เจี้ยะป้าบ่อสื่อ?

กระทู้ข่าว
เหลือบไปเห็นโลกโซเชียล ฟอร์เวิร์ดเมล์ สังคมออนไลน์ที่กำลังรณรงค์จะไม่เข้าไปอุดหนุนร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) ของเครือ ซี.พี.โดยอ้างว่าทำธุรกิจผูกขาด และจ้องกินรวบธุรกิจทุกชนิดประเภท ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ถึงขนาดที่ว่าอีกหน่อยข้าวแกงรถเข็นก็คงไม่เหลือ

ก็ให้น่าแปลกที่สินค้าอุปโภคบริโภคนับพันรายการในร้านเซเว่นนั้น ก็ล้วนมาจากเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศที่เซเว่น หรือ ซี.พี.ออลล์มีส่วนในการเข้าไปให้คำแนะนำและส่งเสริมให้ผลิตป้อนบริษัทจนติดตลาด ก่อนจะโบยบินตีปีกใหญ่โต แต่กลับไม่มีใครพูดถึง

เรื่องของเรื่องเข้าใจว่า คงจะมาจากกรณีที่รัฐบาล คสช.และกระทรวงคมนาคมออกมาตีปี๊บเรื่องที่กระทรวงคมนาคม เชิญเจ้าสัว ซี.พี.เข้าไปพูดคุยถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์รถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง “ไฮสปีดเทรน” ที่รัฐบาลกำลังโม่แป้งอยู่ และมีแนวคิดจะเชิญกลุ่มทุนไทยที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมลงทุน หรือรับสัมปทานไปดำเนินการ เมื่อเครือ ซี.พี.ตอบรับให้ความสนใจก็เลยงานเข้า

คงจะไปทับตาปลาขาใหญ่ใครต่อใครที่เคยตีตราจองโครงการลงทุนเหล่านี้เอาไว้แล้วว่างั้นเหอะ

ทั้งที่จะว่าไปหนทางในการเข้ารับสัมปทานหรือร่วมลงทุนกับรัฐนั้น ไม่ใช่เรื่องที่คิดได้แล้วจะทำก็ทำได้ มันมีกระบวนการทางข้อกฎหมายอีกพะเรอเกวียน ขนาดรัฐบาลชุดก่อนจะทำโครงการ 2 ล้านล้านที่จะเปิดกว้างเชื้อเชิญนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาประมูลปกติ ยังถูกเครือข่ายองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ถูกองค์กรอิสระ แม้กระทั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตศร.) กระตุกเบรกหัวทิ่มจ่อจะไปเกิดเอาชาติหน้า

เรื่องที่จะมาประเคนให้กลุ่มทุนไทย-เทศหรือใครต่อใครไปแบบที่รัฐบาลชุดนี้กำลังฝันเฟื่องอยู่นั้น คงบอกได้คำเดียวว่าฝันไปเถอะชาติหน้า ถึงเวลาใครจะกล้าเอาคอไปพาดเขียง!

กับเรื่องที่จั่วหัวไว้ ก็เรื่องที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)และคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ตรวจสอบการโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกราย โดยเฉพาะบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส จาก 2 จี ไป 3 จีว่า เป็นการดำเนินการ ที่ถูกต้องตามประกาศ กสทช.และสัญญาสัมปทานที่มีอยู่กับภาครัฐ ทีโอที-แคท หรือไม่

นัยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ (เคลียร์ลิ่งเฮ้าส์) พบว่าเอไอเอส มีการโอนย้ายเลขหมายจาก 2 จี ไปยังเครือข่าย 3จีของบริษัทแล้วกว่า 30 ล้านเลขหมาย จากอดีตที่มีลูกค้าผู้ใช้บริการ 2 จีอยู่กว่า 40 ล้านเลขหมาย ปัจจุบันเหลือลูกค้าในระบบ 2 จีอยู่เพียง 10 ล้านเลขหมายเท่านั้น ซึ่งการโอนย้ายเลขหมายดังกล่าวแม้จะกระทำได้แต่ต้องได้รับความยินยอมพร้อมใจจากลูกค้า ไม่ใช่มุบมิบโอนย้ายไปโดยอัตโนมัติ เพราะตามสัญญาสัมปทานนั้น ลูกค้าเหล่านี้ต้องถือเป็นทรัพย์สิน Asset ตามสัญญาสัมปทานที่ต้องโอนให้แก่รัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญา

จะว่าไปข้อห่วงใยของ สตง.ต่อกรณีนี้ ก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใดหากจะเป็นข้อห่วงใยที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐอย่างแท้จริง ไม่มีวาระซ่อนเร้น เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดถึงเพิ่งจะมางัวเงียเอาตอนนี้ ทั้งที่บริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ “แคท” และทรูมูฟนั้นมีการดำเนินการเรื่องเดียวกันนี้มาตั้งแต่ปีมะโว้ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ก่อนสัมปทานมือถือระบบ 1800 MHz ระหว่างทรูมูฟกับแคทจะสิ้นสุดลง

ในเวลานั้นนัยว่า มีลูกข่ายค้างอยู่ในระบบ 2 จีอยู่กว่า 17 ล้านเลขหมายที่จ่อจะถูกลอยแพ จน กสทช.ต้องออกมาตรการเยียวยา ให้ผู้ประกอบการเร่งโอนย้ายเลขหมายกันให้จ้าละหวั่น ก็ไม่รู้หากวันนี้ เอไอเอสยังไม่เร่งดำเนินการโอนย้ายเลขหมายก่อนสัมปทานสิ้นสุดลง รอให้สัมปทานสิ้นสุดลงไปแล้วค่อยมาดำเนินการ มันจะโกลาหลกันแค่ไหน?

ไอ้ที่ว่าการโอนย้ายที่ค่ายมือถือดำเนินการไปนั้น บางรายไม่ได้สมัครใจแต่ถูกโอนย้ายไปโดยอัตโนมัตินั้นหากมีจริงก็คงเป็นเรื่องของเจ้าของเครื่องจะไปร้องแรกแหกกระเชอเอากับหน่วยงานกำกับจะดีกว่าไหมว่ายังอยากอยู่ในระบบ 2 จีที่แม้เขาเลิกให้บริการแล้ว ปิดเครือข่ายไปแล้วก็จะยังอยู่

พูดถึงบทบาท สตง.ที่ดูจะขยันกับการฟื้นฝอยเหลือหลายแล้วก็ให้นึกเลยไปถึงเรื่องที่ สตง.เคยชี้ขาดกรณีสัญญาทำตลาดมือถือระบบ 3 จีบนคลื่นความถี่ 850 MHz “กสท-ทรูมูฟ” ว่าผิดกฎหมายสารพัด สุดท้ายเรื่องไปถึงไหนแล้วหรือ

หรือเรื่องที่รัฐบาล คสช.และกระทรวงคมนาคมกำลังตีปี๊บจะประเคนสัมปทานรถไฟความเร็วสูงหรือแม้กระทั่งสัมปทานรถไฟทางคู่ปกติหรือรถไฟความเร็วปานกลางที่รัฐจะเที่ยวยกให้จีนและญี่ปุ่นหรือกลุ่มทุนไทย-เทศที่มีศักยภาพที่กำลังทำเอาเครือ ซี.พี.งานเข้าอยู่นั้น

หากแม้กรณีการประมูลให้สัมปทานปกติยังถูกเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ถูกองค์กรอิสระน้อยใหญ่ทั้งหลายค่อยแคะว่าเตรียมประเคนถอนทุนให้ใครต่อใคร ก็แล้วทำไมกรณีอื้อฉาวแบบนี้ องค์กร สตง.ถึงไม่คิดจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาหรือออกสมุดปกขาวตักเตือนรัฐบาลอย่าได้ลุแก่อำนาจบ้างหล่ะ

ทำไมถึงได้แต่ “นั่งเอามือซุกหีบ” เงียบเป็นเป่าสากได้ แต่กลับเรื่องโอนย้ายเลขหมายมือถือที่เขามาประกาศ กสทช.รองรับอยู่กลับตีโพยตีพายจะเป็นจะตายซะให้ได้ขึ้นมา ระวังผู้คนในสังคมเขาจะค่อนแคะได้ว่า “ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด” เอาได้หล่ะ!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่