สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
มอมเอ๋ย...สมองไม่มีรอยหยักบ้างเลยหรือ ? จะให้หาเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องอจินไตยได้ยังไงก๊านน ? .... เรื่อง อภิญญา ฌาน สมบัติ ฯลฯ อะไรทำนองนั้นทั้งหลาย ล้วนเป็นเรื่องอจินไตย จะหาเหตุผลธรรมดามาแสดงไม่ได้หรอก พระพุทธเจ้าก็ตรัสเตือนไว้แล้วว่า ใครไปคิดหาเหตุผลกับเรื่องพวกนั้น เดี๋ยวไม่นานจะบ้า (หรืออย่างน้อยๆก็จะเป็นคนประสาทฝั้นเฟือน) ....แต่ว่าตามจริง เรื่องเหนือมนุษย์พวกนั้น ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ก็มีเหตุผลอยู่นั่นแหละ เพราะเป็นเรื่องของสังขารในอีกรูปแบบหนึ่งก็ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นปัจจัยของมัน ... แต่เหตุผลอยู่ซ้อนลึกละเอียดในจิต นอกเหนือจากอายตนะภายนอกทั้ง ๕ จะรู้เห็นได้ ท่านจึงห้ามไม่ให้ไปคิดจินตนาการเพื่อหาความเข้าใจในเรื่องพวกนั้น
ความคิดเห็นที่ 1
สุขจากสมาธิ
ผมได้อะไรจากการนั่งสมาธิ หรือทำสมาธิ
นั่นน่ะสิ ผมได้อะไร
โกรธยากขึ้นมั๊ง
มีความสุขได้ง่ายขึ้นมั๊ง
ทำใจ ช่างมันได้ง่ายมากขึ้นมั๊ง
ของเช่นนี้มันเป็นของเฉพาะตน เคยได้แล้วก็อยากได้อีก อยากทำให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปอีก
สุขด้วยความสงบนั้น หาอะไรมาเปรียบเทียบได้ยาก จะบอกว่าสุขก็ไม่ใช่ เฉยๆก็ไม่เชิง มันอิ่มๆ ลอยๆ เบิกบาน แช่มชื่น
ตอนเริ่มต้น มันก็ไม่ได้เป็นสมาธิอะไรหรอก
แต่พอจิตใจเริ่มอ่อนลง ควรแก่การงาน มันก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นได้ไม่ยาก ถ้าไม่ได้อ่านมา หรือศึกษามาก่อน ก็อาจเตลิดไปได้ไกลน่ากลัว
วิธีการใช้งานจิตใจที่มีกำลัง ก็มีสอนอยู่ว่ามันทำงานยังไง ใครจะหยิบจับไปใช้งานยังไงก็ตามตำรา มันสามารถทำได้
ถ้า 3 มอม เริ่ม ปฏิบัติ จริงๆ ไม่น่าเกิน 3 เดือนหรอกครับ
เชื่อยาก ถือตัวว่าฉลาด ต้อง เอาจิตวางไว้ที่กระหม่อมครับ ไม่ต้องคิดอะไร
จากไม่รู้สึกอะไร จะเริ่มรู้สึก ถึงความเครียดเมื่อเอาจิตไปเพ่งที่กระหม่อม
แล้วก็จะเริ่มรู้สึกถึงกระแสที่เป็นลำ ที่กระหม่อมครับ
เมื่อเพ่งเพิ่มขึ้น จิตนิ่งขึ้น ละเอียดขึ้น ความอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้นแก่คุณเอง
แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันต้องเริ่มจากตัวคุณเองครับ แค่เริ่มต้นทำให้ได้ครบ 1 เดือนก่อน วันละ 1-2 ชั่วโมง เวลาเช้ามืด ก็เพียงพอ
ตื่นเช้าขึ้นอีกสักนิด นอนเร็วขึ้นอีกสักหน่อย
ตื่น ตีสาม กำลังดีครับ
แนะนำให้ทำเลยครับ
แล้วความสงสัยของคุณจะลดลงไปอีกเยอะ
ด้วยความปรารถนาดีล้วนๆครับ
ขอให้เจริญด้วยสมาธิ
ผมได้อะไรจากการนั่งสมาธิ หรือทำสมาธิ
นั่นน่ะสิ ผมได้อะไร
โกรธยากขึ้นมั๊ง
มีความสุขได้ง่ายขึ้นมั๊ง
ทำใจ ช่างมันได้ง่ายมากขึ้นมั๊ง
ของเช่นนี้มันเป็นของเฉพาะตน เคยได้แล้วก็อยากได้อีก อยากทำให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปอีก
สุขด้วยความสงบนั้น หาอะไรมาเปรียบเทียบได้ยาก จะบอกว่าสุขก็ไม่ใช่ เฉยๆก็ไม่เชิง มันอิ่มๆ ลอยๆ เบิกบาน แช่มชื่น
ตอนเริ่มต้น มันก็ไม่ได้เป็นสมาธิอะไรหรอก
แต่พอจิตใจเริ่มอ่อนลง ควรแก่การงาน มันก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นได้ไม่ยาก ถ้าไม่ได้อ่านมา หรือศึกษามาก่อน ก็อาจเตลิดไปได้ไกลน่ากลัว
วิธีการใช้งานจิตใจที่มีกำลัง ก็มีสอนอยู่ว่ามันทำงานยังไง ใครจะหยิบจับไปใช้งานยังไงก็ตามตำรา มันสามารถทำได้
ถ้า 3 มอม เริ่ม ปฏิบัติ จริงๆ ไม่น่าเกิน 3 เดือนหรอกครับ
เชื่อยาก ถือตัวว่าฉลาด ต้อง เอาจิตวางไว้ที่กระหม่อมครับ ไม่ต้องคิดอะไร
จากไม่รู้สึกอะไร จะเริ่มรู้สึก ถึงความเครียดเมื่อเอาจิตไปเพ่งที่กระหม่อม
แล้วก็จะเริ่มรู้สึกถึงกระแสที่เป็นลำ ที่กระหม่อมครับ
เมื่อเพ่งเพิ่มขึ้น จิตนิ่งขึ้น ละเอียดขึ้น ความอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้นแก่คุณเอง
แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันต้องเริ่มจากตัวคุณเองครับ แค่เริ่มต้นทำให้ได้ครบ 1 เดือนก่อน วันละ 1-2 ชั่วโมง เวลาเช้ามืด ก็เพียงพอ
ตื่นเช้าขึ้นอีกสักนิด นอนเร็วขึ้นอีกสักหน่อย
ตื่น ตีสาม กำลังดีครับ
แนะนำให้ทำเลยครับ
แล้วความสงสัยของคุณจะลดลงไปอีกเยอะ
ด้วยความปรารถนาดีล้วนๆครับ
ขอให้เจริญด้วยสมาธิ
แสดงความคิดเห็น
งมงายกับคันโตน่า
งมงายคือคนที่เชื่อว่า คนเกิดมาเดินได้ทันที
งมงายคือคนที่เชื่อว่า กระดูกมันบินได้
งมงายคือคนที่เชื่อว่า คนแยกร่างได้
งมงายคือคนที่เชื่อว่าคนตาทิพย์หาไดโนเสาร์ได้
งมงายคือคนที่เชื่อว่า มีนรกสวรรค์แอบตามมิติหลบหลีกยานของนาซา
งมงายคือคนที่เชื่อว่า ผีม้าลายสิงเด็ก
งมงายคือคนที่เชื่อแบบนั้น แต่หาเหตุผลมาแย้งไม่ได้
นั่นแหละคือคนงมงาย คันโตเน่า
ชึ่งข่าวร้าย มันมีอยู่ในตัวคุณทั้งนั้น
หาเหตุผลมาแย้ง ครับ
แถไปไถมา ไม่เหนื่อยเหรอ
สรุปว่านี่คือนิยามนะ
นอกนี้ไม่งมงายใช่ไหม