หนูอายุยังไม่ถึง 20 นะคะ มีเรื่องอยากแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆ พี่ๆ ลุงป้าน้าอา ชาวพันทิป กระทู้นี้เป้นกระทู้แรกที่ตั้ง มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ
1.ทำไมเดี๋ยวนี้คำว่า "ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่" ถึงกลายเป็นคำที่คนซึ่งจะกล่าวถึงความเชื่อว่าเป็นสิ่งไม่ดีใช้พูดเพื่อเสียดสีความเชื่อที่มีหลายคนเชื่อ เราลืมกันไปหรือเปล่าค่ะ ว่าความเชื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเอาว่ากล่าวถึงในทางที่ไม่ดี เพราะเราต่างรู้กันอยู่แก่ใจว่า มันจะทำให้เกิดปัญหาจากคนที่ศรัทธาในความเชื่อ อยากถามว่า ถ้าเราไม่เชื่ออะไรสักอย่างมีความจำเป้นที่เราต้องไปพูดเสียดสีหรือพูดว่าความเชื่อมันเป็นสิ่งที่งมงายกับคนที่ศรัทธาทั้งๆที่เรารู้ว่ามันต้องเกิดปัญหาหรือเปล่าค่ะ
2.คนไทยบางคนชอบรับรู้เรื่องของคนอื่นแล้วเลือกสิ่งที่ไม่ดีมานินทาว่าร้ายทำให้มันดังแล้วเลือกทิ้งสิ่งดีๆสิ่งที่ควรเอาแบบอย่างไว้เบื้องหลัง เราชอบเอาอคติมาตัดสินคน แม้เรื่องดีๆแต่ถ้าคนที่ทำดีเป็นคนที่เรามีอคติด้วยเราก็ชอบที่จะคิดว่าเรื่องที่สร้างภาพได้ ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะทิ้งเรื่องคาวๆที่เรารับรู้และทิ้งความคิดที่ว่าเขาสร้างภาพไว้แล้วเลือกที่จะพยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อให้เราเก่งแบบเขาให้ได้ ดีแบบเขาให้ได้ คนเราไม่มีใครทีมีแต่ด้านดีด้านเดียว ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะมองเฉพาะด้านดีของเขาแล้วทำให้เราได้ดีแบบที่ด้านดีเขาเป็นละคะ
3.คนไทยบางคนชอบชื่นชมวัฒนธรรมตะวันตกอย่างออกหน้าออกตาแล้วเอามาเปรียบเทียบว่าวัฒนธรรมบ้านเราไม่ดีเหมือนเขา วัฒนธรรมเป็นของใครของมันนะคะ เราไม่สามารถบอกได้ว่าวัฒนธรรมของใครดีกว่า เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของเราให้เหมือนเขาเพื่อให้เราได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือคะ? ไม่เหนื่อยบ้างหรือคะ ที่เราต้องก้าวเท้าตามเขาไปเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเองอีกเลย ความเจริญของคนดูที่อะไรกันแน่ ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะชื่นชมวัฒนธรรมของตัวเอง ภูมิใจกับวัฒนธรรมของตัวเองและเลือกรับวัฒนธรรมของเขา ปรับสิ่งที่เราคิดว่าดีของเขาให้มันเข้ากับเราให้ได้แทนค่ะ
4.ทำไมคนไทยบางคนถึงชอบผูกโยงเรื่องราวให้มันวุ่นวายด้วยคะ เราไม่พอใจเรื่องนี้แล้วพาลกระทบไปเรื่องถัดๆไปไปเรื่อยๆ อย่างกรณีเมื่อประมาณปีที่แล้วที่สภากาชาดขอบริจาคโลหิต ในเฟสบุ๊ค มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นในเชิงที่ว่า เลือดคนจนจะไปช่วยอะไรคนรวยได้ แล้วคนที่โพสต์ก็บอกว่าตัวเองเป็นคนจน อยากถามเหลือเกินค่ะว่าเขาเหล่านั้น จนอะไรกันแน่ ระหว่าง "จนเงิน" กับ "จนน้ำใจ" อ่านไปอ่านมาเริ่มทำความเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะบุคลากรของสภากาชาดส่วนหนึ่งเคยออกไปร่วมเดิน เมื่อครั้ง กปปส ชุมนุม ก็อยากถามอีกนั่นแหละค่ะ ว่า การออกไปเดินของบุคคลากรสภากาชาดมันเกี่ยวอะไรกับการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือคนในชาติที่ขาดแคลนเลือดสำรองค่ะ?
5.ทำไมเราถึงชอบเข้าใจอะไรไปเองแล้วเอามาด่าว่าเขาเสียๆหายๆแทนที่จะศึกษาให้มันแน่ใจก่อนค่ะ ยกตัวอย่างกรณีจากการขอบริจาคเลือดของสภากาชาดเหมือนเดิมเลยค่ะ เพราะอีกเหตุผลหนึ่งของคนที่ไม่บริจาคคือ "กาชาดขอบริจาคเลือดฟรี แต่ตอนเราจะใช้ เราต้องซื้อเลือด" คุณพี่ คุณน้า คุณอา คุณป้า คุณลุง คุณตา คุณยาย ทั้งหลายลืมไปหรือเปล่าค่ะ ว่าเลือดได้มาฟรี แต่ระหว่างกระบวนการทำเลือดให้บริสุทธิ์ กระบวนการเก็บรักษามันไม่ได้ฟรีเหมือนเลือดที่ได้มานะคะ ถ้าเรามีเราก็ควรจะแบ่งปันไม่ใช่เหรอค่ะ เราแบ่งปันไป ก็ไม่ได้ทำให้เลือดส่วนนั้นเราหายไปซะหน่อย เดี๋ยวมันก็มีเลือดเติมมาใหม่เองนั่นแหละค่ะ
6.ทำไมมนุษย์ป้าถึงมีมากขึ้นคะ เคยขึ้นรถประจำทาง พี่ผู้ชายคนนึงน่าจะมีแผลที่เท้า เพราะพี่เขามีผ้าพันแผลที่เท้าค่ะ ป้าคนนึงเดินเข้ามาในรถไม่มีที่นั่ง เห็นพี่แกนั่งอยู่ ป้าปรี่เขาไปหา แล้วบอกให้พี่แกลุกขึ้นยืน เพราะป้าแกจะนั่ง!!! หนูที่ยืนพิงกระจกรถอยู่เลยต้องเนรเทศตัวเองมาจับราวโหนแล้วให้พี่แกยืนพิงกระจกรถไปแทน =="
7.คนที่ไม่มีกินบางคนเดี๋ยวนี้ ไม่คิดหาทางออกด้วยขาตัวเองกันแล้วเหรอค่ะ สมัยปู่ย่าตาายเรา ลำบากยากแค้นกันกว่านี้ แต่พวกท่านมีศักดิ์ศรี พยายามทุกวิถีทางให้ตัวเองมีกิน แต่เดี๋ยวนี้ เรียกร้องแต่ให้คนนู้นช่วย คนนี้ช่วย เรียกร้องให้คนรวยบริจาคเงินเยอะๆ เรียกร้องให้รัฐบาลเทเงินมาให้ ให้สร้างนโยบายแบบยื่นเงินให้คนจน ไม่ใช่ยื่นเครื่องมือทำมาหากินให้ พอรัฐบาลยื่นแต่เครื่องมือทำมาหากินให้ ก็บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ดี ปีหน้าไม่เลือกละ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่พี่ท่านจะมีกิน อยากให้คิดนะคะว่าเงินเมื่อไหร่ก็หมด ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ แต่มันเป็นความภูมิใจที่ทำให้เราอิ่มใจไม่มีวันหมดตราบเท่าทีศักดิ์ศรีเรายังมีนะคะ จงรักศักดิ์ศรีของตัวเองพยายามขวนขวายวิถีทางทำมาหากิน ไม่ใช่รอจะแบมือขอเงินจากคนอื่นเพราะมันทำให้เราไร้ซึ่งความภูมิใจในตัวเอง ถ้ายังมีลมหายใจก็ใช้ลมหายใจเลี้ยงตัวเองจนกว่าจะสิ้นลม เป็นกำลังใจให้นะคะ
8.หนูเห็นคนมากหน้าหลายตาที่เดินเขาไปสู่เวทีการเลือกตั้ง แรกๆเดินเข้าไปด้วยสปิริตเต็มร้อย พร้อมแก้ไขทุกปัญหาของประชาชน นานๆเข้า เป็นอะไรกันไปหมดค่ะ โอนเอนตามนักการเมืองก่อนหน้า ทุจริตคอรัปชั่นกันเป็นว่าเล่น กระตุ้นสปิริตที่มีในตัวกันหน่อยซิคะ อย่าเหนื่อยจนเห็นเงินดีกว่าอุดมการณ์ทีตัวเองเคยมี เป็นกำลังใจให้นักการเมืองดีๆที่มีกันอยู่น้อยนิดนะคะ
9.ทำไมในโลกโชเชี่ยลเราถึงชอบตัดสินปัญหาตัดสินความขัดแย้งด้านความคิด ด้วยการด่ากันแบบเสียๆหายๆ ด่าด้วยอวัยวะเพศ ด่าพ่อด่าแม่ ด่าด้วยบลาๆๆๆๆ กระแทกกระทั้นด้วยปมด้อย ทำไมถึงไม่พูดด้วยเหตุและผลหรือค่ะ ปัญหามีให้แก้ ถ้าเราเอาแต่ด่ากันแล้วจะเอาเวลาไหนไปแก้ปัญหา แผ่นดินไทยทุกวันนี้ยังร้อนไม่พอเหรอค่ะ เรายังเสียน้ำตากันไม่พออีกหรือยังไง เรายังเหนื่อยไม่พอกันหรือค่ะ ด่าทหาร ด่าตำรวจ ด่าข้าราชการ ด่ารัฐบาลเก่า ด่ารัฐบาลใหม่ ด่ากันไปด่ากันมา ด่าไปจนถึงคนที่เราเคารพกัน ด่ากันไปด่ากันมา ด่ากันมั่วไปหมด ถามตัวเองนะคะ ว่ามันถึงเวลาที่เราต้องหยุดแล้วหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหากันแล้วยัง
ยาวไปหน่อยแต่ขอบคุณคนที่อ่านถึงตรงนี้นะคะ บางข้อเหมือนระบายมากกว่าถามไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ แต่อยากให้เก็บไปใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงที่วัยรุ่นอย่างหนูมองดู พร้อมกับเหนื่อยหน่ายใจไปพร้อมๆกันและต้องการสะท้อนให้สังคมผู้ใหญ่ได้เห็นแล้วร่วมแก้ปัญหากันเสียที ภาษาอาจจะผิดพลาดพิมพ์ผิด หรือแรงไปบ้างเพราะอารมณ์มันพาไป ถ้าไม่พอใจกันก็ขออภัยด้วยนะคะ และสุดท้ายนี้ ถ้าเรื่องที่ถามทำให้ท่านอยากจะด่า ด่าได้นะคะ แต่ด่าเบาๆกันหน่อย ขอบคุณค่ะ
เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยกันนะ?
1.ทำไมเดี๋ยวนี้คำว่า "ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่" ถึงกลายเป็นคำที่คนซึ่งจะกล่าวถึงความเชื่อว่าเป็นสิ่งไม่ดีใช้พูดเพื่อเสียดสีความเชื่อที่มีหลายคนเชื่อ เราลืมกันไปหรือเปล่าค่ะ ว่าความเชื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเอาว่ากล่าวถึงในทางที่ไม่ดี เพราะเราต่างรู้กันอยู่แก่ใจว่า มันจะทำให้เกิดปัญหาจากคนที่ศรัทธาในความเชื่อ อยากถามว่า ถ้าเราไม่เชื่ออะไรสักอย่างมีความจำเป้นที่เราต้องไปพูดเสียดสีหรือพูดว่าความเชื่อมันเป็นสิ่งที่งมงายกับคนที่ศรัทธาทั้งๆที่เรารู้ว่ามันต้องเกิดปัญหาหรือเปล่าค่ะ
2.คนไทยบางคนชอบรับรู้เรื่องของคนอื่นแล้วเลือกสิ่งที่ไม่ดีมานินทาว่าร้ายทำให้มันดังแล้วเลือกทิ้งสิ่งดีๆสิ่งที่ควรเอาแบบอย่างไว้เบื้องหลัง เราชอบเอาอคติมาตัดสินคน แม้เรื่องดีๆแต่ถ้าคนที่ทำดีเป็นคนที่เรามีอคติด้วยเราก็ชอบที่จะคิดว่าเรื่องที่สร้างภาพได้ ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะทิ้งเรื่องคาวๆที่เรารับรู้และทิ้งความคิดที่ว่าเขาสร้างภาพไว้แล้วเลือกที่จะพยายามทำสิ่งต่างๆเพื่อให้เราเก่งแบบเขาให้ได้ ดีแบบเขาให้ได้ คนเราไม่มีใครทีมีแต่ด้านดีด้านเดียว ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะมองเฉพาะด้านดีของเขาแล้วทำให้เราได้ดีแบบที่ด้านดีเขาเป็นละคะ
3.คนไทยบางคนชอบชื่นชมวัฒนธรรมตะวันตกอย่างออกหน้าออกตาแล้วเอามาเปรียบเทียบว่าวัฒนธรรมบ้านเราไม่ดีเหมือนเขา วัฒนธรรมเป็นของใครของมันนะคะ เราไม่สามารถบอกได้ว่าวัฒนธรรมของใครดีกว่า เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของเราให้เหมือนเขาเพื่อให้เราได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือคะ? ไม่เหนื่อยบ้างหรือคะ ที่เราต้องก้าวเท้าตามเขาไปเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเองอีกเลย ความเจริญของคนดูที่อะไรกันแน่ ทำไมเราถึงไม่เลือกที่จะชื่นชมวัฒนธรรมของตัวเอง ภูมิใจกับวัฒนธรรมของตัวเองและเลือกรับวัฒนธรรมของเขา ปรับสิ่งที่เราคิดว่าดีของเขาให้มันเข้ากับเราให้ได้แทนค่ะ
4.ทำไมคนไทยบางคนถึงชอบผูกโยงเรื่องราวให้มันวุ่นวายด้วยคะ เราไม่พอใจเรื่องนี้แล้วพาลกระทบไปเรื่องถัดๆไปไปเรื่อยๆ อย่างกรณีเมื่อประมาณปีที่แล้วที่สภากาชาดขอบริจาคโลหิต ในเฟสบุ๊ค มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นในเชิงที่ว่า เลือดคนจนจะไปช่วยอะไรคนรวยได้ แล้วคนที่โพสต์ก็บอกว่าตัวเองเป็นคนจน อยากถามเหลือเกินค่ะว่าเขาเหล่านั้น จนอะไรกันแน่ ระหว่าง "จนเงิน" กับ "จนน้ำใจ" อ่านไปอ่านมาเริ่มทำความเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะบุคลากรของสภากาชาดส่วนหนึ่งเคยออกไปร่วมเดิน เมื่อครั้ง กปปส ชุมนุม ก็อยากถามอีกนั่นแหละค่ะ ว่า การออกไปเดินของบุคคลากรสภากาชาดมันเกี่ยวอะไรกับการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือคนในชาติที่ขาดแคลนเลือดสำรองค่ะ?
5.ทำไมเราถึงชอบเข้าใจอะไรไปเองแล้วเอามาด่าว่าเขาเสียๆหายๆแทนที่จะศึกษาให้มันแน่ใจก่อนค่ะ ยกตัวอย่างกรณีจากการขอบริจาคเลือดของสภากาชาดเหมือนเดิมเลยค่ะ เพราะอีกเหตุผลหนึ่งของคนที่ไม่บริจาคคือ "กาชาดขอบริจาคเลือดฟรี แต่ตอนเราจะใช้ เราต้องซื้อเลือด" คุณพี่ คุณน้า คุณอา คุณป้า คุณลุง คุณตา คุณยาย ทั้งหลายลืมไปหรือเปล่าค่ะ ว่าเลือดได้มาฟรี แต่ระหว่างกระบวนการทำเลือดให้บริสุทธิ์ กระบวนการเก็บรักษามันไม่ได้ฟรีเหมือนเลือดที่ได้มานะคะ ถ้าเรามีเราก็ควรจะแบ่งปันไม่ใช่เหรอค่ะ เราแบ่งปันไป ก็ไม่ได้ทำให้เลือดส่วนนั้นเราหายไปซะหน่อย เดี๋ยวมันก็มีเลือดเติมมาใหม่เองนั่นแหละค่ะ
6.ทำไมมนุษย์ป้าถึงมีมากขึ้นคะ เคยขึ้นรถประจำทาง พี่ผู้ชายคนนึงน่าจะมีแผลที่เท้า เพราะพี่เขามีผ้าพันแผลที่เท้าค่ะ ป้าคนนึงเดินเข้ามาในรถไม่มีที่นั่ง เห็นพี่แกนั่งอยู่ ป้าปรี่เขาไปหา แล้วบอกให้พี่แกลุกขึ้นยืน เพราะป้าแกจะนั่ง!!! หนูที่ยืนพิงกระจกรถอยู่เลยต้องเนรเทศตัวเองมาจับราวโหนแล้วให้พี่แกยืนพิงกระจกรถไปแทน =="
7.คนที่ไม่มีกินบางคนเดี๋ยวนี้ ไม่คิดหาทางออกด้วยขาตัวเองกันแล้วเหรอค่ะ สมัยปู่ย่าตาายเรา ลำบากยากแค้นกันกว่านี้ แต่พวกท่านมีศักดิ์ศรี พยายามทุกวิถีทางให้ตัวเองมีกิน แต่เดี๋ยวนี้ เรียกร้องแต่ให้คนนู้นช่วย คนนี้ช่วย เรียกร้องให้คนรวยบริจาคเงินเยอะๆ เรียกร้องให้รัฐบาลเทเงินมาให้ ให้สร้างนโยบายแบบยื่นเงินให้คนจน ไม่ใช่ยื่นเครื่องมือทำมาหากินให้ พอรัฐบาลยื่นแต่เครื่องมือทำมาหากินให้ ก็บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ดี ปีหน้าไม่เลือกละ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่พี่ท่านจะมีกิน อยากให้คิดนะคะว่าเงินเมื่อไหร่ก็หมด ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ แต่มันเป็นความภูมิใจที่ทำให้เราอิ่มใจไม่มีวันหมดตราบเท่าทีศักดิ์ศรีเรายังมีนะคะ จงรักศักดิ์ศรีของตัวเองพยายามขวนขวายวิถีทางทำมาหากิน ไม่ใช่รอจะแบมือขอเงินจากคนอื่นเพราะมันทำให้เราไร้ซึ่งความภูมิใจในตัวเอง ถ้ายังมีลมหายใจก็ใช้ลมหายใจเลี้ยงตัวเองจนกว่าจะสิ้นลม เป็นกำลังใจให้นะคะ
8.หนูเห็นคนมากหน้าหลายตาที่เดินเขาไปสู่เวทีการเลือกตั้ง แรกๆเดินเข้าไปด้วยสปิริตเต็มร้อย พร้อมแก้ไขทุกปัญหาของประชาชน นานๆเข้า เป็นอะไรกันไปหมดค่ะ โอนเอนตามนักการเมืองก่อนหน้า ทุจริตคอรัปชั่นกันเป็นว่าเล่น กระตุ้นสปิริตที่มีในตัวกันหน่อยซิคะ อย่าเหนื่อยจนเห็นเงินดีกว่าอุดมการณ์ทีตัวเองเคยมี เป็นกำลังใจให้นักการเมืองดีๆที่มีกันอยู่น้อยนิดนะคะ
9.ทำไมในโลกโชเชี่ยลเราถึงชอบตัดสินปัญหาตัดสินความขัดแย้งด้านความคิด ด้วยการด่ากันแบบเสียๆหายๆ ด่าด้วยอวัยวะเพศ ด่าพ่อด่าแม่ ด่าด้วยบลาๆๆๆๆ กระแทกกระทั้นด้วยปมด้อย ทำไมถึงไม่พูดด้วยเหตุและผลหรือค่ะ ปัญหามีให้แก้ ถ้าเราเอาแต่ด่ากันแล้วจะเอาเวลาไหนไปแก้ปัญหา แผ่นดินไทยทุกวันนี้ยังร้อนไม่พอเหรอค่ะ เรายังเสียน้ำตากันไม่พออีกหรือยังไง เรายังเหนื่อยไม่พอกันหรือค่ะ ด่าทหาร ด่าตำรวจ ด่าข้าราชการ ด่ารัฐบาลเก่า ด่ารัฐบาลใหม่ ด่ากันไปด่ากันมา ด่าไปจนถึงคนที่เราเคารพกัน ด่ากันไปด่ากันมา ด่ากันมั่วไปหมด ถามตัวเองนะคะ ว่ามันถึงเวลาที่เราต้องหยุดแล้วหันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหากันแล้วยัง
ยาวไปหน่อยแต่ขอบคุณคนที่อ่านถึงตรงนี้นะคะ บางข้อเหมือนระบายมากกว่าถามไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ แต่อยากให้เก็บไปใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงที่วัยรุ่นอย่างหนูมองดู พร้อมกับเหนื่อยหน่ายใจไปพร้อมๆกันและต้องการสะท้อนให้สังคมผู้ใหญ่ได้เห็นแล้วร่วมแก้ปัญหากันเสียที ภาษาอาจจะผิดพลาดพิมพ์ผิด หรือแรงไปบ้างเพราะอารมณ์มันพาไป ถ้าไม่พอใจกันก็ขออภัยด้วยนะคะ และสุดท้ายนี้ ถ้าเรื่องที่ถามทำให้ท่านอยากจะด่า ด่าได้นะคะ แต่ด่าเบาๆกันหน่อย ขอบคุณค่ะ