โฉนดที่จอดรถ
คอลัมน์ ฟรีสไตล์เรื่องบ้าน-บ้าน
โดย เมตตา ทับทิม มติชน 9 พ.ค. 2558
ฟังแล้วงงดีไหม ที่จอดรถทำไมต้องมีโฉนด?
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะชวนคุยเกี่ยวกับที่จอดรถในคอนโดมิเนียม ซึ่งว่ากันว่าเป็นปัญหาโลกแตกอีกเรื่องหนึ่ง เพราะกฎหมายดูแลให้มีที่จอดรถอย่างน้อย 25-30% ของจำนวนห้องชุดในโครงการ
เช่น ถ้ามี 100 ห้อง จะต้องจัดให้มีที่จอดรถอย่างน้อย 25-30 ช่องจอด เป็นต้น
ตามปกติ อาคารจอดรถหรือบริเวณจอดรถในคอนโดฯจะถือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง
วิธีจัดระเบียบการจอดรถจะมีกติกาทั่วไปก็คือ 1 ห้องชุดต่อ 1 สิทธิ โดยใช้ระบบคิว ใครมาก่อนได้จอดก่อน
โดยมากพื้นที่แย่งชิงกันก็คือช่องจอด ถือว่าปลอดภัยแล้ว ถ้าจอดขวางต้องปลดเบรกมือ เวลาคนจอดในช่องจอดเมื่อมีรถขวางก็จะต้องเข็นรถให้พ้นทางกีดขวาง บางทีก็เข็นค่อยๆ แต่หลายครั้งพบว่าเข็นกันตูมตามๆ ถลอกปอกเปิก คนที่รักรถจึงมักจะมองหาที่จอดในช่องจอดเสมอ
ดังนั้น "ช่องจอด" จึงมีความสำคัญเสมอเป็นไพรม์แอเรีย หรือทำเลทองกันเลยทีเดียว
ระยะหลังๆ จะกี่ปีก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่ามีพัฒนาการที่เกิดขึ้นมา นั่นคือมีการขายห้องชุด พ่วงกับ "โฉนดที่จอดรถ" ขนาดพื้นที่ 12-12.5 ตารางเมตร
เหตุผลสำหรับผู้ซื้อหรือเจ้าของห้องชุด จะเป็นหลักประกันว่ามีที่จอดรถแบบฟิกซ์ หรือที่จอดประจำเป็นสมบัติของตนเอง
เหตุผลสำหรับผู้ขายหรือบริษัทผู้พัฒนาโครงการ จะเป็นเครื่องมือหรือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สามารถขายห้องชุดราคาแพงๆ ได้เร็วขึ้น ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากห้องชุดราคา 8-10 ล้านขึ้นไป สอบถามมาหลายโครงการแล้วยอมรับว่าขายยากมาก ถ้าไม่มีออปชั่นแก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถให้
พูดง่ายๆ คือขายยาก หรืออาจจะขายไม่ได้เลย ถ้าไม่มีที่จอดรถประจำให้
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหรอก คนที่ซื้อห้องชุด 10 ล้านแล้วได้ที่จอดรถประจำ เพราะในทางปฏิบัติ จะมีที่จอดรถแบบฟิกซ์ได้คุณจะต้องมี "โฉนดที่จอดรถ" ซึ่งจะระบุในสัญญาซื้อ-ขาย รวมทั้งระบุในโฉนดอาคารชุดไว้เลย
เรียกว่าเป็นกลยุทธ์การขายพ่วง กล่าวคือ ขายห้องชุดพ่วงที่จอดรถนั่นเอง
ประเด็นต่อมา โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ เพราะทันทีที่มี "โฉนดที่จอดรถ" อยู่ในมือ พื้นที่จอดรถดังกล่าวจะไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางอีกต่อไป แต่ถือเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์มีเจ้าของ แปลว่าต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่มโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการคำนวณ สมมุติห้องชุดขนาด 80 ตารางเมตร ราคา 10 ล้านบาท
ได้ออปชั่นมีที่จอดรถประจำ 1 ช่องจอด ขนาด 12 ตารางเมตร
ถ้าเก็บค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 60 บาท เท่ากับจะต้องเสียค่าส่วนกลางห้องชุดเดือนละ 4,800 บาท ขณะเดียวกันมีค่าส่วนกลางที่จอดรถอีก 12 ตารางเมตร หรือเดือนละ 720 บาท
ลำพังเสียค่าส่วนกลางห้องชุดเดือนละ 4,800 บาท ค่าใช้จ่ายก็ตกปีละ 57,600 บาทเข้าไปแล้ว
ถ้าไม่มีที่จอดรถประจำ ค่าส่วนกลางก็จบแค่เดือนละ 4,800 บาท
แต่กรณีมีที่จอดรถประจำ เจ้าของห้องถูกบังคับให้จ่ายดับเบิลสำหรับค่าส่วนกลางที่จอดรถ (เพราะมีโฉนดไง) อีกเดือนละ 720 บาท หรือปีละ 8,640 บาท
โฉนดที่จอดรถในคอนโดมิเนียมจึงเป็น "ทุกขลาภ" ด้วยประการฉะนี้แล
รู้จักที่มาของโฉนดที่จอดรถ?
คอลัมน์ ฟรีสไตล์เรื่องบ้าน-บ้าน
โดย เมตตา ทับทิม มติชน 9 พ.ค. 2558
ฟังแล้วงงดีไหม ที่จอดรถทำไมต้องมีโฉนด?
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะชวนคุยเกี่ยวกับที่จอดรถในคอนโดมิเนียม ซึ่งว่ากันว่าเป็นปัญหาโลกแตกอีกเรื่องหนึ่ง เพราะกฎหมายดูแลให้มีที่จอดรถอย่างน้อย 25-30% ของจำนวนห้องชุดในโครงการ
เช่น ถ้ามี 100 ห้อง จะต้องจัดให้มีที่จอดรถอย่างน้อย 25-30 ช่องจอด เป็นต้น
ตามปกติ อาคารจอดรถหรือบริเวณจอดรถในคอนโดฯจะถือเป็นพื้นที่ส่วนกลาง
วิธีจัดระเบียบการจอดรถจะมีกติกาทั่วไปก็คือ 1 ห้องชุดต่อ 1 สิทธิ โดยใช้ระบบคิว ใครมาก่อนได้จอดก่อน
โดยมากพื้นที่แย่งชิงกันก็คือช่องจอด ถือว่าปลอดภัยแล้ว ถ้าจอดขวางต้องปลดเบรกมือ เวลาคนจอดในช่องจอดเมื่อมีรถขวางก็จะต้องเข็นรถให้พ้นทางกีดขวาง บางทีก็เข็นค่อยๆ แต่หลายครั้งพบว่าเข็นกันตูมตามๆ ถลอกปอกเปิก คนที่รักรถจึงมักจะมองหาที่จอดในช่องจอดเสมอ
ดังนั้น "ช่องจอด" จึงมีความสำคัญเสมอเป็นไพรม์แอเรีย หรือทำเลทองกันเลยทีเดียว
ระยะหลังๆ จะกี่ปีก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่ามีพัฒนาการที่เกิดขึ้นมา นั่นคือมีการขายห้องชุด พ่วงกับ "โฉนดที่จอดรถ" ขนาดพื้นที่ 12-12.5 ตารางเมตร
เหตุผลสำหรับผู้ซื้อหรือเจ้าของห้องชุด จะเป็นหลักประกันว่ามีที่จอดรถแบบฟิกซ์ หรือที่จอดประจำเป็นสมบัติของตนเอง
เหตุผลสำหรับผู้ขายหรือบริษัทผู้พัฒนาโครงการ จะเป็นเครื่องมือหรือเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สามารถขายห้องชุดราคาแพงๆ ได้เร็วขึ้น ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากห้องชุดราคา 8-10 ล้านขึ้นไป สอบถามมาหลายโครงการแล้วยอมรับว่าขายยากมาก ถ้าไม่มีออปชั่นแก้ปัญหาเรื่องที่จอดรถให้
พูดง่ายๆ คือขายยาก หรืออาจจะขายไม่ได้เลย ถ้าไม่มีที่จอดรถประจำให้
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องไปอิจฉาเขาหรอก คนที่ซื้อห้องชุด 10 ล้านแล้วได้ที่จอดรถประจำ เพราะในทางปฏิบัติ จะมีที่จอดรถแบบฟิกซ์ได้คุณจะต้องมี "โฉนดที่จอดรถ" ซึ่งจะระบุในสัญญาซื้อ-ขาย รวมทั้งระบุในโฉนดอาคารชุดไว้เลย
เรียกว่าเป็นกลยุทธ์การขายพ่วง กล่าวคือ ขายห้องชุดพ่วงที่จอดรถนั่นเอง
ประเด็นต่อมา โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ เพราะทันทีที่มี "โฉนดที่จอดรถ" อยู่ในมือ พื้นที่จอดรถดังกล่าวจะไม่ใช่พื้นที่ส่วนกลางอีกต่อไป แต่ถือเป็นพื้นที่กรรมสิทธิ์มีเจ้าของ แปลว่าต้องจ่ายค่าส่วนกลางเพิ่มโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการคำนวณ สมมุติห้องชุดขนาด 80 ตารางเมตร ราคา 10 ล้านบาท
ได้ออปชั่นมีที่จอดรถประจำ 1 ช่องจอด ขนาด 12 ตารางเมตร
ถ้าเก็บค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 60 บาท เท่ากับจะต้องเสียค่าส่วนกลางห้องชุดเดือนละ 4,800 บาท ขณะเดียวกันมีค่าส่วนกลางที่จอดรถอีก 12 ตารางเมตร หรือเดือนละ 720 บาท
ลำพังเสียค่าส่วนกลางห้องชุดเดือนละ 4,800 บาท ค่าใช้จ่ายก็ตกปีละ 57,600 บาทเข้าไปแล้ว
ถ้าไม่มีที่จอดรถประจำ ค่าส่วนกลางก็จบแค่เดือนละ 4,800 บาท
แต่กรณีมีที่จอดรถประจำ เจ้าของห้องถูกบังคับให้จ่ายดับเบิลสำหรับค่าส่วนกลางที่จอดรถ (เพราะมีโฉนดไง) อีกเดือนละ 720 บาท หรือปีละ 8,640 บาท
โฉนดที่จอดรถในคอนโดมิเนียมจึงเป็น "ทุกขลาภ" ด้วยประการฉะนี้แล