คณะของท่านให้สวดมนต์ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๙ จบ

ภาพนี้ เลยสุดเนินขึ้นไปอีกราว ๓๐ เมตร คือจุดที่คณะสงฆ์ไทยยืนสวดแผ่เมตตา
ในขณะที่ก่อนเริ่มสวด ท้องฟ้าแดดร้อนเปรี้ยง แต่พอเริ่มสวดแค่นั้นเอง กลับปรากฏเหตุแปลก ที่อยู่ดีๆ เมฆที่กระจัดกระจายเต็มฟ้า ได้ลอยกันมารวมเหนือคณะสงฆ์ไทยทันที พร้อมกับมีสายลมเย็นๆ พัดผ่านให้คลายร้อน พอถึงบทสวดแผ่เมตตา กลายเป็นละอองฝนเล็กๆ โปรยปราย
ท่านฯ พระอาจารย์บอกว่า เหล่าภูมิธรรมชั้นสูงได้มาร่วมอนุโมทนาในการเจริญพุทธคุณ ให้กับเหล่าผี วิญญานที่ไม่เคยได้รับบุญจากที่ไหน จากใครเลย จึงปรากฏการณ์นี้ขึ้น
หมายเหตุ หมู่บ้านที่ wmt และคณะสงฆ์ขึ้นไปดู ทางการยังคงสภาพไว้เหมือนเดิม เถ้าถ่านภูเขาไฟ ยังปกคลุมอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ รถมอเตอร์ไซด์ ทีวี ตู้เย็น ยังอยู่แต่อยู่ในสภาพที่หลอมละลายด้วยพลังไฟบรรลัยจากลาวา
เผยแผ่เรื่องนี้เป็นธรรมทาน

ภาพนี้คือ การทำความสะอาด บริเวณ บุโรพุทโธ หลังจากภูเขาไฟ เมอราปี ระเบิดแล้ว
เครดิตภาพ ประกอบบทความจากเน็ตนะครับ จำเว็บไซด์ที่มาของภาพไม่ได้ เป็นเว็บข่าวของอินโด ถ้าภาพไหนไม่ใช่ที่เกี่ยวกันกับกระทู้ ขออภัยด้วย) ส่วนภาพวันที่ไปนั้น อยู่ในคอมอีกเครื่องหนึ่ง
---------------
มาเพิ่มข้อมูลให้ครับ คนจีนพุทธอินโดนีเซีย จะนับถือพระไทยมากกว่า พระอินโด น่าจะมาจากสัดส่วนที่ พระสงฆ์ไทยมีพรรษามาก เป็นครูอาจารย์เยอะ หมายถึง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน คนจีนพุทธจะให้การยอมนับ และ ศรัทธามากกว่า พระอินโด
ปัจจุบันพระอินโด ยังมีจำนวนไม่มาก แต่ก็ถือว่า มากกว่าสมัย ๑๐ ปีที่แล้วที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า หนุ่มๆชาวอินโดผู้ที่เข้ามาบวชเริ่มมีมากขึ้น และเป็นเถรวาทแท้ๆด้วย เพราะการบวชพระ ต้องเดินทางมาบวชที่ไทย มาอยู่เรียนภาษาไทย เรียนบาลี เรียนนักธรรมตรี โท เอก และที่สำคัญที่สุด ก่อนที่จะได้บวชพระ
ทุกคนต้องบวชเณรมาก่อน ขั้นต่ำสุด ๒ ปี เอาว่าไว้แค่นี้ครับ ถ้ามีโอกาส wmt จะสาธยาย ทำไมพุทธเถรวาท จึงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เบียดทุกนิกาย เช่น มหายาน ที่ฝังรากลึกทั้งแนวคำสอนและอภิมหากำลังทรัพย์ ขึ้นมายืนแถวหน้าได้อย่างสง่างาม น่าเคารพ น่าเลื่อมใส เป็นอานิสงส์บุญ ที่ชาวพุทธอินโดนีเซียได้อย่างอัศจรรย์ !!!
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม ครับ
พระไทย ไปแผ่เมตตาให้ผีอินโด
ภาพงานเทศกาล วิสาขบูชา หรือ ไวสัก ที่จัดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมาไม่กี่วัน สถานที่จัดงานอยู่ในกรุงจาร์การ์ต้า งานวิสาขบูชาของชาวพุทธอินโดนีเซีย จะใช้เวลา ๑ เดือน เพื่อเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้ การนับช่วงระยะเวลาการจัดงาน wmt ยังไม่มีความรู้ว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ เพราะปีนี้ ตามของไทย วิสาขบูชา จะตรงกับ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๘
ภาพนี้เป็นงานวิสาขบูชา ของชาวพุทธมาเลเซีย ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๕๘ ที่ผ่านมาเช่นกัน
หลังจากอยู่ร่วมงานกับคณะสงฆ์อินโดนีเซียแล้ว เจ้าภาพชาวอินโดได้จองตั๋วให้คณะสงฆ์ไทยเดินทางต่อไปชมพุทธสถาน บุโรพุทโธ ณ. เมืองย็อกย่า ใกล้กันกับบุโรพุทโธ มีภูเขาไฟแห่งหนึ่งที่ระเบิดเมื่อปี ๒๕๕๐ มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
บางจุด บางหมู่บ้าน คนตายยกหมู่บ้านก็มี คณะสงฆ์ไทยที่เดินทางกันวันนั้น มีท่านพระอาจารย์......ซึ่งเป็นพระไทยแต่ไปสร้างวัดมีลูกศิษย์มากมายในอินโดนีเซีย และอาสาเป็นไกด์พาพระไทยอีก ๖ รูป เดินทางขึ้นชมสถานที่ที่ถูกเถ้าถ่านธารลาวาไหลเหมือนสายน้ำ อันเชี่ยวกรากร้อนระอุ เผาผลาญกลืนชีวิตผู้คนไป
ภาพนี้ ปัจจุบันกลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวของชุมชน โดยให้นักท่องเที่ยวเช่ารถจี๊ป แล้วมีคนขับพานั่งชมเส้นทาง ที่ครั้งหนึ่ง ธารลาวาได้ไหลลงมาทางนี้ และกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ของชาวบ้านบางส่วน ที่เข้ามาขุดเอาหินภูเขาไฟ นำไปส่งร้านรับซื้อเพื่อแกะสลักเป็นศิลปกรรมต่างๆ เช่น พระพุทธรูป เจดีย์บุโรพุทโธ
เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิว เอ่อ น่าจะเป็นจุดชมความพินาศที่ธรรมชาติทำลายมากกว่า จากจุดนี้ หันหลังมองย้อนลงเขาไป จะมองเห็นเมืองย๊อกย่าได้ทั้งเมือง เหมือนกับเมืองที่ตั้งอยู่นั้นอยู่ในแอ่งกระทะขนาดมหึมา
ในช่วงที่ยืนกันอยู่นั้น ท่านพระอาจารย์ได้นิมนต์พระทุกรูปไปยืนเรียงหน้ากระดาน ที่ด้านหน้าของท่านยังปรากฏร่องรอยธารลาวาไหลบ่าลงมาจากยอดเขาเมอราปี ขุนเขาพยายมแห่งเมืองย๊อกย่า ภูเขาไฟเมอราปี สูงมาก สูงจนเสียดท้องฟ้า เมฆนภาปกคลุมยอดเขาอยู่ลิบๆ
ท่านพระอาจารย์ผู้นำ ได้กล่าวว่า จิตวิญญานที่ตายเป็นจำนวนมาก ณ. ภูเขาไฟลูกนี้ ยังไม่ไปไหน ยังอยู่เพราะผีเหล่านี้นั้นยังมาปรากฏกาย ให้เหล่าชาวบ้านที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น ได้ประหวั่นพรั่นพรึงเสมอ
ที่ท่านพระอาจารย์ท่านรู้ได้ เพราะท่านสนทนากับคนที่นั่นด้วยภาษาอินโดอันคล่องแคล่ว ท่านจึงชวนหมู่คณะของท่านให้สวดมนต์ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๙ จบ
ภาพนี้ เลยสุดเนินขึ้นไปอีกราว ๓๐ เมตร คือจุดที่คณะสงฆ์ไทยยืนสวดแผ่เมตตา
ในขณะที่ก่อนเริ่มสวด ท้องฟ้าแดดร้อนเปรี้ยง แต่พอเริ่มสวดแค่นั้นเอง กลับปรากฏเหตุแปลก ที่อยู่ดีๆ เมฆที่กระจัดกระจายเต็มฟ้า ได้ลอยกันมารวมเหนือคณะสงฆ์ไทยทันที พร้อมกับมีสายลมเย็นๆ พัดผ่านให้คลายร้อน พอถึงบทสวดแผ่เมตตา กลายเป็นละอองฝนเล็กๆ โปรยปราย
ท่านฯ พระอาจารย์บอกว่า เหล่าภูมิธรรมชั้นสูงได้มาร่วมอนุโมทนาในการเจริญพุทธคุณ ให้กับเหล่าผี วิญญานที่ไม่เคยได้รับบุญจากที่ไหน จากใครเลย จึงปรากฏการณ์นี้ขึ้น
หมายเหตุ หมู่บ้านที่ wmt และคณะสงฆ์ขึ้นไปดู ทางการยังคงสภาพไว้เหมือนเดิม เถ้าถ่านภูเขาไฟ ยังปกคลุมอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ รถมอเตอร์ไซด์ ทีวี ตู้เย็น ยังอยู่แต่อยู่ในสภาพที่หลอมละลายด้วยพลังไฟบรรลัยจากลาวา
เผยแผ่เรื่องนี้เป็นธรรมทาน
ภาพนี้คือ การทำความสะอาด บริเวณ บุโรพุทโธ หลังจากภูเขาไฟ เมอราปี ระเบิดแล้ว
เครดิตภาพ ประกอบบทความจากเน็ตนะครับ จำเว็บไซด์ที่มาของภาพไม่ได้ เป็นเว็บข่าวของอินโด ถ้าภาพไหนไม่ใช่ที่เกี่ยวกันกับกระทู้ ขออภัยด้วย) ส่วนภาพวันที่ไปนั้น อยู่ในคอมอีกเครื่องหนึ่ง
---------------
มาเพิ่มข้อมูลให้ครับ คนจีนพุทธอินโดนีเซีย จะนับถือพระไทยมากกว่า พระอินโด น่าจะมาจากสัดส่วนที่ พระสงฆ์ไทยมีพรรษามาก เป็นครูอาจารย์เยอะ หมายถึง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน คนจีนพุทธจะให้การยอมนับ และ ศรัทธามากกว่า พระอินโด
ปัจจุบันพระอินโด ยังมีจำนวนไม่มาก แต่ก็ถือว่า มากกว่าสมัย ๑๐ ปีที่แล้วที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า หนุ่มๆชาวอินโดผู้ที่เข้ามาบวชเริ่มมีมากขึ้น และเป็นเถรวาทแท้ๆด้วย เพราะการบวชพระ ต้องเดินทางมาบวชที่ไทย มาอยู่เรียนภาษาไทย เรียนบาลี เรียนนักธรรมตรี โท เอก และที่สำคัญที่สุด ก่อนที่จะได้บวชพระ
ทุกคนต้องบวชเณรมาก่อน ขั้นต่ำสุด ๒ ปี เอาว่าไว้แค่นี้ครับ ถ้ามีโอกาส wmt จะสาธยาย ทำไมพุทธเถรวาท จึงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เบียดทุกนิกาย เช่น มหายาน ที่ฝังรากลึกทั้งแนวคำสอนและอภิมหากำลังทรัพย์ ขึ้นมายืนแถวหน้าได้อย่างสง่างาม น่าเคารพ น่าเลื่อมใส เป็นอานิสงส์บุญ ที่ชาวพุทธอินโดนีเซียได้อย่างอัศจรรย์ !!!
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม ครับ