หมายเหตุ : ในกระทู้นี้กรุณาถกกันด้วยเหตุด้วยผลที่ผมค้นหามาจาก wiki และ website ต่างๆ หรือที่คุณไปค้นหามาเช่นกัน
ไม่ใช่อวยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไม่บอกเหตุผลประกอบครับ
ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความสงสัยว่าทำไมผมถึงอยากให้เจอร์เก้น คล็อปป์มาเป็นผู้จัดการทีมแทน LVG (รวมถึงแฟนหงส์หลายคนก็อยากให้แทนร๊อดเจอร์) ผมจึงไปหาข้อมูลในวิกิและจากประสบการณ์ที่ผมได้ post กระทู้ผีแดงและกระทู้บอลเยอรมันและได้เห็นการทำงานของทั้งคู่ (LVG ตั้งแต่บอลโลก 2014 ส่วนคล็อปป์ตั้งแต่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ 2011-12)
เจอร์เก้น คล็อปป์ : เกิด 16 มิถุนา 1967 อายุ 47 ปี
การคุมทีม :
ไมนซ์ 05 2001-2008 : หลังจากที่เขา retire จากการเล่นให้ไมนซ์ 05 คล็อปป์ได้รับการทาบทามให้เป็นหัวหน้าโค้ช โดยเป็นโค้ชอยู่ 7 ปี ระหว่างนั้น เขาพาทีมขึ้นเล่นในบุนเดสลีกา (ลีกสูงสุดของเยอรมัน) เป็นครั้งแรกของสโมสร และเข้ารอบคัดเลือกยูฟ่าคัพในซีซั่น 2005-06 แต่เมื่อจบฤดูกาล 2006-07 ตกชั้นลงไปลีก้า 2 แม้คล็อปป์จะยืนยันว่าจะอยู่กับสโมสร แต่ความจริงที่ว่า สโมสร ไม่มีปัจจัยมากพอที่จะประสบความสำเร็จ ทำให้เขาตัดสินใจลาออก
ดอร์ทมุนด์ 2008-2015 : คล็อปป์ได้รับการติดต่อให้เป็นหัวหน้าโค้ชที่ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่สโมสรอยู่ในอันดับ 13 (จาก 18 ทีม) ซีซั่นแรก เขานำทีมได้อันดับ 6 ซีซั่นต่อมาทีมได้อันดับ 5 (ซีซั่นนั้น (2009-10) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นที่คุมทีมโดยจุ๊ปป์ ไฮเกซได้แชมป์ ซึ่งทำให้ซีซั่นต่อมาบาเยิร์น ติดต่อเขาไปคุมสโมสร)
ซีซั่นต่อมา (2010-11) คล็อปป์พาทีมเป็นแชมป์บุนเดสลีกา จากนั้นซีซั่น 2011-12 เขาพาทีมเป็นแชมป์บุนเดสฯ ด้วย 81 คะแนนที่มากที่สุดที่ในประวัติศาสตร์ (โดนบาเยิร์นที่คุมโดยไฮเกซทำลายสถิติ) และชนะติดต่อกัน 28 แมทช์เป็น record เช่นกัน เดือนพค. 2012 เขาพาดอร์ทมุนด์เป็นแชมป์เดเอฟเบโพคาล (บอลถ้วย) โดยชนะบาเยิร์น (คุมทีมโดยไฮเกส) ไปถึง 5-2 (แมทช์นั้นผมได้ดูด้วย และเห็นเฟอร์กี้ไปดู ซึ่งแมทช์นั้นทำให้ป๋าขอซื้อคากาวะ (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมเอเชียปี 2012) ไปร่วมทีม)
ซีซั่นต่อมา (2012-13) ทีมได้อันดับ 2 (รองจากบาเยิร์นที่ทุ่มเงินซื้อตัวนักเตะชั้นยอดถึง 8 คน ใช้เงินไปราว 80 ล้านยูโร (ราว 70 ล้านปอนด์)) (โดยผ่องถ่ายนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในการทำทีม 7 คน) และได้มัทเธอุส ซามเมอร์มาเป็นผู้อำนวยการกีฬา
ใน UCL ซึ่งดอร์ทมุนด์อยู่ใน group of dead (ประกอบด้วยแมนซิตี้, รีล มาดริด (คุมโดยมูริญโญ่ที่ซีซั่นก่อนนั้นเป็นแชมป์ลาลีกาเหนือบาซ่าของเป๊ปที่ลาออกไปพัก 1 ปีเพราะขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรเกมให้บาซ่า) และอาแจ็คส์) แต่ทีมก็ไม่แพ้เลย (ชนะ 2-1 และเสมอ 1-1 กับรีล มาดริค) และเป็นแชมป์กลุ่ม (ซีซั่นก่อนนั้น มูริญโญ่พารีล มาดริคเป็นแชมป์ลาลีกาเหนือบาซ่าของเป๊ป ซึ่งได้ลาออกไปพัก 1 ปี เพราะขาดแรงกระตุ้นในการสร้างสรรทีม)
และไปพบกันอีกครั้งในรอบ semi-final และเอาชนะไปใน leg แรก 4-1 และแพ้ใน leg สอง 2-0 (สกอร์รวม 4-3)
ทำให้ทีมเข้าไปชิงชนะเลิศกับบาเยิร์น ซึ่งเล่นสงครามจิตวิทยาด้วยการจ่ายเงินค่าฉีกสัญญาในราคาแพงที่สุดของเยอรมัน 37 ล้านยูโรฯ ก่อนรอบชิงไม่กี่สัปดาห์) (ถ้าไม่รู้จักเกิทเซ่ ก็ง่ายๆ ว่าเขาเป็นคนยิงประตูโทนในช่วงต่อเวลาทำให้เยอรมันได้เป็นแชมป์โลก 2014) แต่เกิทเซ่ก็มีอาการบาดเจ็บจากการเล่นใน UCL leg 2 กับรีล มาดริค จึงลงเล่นในนัดชิงกับบาเยิร์นไม่ได้ ดอร์ทมุนด์แพ้บาเยิร์นไป 2-1
โดยคล็อปป์ได้รับการโหวตให้เป็นโค้ชแห่งปีของบุนเดสลีกาในปี 2011และ 2012 และเป็นอันดับ 2 โค้ชยอดเยี่ยมฟีฟ่าในปี 2013 รองจากจุ๊ปป์ ไฮเกซ
ซีซั่น 2013-14 ดอร์ทมุนด์ได้อันดับ 2 ของบุนเดสฯ (แชมป์ คือบาเยิร์นคุมโดยเป๊ป) และเข้าถึงรอบ quarter final ของ UCL โดยแพ้รีลมาดริคที่คุมโดยอันเชล็อตติไปด้วยสกอร์รวม 3-2 (ซีซั่นนั้น รีลมาดริคได้แชมป์ UCL)
===============================================================================
นักเตะสำคัญที่ได้รับการซื้อตัวเข้ามาและ/หรือปั้นโดยคล็อปป์ มี :
ไวเดนเฟลเลอร์ (ประตู) : ย้ายมาจากไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 2002 เป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด และเป็นประตูทีมชาติเยอรมันหมายเลข 2 รองจากนอยเออร์
ฮุมเมิ่ลส์ (เซ็นเตอร์แบ็ค) เป็นเยาวชนของบาเยิร์น ยืมตัวมาในปี 2008 และย้ายมาอยู่ดอร์ทมุนด์ ปี 2009 เป็น 11 ตัวจริงของแชมป์โลก 2014 และเป็นนักเตะ all-star team ฟีฟ่าปี 2014 (เหนือกว่าเฟอร์ดินานด์ เพราะเป็น 11 ตัวจริงเยอรมันชุดแชมป์โลก 2014)
ซูโบคิซ (เซ็นเตอร์แบ็ค) คู่ใจคล็อปป์ตั้งแต่อยู่ไมนซ์ 05 เป็นเซ็นเตอร์สำคัญคู่กับฮุมเมิ่ลส์มาตลอด (ด้อยกว่าวิดิชเล็กน้อย)
ชินจิ คากาวะ (play-maker) ซื้อตัวจากญี่ปุ่นในปี 2010 ทำประตู 13 assist 8 ใน 3 ซีซั่น เป็นแชมป์ AFC Champ 2011 นักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 2012) ได้ย้ายมาอยู่แมนฯยูปี 2012 เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ยิงแฮททริคและได้แชมป์ EPL
กุนโดกัน (กลางรุก) : ดอร์ทมุนด์ซื้อตัวมาจากแนนเบิร์กในปี 2011 เขาเป็นกำลังสำคัญในการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ปี 2012 ในอินทรีเหล็กเขาเจ็บในรอบคัดเลือก 2014 ทำให้อดไปเล่นบอลโลก มีสไตล์การครองและผ่านบอลที่ดี แต่ไม่เด่นด้านการ tackle (ใกล้เคียงกับบลิ้นท์ในตำแหน่งกองกลาง)
รอยส์ (ปีกซ้าย, play-maker และกองหน้า) เคยเป็นนักเตะใน academy ของดอร์ทมุนด์ ซื้อตัวจากมึนเช่นกลัดบัค เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันในปี 2012, ทีมยอดเยี่ยมยูฟ่าปี 2013, assist มากที่สุดในบุนเดสฯ 2013-14, UCLทีมยอดเยี่ยม 2013-14 ได้รับบาดเจ็บจนไปบอลโลก 2014 ไม่ได้ ทำให้โอซิลได้เป็น 11 ตัวแรก (นักเตะแนวรุกของแมนฯยูที่ใกล้เคียงก็มีแค่ดิ มาเรียที่ได้นักเตะยอดเยี่ยมอาร์เจนติน่าสมัยอยู่รีล มาดริค)
มาริโอ เกิทเซ่ (ปีกและ play maker และ false 9) มาจาก academy ของดอร์ทมุนด์ 2009-10 คล็อปป์ดันให้เล่นเป็น 11 คนแรกตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามา ได้เป็นนักเตะดาวรุ่งบุนเดสฯ 2010-11, ทีมแห่งซีซั่นของบุนเดสฯ 2010-11, 2012-13 (ในแมนฯยู ไม่มี play maker ที่มีทักษะระดับนี้)
เลวานนอฟสกี้ (กองหน้า) ซื้อตัวจากโปแลนด์ในปี 2010 ย้ายไปบาเยิร์นซีซั่นนี้ (ทำสกอร์สูงสุดของบุนเดสฯ ซีซั่นก่อน) (เทียบได้กับรูนีย์)
หมายเหตุ : ในทรรศนะของผมบาเยิร์นในซีซั่น 2012-13 ของปู่จุ๊ปป์เป็นทีมสโมสรที่เก่งที่สุดในโลกทีมหนึ่ง ไฮเกซพาบาเยิร์นเป็นทริปเปิ้ลแชมป์เป็นทีมแรกและทีมเดียวในประวัติศาสตร์เยอรมัน ในบุนเดสฯ ทำสถิติกว่า 20 records ใน UCL รอบ semi-final ทีมเอาชนะบาซ่าไปด้วยสกอร์รวม 7-0 แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเมสซี่ได้รับบาดเจ็บและบียาโนว่าตัดสินใจไม่ส่งเขาที่เป็นตัวสำรองลงแก้เกม (โค้ชของบาซ่าในซีซั่นนั้น เป็นผู้ช่วยโค้ชของเป๊ปมาก่อน ได้เป็นโค้ชหลังจากเป๊ปลาออก) และรอบ final ชนะดอร์ทมุนด์ไป 2-1 (ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว)
================================================================================
ซีซั่นสุดท้าย (2014-15) กับดอร์ทมุนด์
ใน leg แรกก่อน break หน้าหนาว คล็อปป์เจอปัญหาลูกทีมบาดเจ็บหนัก ได้แก่ : กุนโดกัน, รอยส์, ฮุมเมิ่ลส์
และเสียเลวานนอฟสกี้ฟรีเพราะหมดสัญญา (เขาแสดงเจตนารมย์แต่แรกว่าต้องการไปบาเยิร์น) (ซึ่งเป๊ปที่เป็นเจ้าพ่อในระบบ false nine เลือกใช้เขาเป็น’กองหน้าตัวจริง') อาการบาดเจ็บของนักเตะสำคัญและหากองหน้าที่ทำประตูสู้เลวานดี้ไม่ได้ (อิมบองมิลเลจากอิตาลีและโอบาเมยองจากฝรั่งเศส) ทำให้ดอร์ทมุนด์ใน leg แรกตกไปอยู่ท้ายตารางบุนเดสฯ แต่ใน UCL กลุ่มกับอาร์เซน่อล, อันเดอร์เลซและการาตาซาราย ดอร์ทเป็นแชมป์กลุ่ม (ชนะและแพ้อาร์เซน่อล 2-0, 0-2)
และใน leg 2 (หน้าหนาว) ของบุนเดสฯ เมื่อนักเตะหายดี (แต่ก็มีอาการบาดเจ็บบางคนลงไม่ได้บางเกม) ดอร์ทมุนด์ชนะ 7 แพ้ 3 เสมอ 3 (แมทช์ล่าสุดรอยส์ยังได้รับบาดเจ็บไม่ได้ลง) โดยล่าสุดในบุนเดสฯ อยู่อันดับ 9 มี 40 คะแนน ห่างโซนยูโรป้าลีก 3 คะแนน และห่างโซน UCL 15 คะแนน
ในบอลถ้วย ดอร์มมุนด์เฉือนบาเยิร์นด้วยการชนะจุดโทษหลังเสมอกัน 1-1 ในช่วงต่อเวลา ทำให้ได้เข้าชิงเดเอฟเบโพคาล
ใน UCL 16 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายจูเวนตุส (ที่ตอนนี้เข้ารอบ semi-final) สกอร์รวม 5-2
================================================================================
สไตล์ของดอร์ทมุนด์ภายใต้การคุมของคล็อปป์ :
เล่นในระบบ 4-2-3-1 ไม่ได้เน้นครองบอลมาก เมื่อนักเตะสมบูรณ์จะเพิ่มการเพรสซิ่งแดนหน้า โดยเล่นเกมชิ่งบนพื้นเป็นหลัก มักจู่โจมด้วยการจ่ายทะลุในแดนกลาง และ cross จากกราบ แต่ก็มี cross จู่โจมแดนหน้าและยิงไกล ส่วนการเตะมุมหรือฟรีคิกส์ก็เชื่อใจได้
เป็นการเล่นด้วยแท็คติคเล่นเกมรุกเป็นหลัก เมื่อตามหลังจะมีการแก้เกมทั้งการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่ง หรือ มิดฟิลด์ตัวรุกเป็นกองหน้า หรือ แม้แต่เปลี่ยนกองหลังนำกองหน้าลง
นอกจากนั้น ข้างสนาม เขามีสไตล์การมีส่วนร่วมอยู่กับเกมข้างสนามอยู่เกือบตลอดเวลา (บางส่วนคล้ายๆ เฟอร์กี้)
===============================================================================
สิ่งที่คุณจะไม่ได้เห็นคล็อปป์ทำ (ในขณะที่ LVG ทำ) : (ถ้าบางท่านจะรับความจริงที่บาดใจนี้ไม่ได้ ผมจะเอาไว้ใน SPOIL นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การโทษว่านักเตะ (เช่นเสียความกระตือรือร้นไปตั้งแต่การซ้อม), ประจานนักเตะออกสื่อ (RVP ไม่มีโอกาสในการยิงจุดโทษแล้ว), กล้าเล่นเสี่ยง เมื่อทีมตามหลังคล็อปป์เปลี่ยนกองกลาง (หรือแม้แต่แบ็ค) ออกเอากองหน้าลงบ่อยๆ (ไม่ใช่ 7 นาทีสุดท้าย), การกระตุ้นนักเตะ, ไม่เน้นการครองบอลแบบสเปนหรือเนเธอร์แลนด์ และไม่เน้นการส่งคืนหลังและผู้รักษาประตูจนติดท๊อปของลีก, ไม่เปลี่ยนคำพูดไปมา (จะเป็นแชมป์ FA Cup บ้าง – พอต้องเจออาร์เซน่อลก็เงียบไป, จะได้แชมป์ EPL บ้าง, จะได้อันดับ 2, จะได้อันดับ 3, จะติดท๊อป 4 และล่าสุดเมื่อคืนจะติดท๊อป 4 ต้องมีดวงช่วยด้วย) ฯลฯ
หมายเหตุ : LVG กับคล็อป์เป็นเทรนเนอร์ในแบบยุโรป คือ ไม่ได้เป็นผู้จัดการแบบอังกฤษที่จะมีบทบาทเกิน 3 ใน 4 ในการซื้อขายนักเตะ เพราะในยุโรป จะมีรอง CEO / ผู้อำนวยการกีฬา/ฟุตบอลททำหน้าที่ซื้อขายนักเตะ โดยเทรนเนอร์จะเสนอรายชื่อนักเตะที่ต้องการ
กรณีนี้ LVG มีภาษีดีกว่า เพราะเขาผ่านการคุมแมนฯยูใน EPL มาเกือบ 1 ปีแล้ว และการคว้าเดปายมารวดเร็วก็แสดงว่า ด้วยการคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทำให้มี connection กับนักเตะ แต่คล็อปป์ที่ได้เล่นใน UCL มาติดต่อกัน 4 ปี ก็รู้จักนักเตะระดับยุโรปไม่น้อย
================================================================================
หมายเหตุ : ข้อมูลการเป็นโค้ชทั้งหมดของ LVG ก่อนคุมแมนฯยู อยู่ใน comment ถัดไปครับ
[บทความผีแดง 2015-05-09] มาทำความรู้จักเจอร์เก้น คล็อปป์ (ความสำเร็จ & สไตล์คุมทีม+ของทีม & การปั้นนักเตะ) และ LVG
ไม่ใช่อวยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไม่บอกเหตุผลประกอบครับ
ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความสงสัยว่าทำไมผมถึงอยากให้เจอร์เก้น คล็อปป์มาเป็นผู้จัดการทีมแทน LVG (รวมถึงแฟนหงส์หลายคนก็อยากให้แทนร๊อดเจอร์) ผมจึงไปหาข้อมูลในวิกิและจากประสบการณ์ที่ผมได้ post กระทู้ผีแดงและกระทู้บอลเยอรมันและได้เห็นการทำงานของทั้งคู่ (LVG ตั้งแต่บอลโลก 2014 ส่วนคล็อปป์ตั้งแต่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ 2011-12)
เจอร์เก้น คล็อปป์ : เกิด 16 มิถุนา 1967 อายุ 47 ปี
การคุมทีม :
ไมนซ์ 05 2001-2008 : หลังจากที่เขา retire จากการเล่นให้ไมนซ์ 05 คล็อปป์ได้รับการทาบทามให้เป็นหัวหน้าโค้ช โดยเป็นโค้ชอยู่ 7 ปี ระหว่างนั้น เขาพาทีมขึ้นเล่นในบุนเดสลีกา (ลีกสูงสุดของเยอรมัน) เป็นครั้งแรกของสโมสร และเข้ารอบคัดเลือกยูฟ่าคัพในซีซั่น 2005-06 แต่เมื่อจบฤดูกาล 2006-07 ตกชั้นลงไปลีก้า 2 แม้คล็อปป์จะยืนยันว่าจะอยู่กับสโมสร แต่ความจริงที่ว่า สโมสร ไม่มีปัจจัยมากพอที่จะประสบความสำเร็จ ทำให้เขาตัดสินใจลาออก
ดอร์ทมุนด์ 2008-2015 : คล็อปป์ได้รับการติดต่อให้เป็นหัวหน้าโค้ชที่ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่สโมสรอยู่ในอันดับ 13 (จาก 18 ทีม) ซีซั่นแรก เขานำทีมได้อันดับ 6 ซีซั่นต่อมาทีมได้อันดับ 5 (ซีซั่นนั้น (2009-10) ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นที่คุมทีมโดยจุ๊ปป์ ไฮเกซได้แชมป์ ซึ่งทำให้ซีซั่นต่อมาบาเยิร์น ติดต่อเขาไปคุมสโมสร)
ซีซั่นต่อมา (2010-11) คล็อปป์พาทีมเป็นแชมป์บุนเดสลีกา จากนั้นซีซั่น 2011-12 เขาพาทีมเป็นแชมป์บุนเดสฯ ด้วย 81 คะแนนที่มากที่สุดที่ในประวัติศาสตร์ (โดนบาเยิร์นที่คุมโดยไฮเกซทำลายสถิติ) และชนะติดต่อกัน 28 แมทช์เป็น record เช่นกัน เดือนพค. 2012 เขาพาดอร์ทมุนด์เป็นแชมป์เดเอฟเบโพคาล (บอลถ้วย) โดยชนะบาเยิร์น (คุมทีมโดยไฮเกส) ไปถึง 5-2 (แมทช์นั้นผมได้ดูด้วย และเห็นเฟอร์กี้ไปดู ซึ่งแมทช์นั้นทำให้ป๋าขอซื้อคากาวะ (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมเอเชียปี 2012) ไปร่วมทีม)
ซีซั่นต่อมา (2012-13) ทีมได้อันดับ 2 (รองจากบาเยิร์นที่ทุ่มเงินซื้อตัวนักเตะชั้นยอดถึง 8 คน ใช้เงินไปราว 80 ล้านยูโร (ราว 70 ล้านปอนด์)) (โดยผ่องถ่ายนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในการทำทีม 7 คน) และได้มัทเธอุส ซามเมอร์มาเป็นผู้อำนวยการกีฬา
ใน UCL ซึ่งดอร์ทมุนด์อยู่ใน group of dead (ประกอบด้วยแมนซิตี้, รีล มาดริด (คุมโดยมูริญโญ่ที่ซีซั่นก่อนนั้นเป็นแชมป์ลาลีกาเหนือบาซ่าของเป๊ปที่ลาออกไปพัก 1 ปีเพราะขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรเกมให้บาซ่า) และอาแจ็คส์) แต่ทีมก็ไม่แพ้เลย (ชนะ 2-1 และเสมอ 1-1 กับรีล มาดริค) และเป็นแชมป์กลุ่ม (ซีซั่นก่อนนั้น มูริญโญ่พารีล มาดริคเป็นแชมป์ลาลีกาเหนือบาซ่าของเป๊ป ซึ่งได้ลาออกไปพัก 1 ปี เพราะขาดแรงกระตุ้นในการสร้างสรรทีม)
และไปพบกันอีกครั้งในรอบ semi-final และเอาชนะไปใน leg แรก 4-1 และแพ้ใน leg สอง 2-0 (สกอร์รวม 4-3)
ทำให้ทีมเข้าไปชิงชนะเลิศกับบาเยิร์น ซึ่งเล่นสงครามจิตวิทยาด้วยการจ่ายเงินค่าฉีกสัญญาในราคาแพงที่สุดของเยอรมัน 37 ล้านยูโรฯ ก่อนรอบชิงไม่กี่สัปดาห์) (ถ้าไม่รู้จักเกิทเซ่ ก็ง่ายๆ ว่าเขาเป็นคนยิงประตูโทนในช่วงต่อเวลาทำให้เยอรมันได้เป็นแชมป์โลก 2014) แต่เกิทเซ่ก็มีอาการบาดเจ็บจากการเล่นใน UCL leg 2 กับรีล มาดริค จึงลงเล่นในนัดชิงกับบาเยิร์นไม่ได้ ดอร์ทมุนด์แพ้บาเยิร์นไป 2-1
โดยคล็อปป์ได้รับการโหวตให้เป็นโค้ชแห่งปีของบุนเดสลีกาในปี 2011และ 2012 และเป็นอันดับ 2 โค้ชยอดเยี่ยมฟีฟ่าในปี 2013 รองจากจุ๊ปป์ ไฮเกซ
ซีซั่น 2013-14 ดอร์ทมุนด์ได้อันดับ 2 ของบุนเดสฯ (แชมป์ คือบาเยิร์นคุมโดยเป๊ป) และเข้าถึงรอบ quarter final ของ UCL โดยแพ้รีลมาดริคที่คุมโดยอันเชล็อตติไปด้วยสกอร์รวม 3-2 (ซีซั่นนั้น รีลมาดริคได้แชมป์ UCL)
===============================================================================
นักเตะสำคัญที่ได้รับการซื้อตัวเข้ามาและ/หรือปั้นโดยคล็อปป์ มี :
ไวเดนเฟลเลอร์ (ประตู) : ย้ายมาจากไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 2002 เป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด และเป็นประตูทีมชาติเยอรมันหมายเลข 2 รองจากนอยเออร์
ฮุมเมิ่ลส์ (เซ็นเตอร์แบ็ค) เป็นเยาวชนของบาเยิร์น ยืมตัวมาในปี 2008 และย้ายมาอยู่ดอร์ทมุนด์ ปี 2009 เป็น 11 ตัวจริงของแชมป์โลก 2014 และเป็นนักเตะ all-star team ฟีฟ่าปี 2014 (เหนือกว่าเฟอร์ดินานด์ เพราะเป็น 11 ตัวจริงเยอรมันชุดแชมป์โลก 2014)
ซูโบคิซ (เซ็นเตอร์แบ็ค) คู่ใจคล็อปป์ตั้งแต่อยู่ไมนซ์ 05 เป็นเซ็นเตอร์สำคัญคู่กับฮุมเมิ่ลส์มาตลอด (ด้อยกว่าวิดิชเล็กน้อย)
ชินจิ คากาวะ (play-maker) ซื้อตัวจากญี่ปุ่นในปี 2010 ทำประตู 13 assist 8 ใน 3 ซีซั่น เป็นแชมป์ AFC Champ 2011 นักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 2012) ได้ย้ายมาอยู่แมนฯยูปี 2012 เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ยิงแฮททริคและได้แชมป์ EPL
กุนโดกัน (กลางรุก) : ดอร์ทมุนด์ซื้อตัวมาจากแนนเบิร์กในปี 2011 เขาเป็นกำลังสำคัญในการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ปี 2012 ในอินทรีเหล็กเขาเจ็บในรอบคัดเลือก 2014 ทำให้อดไปเล่นบอลโลก มีสไตล์การครองและผ่านบอลที่ดี แต่ไม่เด่นด้านการ tackle (ใกล้เคียงกับบลิ้นท์ในตำแหน่งกองกลาง)
รอยส์ (ปีกซ้าย, play-maker และกองหน้า) เคยเป็นนักเตะใน academy ของดอร์ทมุนด์ ซื้อตัวจากมึนเช่นกลัดบัค เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันในปี 2012, ทีมยอดเยี่ยมยูฟ่าปี 2013, assist มากที่สุดในบุนเดสฯ 2013-14, UCLทีมยอดเยี่ยม 2013-14 ได้รับบาดเจ็บจนไปบอลโลก 2014 ไม่ได้ ทำให้โอซิลได้เป็น 11 ตัวแรก (นักเตะแนวรุกของแมนฯยูที่ใกล้เคียงก็มีแค่ดิ มาเรียที่ได้นักเตะยอดเยี่ยมอาร์เจนติน่าสมัยอยู่รีล มาดริค)
มาริโอ เกิทเซ่ (ปีกและ play maker และ false 9) มาจาก academy ของดอร์ทมุนด์ 2009-10 คล็อปป์ดันให้เล่นเป็น 11 คนแรกตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามา ได้เป็นนักเตะดาวรุ่งบุนเดสฯ 2010-11, ทีมแห่งซีซั่นของบุนเดสฯ 2010-11, 2012-13 (ในแมนฯยู ไม่มี play maker ที่มีทักษะระดับนี้)
เลวานนอฟสกี้ (กองหน้า) ซื้อตัวจากโปแลนด์ในปี 2010 ย้ายไปบาเยิร์นซีซั่นนี้ (ทำสกอร์สูงสุดของบุนเดสฯ ซีซั่นก่อน) (เทียบได้กับรูนีย์)
หมายเหตุ : ในทรรศนะของผมบาเยิร์นในซีซั่น 2012-13 ของปู่จุ๊ปป์เป็นทีมสโมสรที่เก่งที่สุดในโลกทีมหนึ่ง ไฮเกซพาบาเยิร์นเป็นทริปเปิ้ลแชมป์เป็นทีมแรกและทีมเดียวในประวัติศาสตร์เยอรมัน ในบุนเดสฯ ทำสถิติกว่า 20 records ใน UCL รอบ semi-final ทีมเอาชนะบาซ่าไปด้วยสกอร์รวม 7-0 แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเมสซี่ได้รับบาดเจ็บและบียาโนว่าตัดสินใจไม่ส่งเขาที่เป็นตัวสำรองลงแก้เกม (โค้ชของบาซ่าในซีซั่นนั้น เป็นผู้ช่วยโค้ชของเป๊ปมาก่อน ได้เป็นโค้ชหลังจากเป๊ปลาออก) และรอบ final ชนะดอร์ทมุนด์ไป 2-1 (ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว)
================================================================================
ซีซั่นสุดท้าย (2014-15) กับดอร์ทมุนด์
ใน leg แรกก่อน break หน้าหนาว คล็อปป์เจอปัญหาลูกทีมบาดเจ็บหนัก ได้แก่ : กุนโดกัน, รอยส์, ฮุมเมิ่ลส์
และเสียเลวานนอฟสกี้ฟรีเพราะหมดสัญญา (เขาแสดงเจตนารมย์แต่แรกว่าต้องการไปบาเยิร์น) (ซึ่งเป๊ปที่เป็นเจ้าพ่อในระบบ false nine เลือกใช้เขาเป็น’กองหน้าตัวจริง') อาการบาดเจ็บของนักเตะสำคัญและหากองหน้าที่ทำประตูสู้เลวานดี้ไม่ได้ (อิมบองมิลเลจากอิตาลีและโอบาเมยองจากฝรั่งเศส) ทำให้ดอร์ทมุนด์ใน leg แรกตกไปอยู่ท้ายตารางบุนเดสฯ แต่ใน UCL กลุ่มกับอาร์เซน่อล, อันเดอร์เลซและการาตาซาราย ดอร์ทเป็นแชมป์กลุ่ม (ชนะและแพ้อาร์เซน่อล 2-0, 0-2)
และใน leg 2 (หน้าหนาว) ของบุนเดสฯ เมื่อนักเตะหายดี (แต่ก็มีอาการบาดเจ็บบางคนลงไม่ได้บางเกม) ดอร์ทมุนด์ชนะ 7 แพ้ 3 เสมอ 3 (แมทช์ล่าสุดรอยส์ยังได้รับบาดเจ็บไม่ได้ลง) โดยล่าสุดในบุนเดสฯ อยู่อันดับ 9 มี 40 คะแนน ห่างโซนยูโรป้าลีก 3 คะแนน และห่างโซน UCL 15 คะแนน
ในบอลถ้วย ดอร์มมุนด์เฉือนบาเยิร์นด้วยการชนะจุดโทษหลังเสมอกัน 1-1 ในช่วงต่อเวลา ทำให้ได้เข้าชิงเดเอฟเบโพคาล
ใน UCL 16 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายจูเวนตุส (ที่ตอนนี้เข้ารอบ semi-final) สกอร์รวม 5-2
================================================================================
สไตล์ของดอร์ทมุนด์ภายใต้การคุมของคล็อปป์ :
เล่นในระบบ 4-2-3-1 ไม่ได้เน้นครองบอลมาก เมื่อนักเตะสมบูรณ์จะเพิ่มการเพรสซิ่งแดนหน้า โดยเล่นเกมชิ่งบนพื้นเป็นหลัก มักจู่โจมด้วยการจ่ายทะลุในแดนกลาง และ cross จากกราบ แต่ก็มี cross จู่โจมแดนหน้าและยิงไกล ส่วนการเตะมุมหรือฟรีคิกส์ก็เชื่อใจได้
เป็นการเล่นด้วยแท็คติคเล่นเกมรุกเป็นหลัก เมื่อตามหลังจะมีการแก้เกมทั้งการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่ง หรือ มิดฟิลด์ตัวรุกเป็นกองหน้า หรือ แม้แต่เปลี่ยนกองหลังนำกองหน้าลง
นอกจากนั้น ข้างสนาม เขามีสไตล์การมีส่วนร่วมอยู่กับเกมข้างสนามอยู่เกือบตลอดเวลา (บางส่วนคล้ายๆ เฟอร์กี้)
===============================================================================
สิ่งที่คุณจะไม่ได้เห็นคล็อปป์ทำ (ในขณะที่ LVG ทำ) : (ถ้าบางท่านจะรับความจริงที่บาดใจนี้ไม่ได้ ผมจะเอาไว้ใน SPOIL นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมายเหตุ : LVG กับคล็อป์เป็นเทรนเนอร์ในแบบยุโรป คือ ไม่ได้เป็นผู้จัดการแบบอังกฤษที่จะมีบทบาทเกิน 3 ใน 4 ในการซื้อขายนักเตะ เพราะในยุโรป จะมีรอง CEO / ผู้อำนวยการกีฬา/ฟุตบอลททำหน้าที่ซื้อขายนักเตะ โดยเทรนเนอร์จะเสนอรายชื่อนักเตะที่ต้องการ
กรณีนี้ LVG มีภาษีดีกว่า เพราะเขาผ่านการคุมแมนฯยูใน EPL มาเกือบ 1 ปีแล้ว และการคว้าเดปายมารวดเร็วก็แสดงว่า ด้วยการคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ทำให้มี connection กับนักเตะ แต่คล็อปป์ที่ได้เล่นใน UCL มาติดต่อกัน 4 ปี ก็รู้จักนักเตะระดับยุโรปไม่น้อย
================================================================================
หมายเหตุ : ข้อมูลการเป็นโค้ชทั้งหมดของ LVG ก่อนคุมแมนฯยู อยู่ใน comment ถัดไปครับ