[Tran] บทความ ทีมโค้ชผู้ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง by Grup 14

ก่อนอื่นที่เราคิดจะแปลบทความนี่เนื่องจาก การที่เราสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างในฤดูกาลนี้ของบาร์ซ่าค่ะ
เคยหาบทความเกี่ยวกับทีมงานของเอ็นริเก้ ชุดนี้ก็มีแค่เพียงสั้นๆ จนในที่สุด บล็อก Grup 14 ก็ได้เขียนไว้พอดีเราก็เลยแปลส่วนแนะนำผลงานและความสำคัญของทีมงานของเอ็นริเก้ เพื่อเป็นการให้เครดิต สำหรับผลงานที่ดีของพวกเขาในฤดูกาลนี้ค่ะ เนื้อหาส่วนเกริ่นเราขอตัดไปบางส่วนนะคะ ^^



ทีมงานของหลุยส์ เอ็นริเก้
(จากซ้ายไปขวา) โฆเซ่ ราม่อน เด ลา ฟรวนเต้(โค้ชผู้รักษาประตู), ราฟา พอล(นักกายภาพ, ฟิตเนส โค้ช), ฆวน คาร์ลอส อุนซุเอ้(ผู้ช่วยโค้ช), หลุยส์ เอ็นริเก้(ผู้จัดการทีม, หัวหน้าผู้ฝึกสอน), โรแบร์โต้ โมเรโน่(ผู้ช่วยโค้ชคนที่สอง), ฆวน บาร์บาร่า มาต้า (โค้ชเสริม), ฆัวกิน บัลเดส(นักจิตวิทยา)

หลุยส์ เอ็นริเก้ (ผู้จัดการทีม, หัวหน้าผู้ฝึกสอน)


การตัดสินใจของบาร์เซโลน่าที่จะจ้างหลุยส์ เอ็นริเก้ “กัปตันคนสุดท้ายของบาร์ซ่า ก่อนที่จะมาเป็นการ์เลส ปูโยลที่พึ่งรีไทร์ไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เอ็นริเก้เป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวหลักในกองกลางและเกมส์รุก เอ็นริเก้ได้รับหน้าที่แทน โจเซป กวาดิโอล่าในการจัดการทีมบาร์ซ่า เบในเดือน มิถุนายน ปี2008

เอ็นริเก้ประสบความสำเร็จกับเหล่าเยาวชนที่มีความสามารถและเลื่อนขั้นขึ้นเซกุนด้าดิวิชั่น และจบด้วยผลงานพาทีมคว้าอันดับที่3ในฤดูกาล2010/11 เป็นอันดับที่สูงสุดของทีมในประวัติศาสตร์อีกด้วย หลังจากหมดสัญญากับบาร์ซ่าเบ ลูโช่ได้เซ็นสัญญากับ โรม่า ในเดือนมิถุนายน ปี 2011 ประสบการณ์ครั้งนั้นไม่สำเร็จอย่างที่คิด แต่นั้นก็ช่วยทำให้ลูโช่ได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความกดดันในการคุมทีมชุดใหญ่และเป็นการทดสอบความคิดของเขา. และต่อมาเขาก็ถูกว่าจ้างให้เป็นโค้ชอย่างเป็นทางการของทีม เซลต้า บีโก้ ในเดือน มิถุนายน ปี2013 และช่วยทีมจากแคว้นกาลิเซียจบผลงานด้วยอันดับที่ 8 นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีของเขาและของเซลต้า บีโก้

เขาเซ็นสัญญากับบาร์เซโลน่า ในเดือนพฤษภาคม ปี2014 แต่เหมือนหมึกยังไม่ทันแห้งดีคำถามเกี่ยวกับความสามารถของเขาก็ได้ปรากฏขึ้น ‘เขาดีพอที่จะเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดหรือไม่?’ หรือ ‘เขาสามารถที่จะสามารถจัดการกับความกดดันสำหรับการเป็นเฮดโค้ขของบาร์เซโลน่าได้หรือไม่’ นี่คือสิ่งที่เหล่ากูเล่ส์สงสัย

บางคำถามเหล่านี่ถูกตอบด้วยตัวของลูโช่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายฤดูกาลไม่เพียงแค่เขาสามารถที่จะจัดการทีมได้เขายังสามารถไปได้อย่างสวยสดงามงามในสีเสื้อของเบลากราน่า ร่วมทั้งการทำลายสถิติพร้อมกับการปรับปรุงช่องโหว่บางอย่างของทีม ”

ลูโช่ได้แสดงว่าบาร์ซ่าของเขาเป็นอย่างไร : “หนึ่งในนั้นคือการกดดันทีมตรงข้ามอย่างหนักแน่น โดยฤดูกาลนี้ทีมได้ทำไปแล้วถึง 11 ประตูจากการเล่นเคาท์เตอร์แอคแทค นอกจากนั้นยังเป็นความแข็งแกร่งของทีมในเกมส์รับ โดยเสียประตูไป 29 ประตูจาก 53เกมส์ และ คลีนชีตถึง 30 เกมส์ในทุกรายการ โดยทำลายสถิติของซีซั่น 2011/2012 นอกจากนี้ลูโช่ยังได้แก้ไขทีมในด้านเซ็ตพีซ ทั้งด้านการป้องกันและด้านการทำประตู”

แต่ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้ทำด้วยตัวคนเดียวเองทั้งหมด เขายังมีผู้ชายอีก6คนอยู่เบื้องหลังเขา ในการเปลี่ยนทุกอย่าง ทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจของเกมส์  พวกเขาคือ ฆวน คาร์ลอส อุนซุเอ้ (ผู้ช่วยโค้ช) ราฟา พอล (นักกายภาพ ฟิตเนสโค้ช)  ฆัวกิน บัลเดส (นักจิตวิทยา)  ฆวน บาบาร์ร่า (โค้ชเสริม) โรแบร์โต้ โมเรโน่ (ผู้ช่วยโค้ชที่สอง) โฆเซ่ ราม่อน เด ลา ฟรวนเต้ (โค้ชผู้รักษาประตู) ชื่อของพวกเขาเหล่านี้ อาจจะไม่คุ้นหูนัก  แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังทำผลงานที่ดีเยี่ยมในหลายๆทาง และนี้เป็นการให้เครดิตเพื่อตระหนักการทำงานหนักของพวกเขาเหล่านี้

ฆวน คาร์ลอส อุนซุเอ้ (ผู้ช่วยโค้ช)


อุนซุเอ้เริ่มต้นอาชีพผู้รักษาประตูของเขาที่โอซาซูน่าในปี 1986 จากนั้นเขาก็เดินไปที่บาร์เซโลนาและอยู่กับบาร์ซ่าเพียงแค่2ปี (1988-1990) หลังจากนั้นเขาก็ไปอยู่กับทีมเซบีย่า โดยลงไปทั้งหมดถึง 300เกมส์ ในช่วงท้ายอาชีพของเขา อุนซุเอ้ได้ไปเฝ้าประตูให้กับ เตเนริเฟ่  และกลับไปโอซาซูน่าอีกครั้ง ก่อนที่จะรีไทร์ในปี 2003 อุนซุเอ้นั้น เขาเป็นผู้รักษาประตูที่สมบูรณ์แบบด้วยความคล่องตัวที่โดดเด่นและตอบสนอง

ประสบการณ์คุมทีมของอุนซุเอ้นั้น เขาเคยเป็นเฮดโค้ชทีม นูมานเซีย ทีมในเซกุนด้า ดิวิชั่นในฤดูกาล2010/11 และจบด้วยอันดับที่ 10 ต่อมาเขาได้ถูกเพื่อนสนิทของเขา นั้นก็คือ หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้ชักชวนมาเป็นผู้ช่วยโค้ชคุมทีม เซลต้า บีโก้ ก่อนที่เขาจะตามหลุยส์ เอ็นริเก้มาทำงานในบาร์เซโลน่า



อุนซุเอ้นั้นเป็นกุญแจสำคัญของการเล่นเซ็ตพีซ มีครั้งนึงเมื่อนักข่าวได้สัมภาษณ์ เอ็นริเก้ และถามคำถามว่า “ที่บาร์ซ่านั้นทำประตูจากลูกเซ็ตพีซได้ มาจาก แท็กติก หรือโชคช่วย” เอ็นริเก้ก็ได้ตอบกับนักข่าวว่า “อุนซุเอ้ เขาทำผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยม”

นี่ไม่ได้มาจากปากของลูโช่เพียงเท่านั้น แต่ผลงานที่อุนซุเอ้ทำนั้น ยังขึ้นเป็นสถิติที่น่าทึ่งจากการทำประตูจากลูกเซ็ตพีซ 19 ลูกในฤดูกาลนี้   รวมทั้งประตูที่เฌเรมี่ มาติเยอทำและพาทีมชนะ เรอัล มาดริด และ เซลต้า บีโก้ ก็มาจากการทำประตูจากลูกเซ็ตพีซ

โรแบร์โต้ โมเรโน่ (ผู้ช่วยโค้ชคนที่ 2)


ในขณะที่อุนซุเอ้ได้ทำงานของเขาอย่างยอดเยี่ยมนั้น นี่คือโอกาสที่เราจะสามารถให้เครดิตแก่เขาทั้งสอง ในทีมฟุตบอลนั้นฟิตเนสโค้ชนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมาก และบาร์เซโลน่าก็โชคดีที่มีสุดยอดทั้งสองของสาขานี้ นั้นก็คือ ราฟา พอล และ ผู้ช่วยโค้ช โรแบร์โต้ โมเรโน่นั้นเอง
เขานั้นได้เข้ามาช่วยลูโช่ตั้งแต่ตอนที่ลูโช่คุมบาร์ซ่า เบ โมเรโน่และเอ็นริเก้นั้นต่างก็มีประวัติที่ดี เขาได้พบกับหลุยส์ เอ็นริเก้ในระหว่างที่เขาร่วมกันคุมบาร์ซ่า เบ ด้วยกัน ทั้งคู่มีมิตรภาพที่ดีต่อกันและตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่ได้แยกออกไปทำงานที่ต่างกันอีกเลย

ชายอายุ 37 ปีคนนี้ เป็นผู้บุกเบิกในสเปนด้านการสืบคู่แข่งและวิเคราะห์จากทางวิดีโอ การวิเคราะห์ของเขานั้นเป็นฐานสำหรับการตัดสินใจในแผนของเกมส์ถัดไป และเป็นคนเลือกผู้เล่นที่เหมาะสมและต้องการในเกมส์นั้นๆ คนสนิทของเขาบอกว่าตอนที่เขาดูวิเคราะห์นั้นเขาจะดูจนชัวร์ถึงแม้มันจะเป็นปัญหาที่ยุ่งยากก็ตาม

เขากับราฟา พอลนั้นร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Futbol de Libro (FDL) เป็นเว็บไซต์ที่โค้ชเผยความรู้เกี่ยวกับเกมส์ และเขายังได้ออกหนังสือที่มี 272หน้า ชื่อว่า Mi “receta” del 4-4-2 : reflexión, desarrollo y aplicación de un modelo de este sistema (สูตรการใช้ 4-4-2 ของฉัน : ภาพสะท้อนการพัฒนาและการประยุกต์ใช้รูปแบบระบบนี้) นี่คือหนังสือเล่มแรกของเขา นี่คือหนังสือเล่มแรกของเขาในการนำเสนอวิสัยทัศน์ของระบบการเล่น 4-4-2 และวิธีการพัฒนาระบบฟุตบอลอื่น ๆ



หลายๆคนที่พูดถึงโมเรโน่นั้น มักจะบอกว่า เขาเป็นคนที่มีน้ำใจมากและมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ทุกวันโดยที่เขาไม่ได้ปิดกั้น ความสงบ ความช่างพูดช่างจาของเขา ความสุขุมหรือการหลีกเลี่ยงในการให้สัมภาษณ์นั้น มาจากการที่เขาชอบเรื่องจิตวิทยานั้นเอง.

ราฟา พอล (นักกายภาพ ฟิตเนสโค้ช)



พอลนั้นเป็นพวกเนิร์ดตอนที่เขาเรียนนั้นเขาได้เรียนกับอาจารย์ฟรานซิสโก้ในสถาบันกายภาพแห่งชาติ หรือ INFEF ซึ่งอาจารย์ฟานซิสโก้นั้น ก็ทำงานให้กับบาร์ซ่าในยุคของเป๊ป กวาดิโอล่านั้นเอง เช่นเดียวกับพอลเขาเดินตามทางอาจารย์ของเขาในการทำงาน แท้จริงแล้วอาจารย์ฟรานซิสโก้นั้นเห็นคุณภาพที่แท้จริงของพอล นั้นทำให้เขาเห็นข้อแตกต่างระหว่างเขาและลูกศิษย์



ราเฟล พอล (มีสองชื่อคือ ราฟา กับ ราเฟล) เริ่มทำงานกับเลบันเต้ และ ลาส พัลมาส ตอนที่เขาเริ่มทำงานกับหลุยส์ เอ็นริเก้นั้นเขาอายุเพียงแค่ 24 ปี เขาตามหลุยส์ เอ็นริเก้ มาตั้งแต่ โรม่า เซลต้า บีโก้ ยันปัจจุบัน คือ บาร์เซโลน่า

ราฟา พอล มีประวัติที่น่าสนใจ ชายหนุ่มอายุ28ปีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ของกิจกรรมการออกกำลังกายกีฬาจาก INEF และปริญญาโทในการป้องกันและการฟื้นฟูสมรรถภาพของการบาดเจ็บในกีฬาฟุตบอลจากมหาวิทยาลัย Castilla La Mancha

ในเหล่าโค้ชนั้น โมเรโน่ไม่ได้ออกหนังสือเพียงแค่คนเดียว พอลเองก็เช่นกัน เขาได้เขียนหนังสือเช่นกันกับโมเรโน่ พอลและโมเรโน่เจอกันเมื่อปี 2011 และ พอลได้ส่งหนังสือ La preparación ¿física? en el fútbol (การเตรียมความพร้อมทางกายภาพในฟุตบอล)ให้โมเรโน่ และนั้นเองทำให้เขาทั้งสองได้เปิดเว็บ Futbol de Libro.
ด้านหนึ่งที่สำคัญของฟิตเนสโค้ชนั้นต้องที่จะระมัดระวังมากในการฟื้นตัวของนักเตะเนื่องจากเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่  การฟื้นสภาพความฟิตของนักเตะนั้นจะทำหลังจากการแข่งขันวันนึง สิ่งเหล่านี้นั้นสำคัญมาก เพราะว่า นี่คือสโมสรบาร์เซโลน่า ที่มีเกมส์เกือบทุก 3วันเป็นเวลา 8-9เดือน  นักเตะจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูร่างกายให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมแก่การลงเล่น 90นาทีตลอดเวลา



ราฟานั้นเองใจใส่ในนักเตะและทำให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดของฟิตเนสโค้ช เกี่ยวกับการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น ความเข้มข้นในการฝึกนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในเกมส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3ปีที่ผ่านมา ราฟารู้ และเขาได้พูดว่า “การฝึกซ้อมจำเป็นที่จะต้องเหมือนการแข่งขัน มิฉะนั้น การแข่งขันจะกลายเป็นการฝึกซ้อมเราแทน”

ปรัชญาของพอลนั้นถูกสรุปไว้ได้ดังนี้ “วิธีฝึกซ้อมที่ดีคือการเล่นฟุตบอล และ ไม่ฝึกแบบสวนทางด้านกายภาพ” ซึ่งเป็นไปตามหลักพื้นฐานของ อาจารย์ ฟรานซิสโก้ ที่ว่า “การเตรียมความพร้อมของเกมด้วยการทำสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นในเกมนั้นคือสิ่งที่ไร้สาระ”

นี่คือสิ่งที่น่าสังเกต ว่าในฤดูกาลนี้นักเตะของบาร์เซโลน่านั้น มีตัวนักเตะที่เจ็บน้อยลง และมีผู้เล่นที่พร้อมสำหรับเกมส์ตลอดเวลายิ่งเฉพาะช่วงสำคัญของซีซั่นนี่เป็นสิ่งที่เหล่าแฟนๆเรียกร้องมาตลอด นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทั้งการโรเตชั่นของลูโช่และผลงานทางกายภาพที่เป็นปัจจัยสำคัญให้เหล่าเบลากราน่าได้มาถึงช่วงสุดท้ายได้อย่างดีที่สุด.

ฆวน บาร์บาร่า (โค้ชเสริม)



ฆวน บาร์บาร่า มาต้า ได้รีไทร์จากตำแหน่งกองหน้า และปัจจุบันได้ทำงานเป็นโค้ชผู้ช่วยเสริมให้กับสโมสรบาร์เซโลน่า ในตอนที่เล่นเป็นนักเตะอาชีพนั้น บาร์บาร่าเล่นในทีมลีกที่ต่ำกว่าเซกุด้าเบดิวิชั่น(ลีก3) ที่ซาบาเดล เขาได้เล่นให้กับสโมสรเป็นเวลา 8 ปี ลงไปทั้งหมด 200 นัด และ ในสโมสร ซาลามังกา เป็นเวลา 7ปี ลงไป 180 แมตช์
งานการเป็นโค้ชของเขานั้นเริ่มต้นในปี 2008 กับการเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับบาร์เซโลน่า เบ ร่วมกับ ยูเซบิโอ (อดีตโค้ชทีมเบ) ในปี 2014 เขาออกจากมินิเอสตาดี้มายังคัมป์นูว์ ในฐานะโค้ชผู้ช่วยเสริม งานของเขาคือการช่วยโค้ชคนอื่นๆ ให้ไปในทางที่ดีที่สุดทั้งการฝึกซ้อมและระหว่างการแข่งขัน  บาร์บาร่ารู้จักหลุยส์ เอ็นริเก้มาตั้งแต่สมัยที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ยังทำงานอยู่ ทีมเบ และสิ่งที่เขาได้รับการยกย่องก็คือการสังเกตจุดอ่อน และ ข้อมูลเขิงลึกของทีมฝั่งตรงข้ามนั้นเอง

หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลนี้ที่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงด้านกลยุทธ์ที่แตกต่างกันระหว่างเกม สังเกตได้ว่า อุนซุเอ้มักจะใส่หูฟังระหว่างเกมส์ และมีโมเรโน่และบาร์บาร่าที่คอยสังเกตเกมส์ และรายผลให้อุนซุเอ้ได้ฟังและให้เขาบอกกับหลุยส์ เอ็นริเก้ เพื่อเป็นการตัดสินใจอย่างเหมาะสม .

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่