ชี้แจงกรณีถกเถียงเรื่องจักรยานบนถนนหลวง

ผมออกตัวก่อนเลยว่าผมขี่จักรยาน ดังนั้นผมมีความเห็นเอนเอียงอยู่ฝั่งจักรยาน แต่ผมจะมองในมุมของความถูกผิดแบบเป็นกลาง
ตอนนี้ใน feed ของ facebook ผมค่อนข้าง"น่ารำคาญ" มากเมื่อมีการ share ความเห็นของผู้คนในสังคมที่ให้ความเห็นแตกต่างกันไปในมุมมองต่างๆ ซึ่งความเห็นที่ดูแล้วเหมือนจะหวังดี แต่ขาดพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้องคือ
"จักรยานไม่ควรอยู๋บนถนนหลวง" ด้วยเหตุผลหลักดังนี้
1 ถนนถูกออกแบบมาให้รถยนต์ใช้งาน จักรยานถือเป็นส่วนเกินที่เข้ามาใข้พื้นผิวจราจร
2 จักรยานไม่ได้เสียภาษีเหมือนกับรถยนต์ชนิดต่างๆ และจักรยานยนต์จึงไม่มีสิทธิขึ้นมาใช้ถนน
3 จักรยานที่ขึ้นมาใช้ผิวจราจรประพฤติตัวไม่เหมาะสม กีดขวาง หวาดเสียว และสังเกตุเห็นได้ยาก

ผมขอชี้แจงตามลำดับดังนี้
ถนนสาธารณะถือเป็นเส้นทางสัญจจรทั่วไปที่สามารถใช้งานได้ทุกคน โดยระบุพาหนะที่สามารถใช้ร่วมทางต่างๆเอาไว้หลายชนิด ซึ่งตาม พรบ. ระบุชัดเจนว่าจักรยานถือเป็นหนึ่งในพาหนะสัญจรที่สามารถขึ้นไปใช้ผิวจราจรได้ โดยระบุกำหนดการใช้ผิวจราจร"คล้าย"กับจัรกยานยนต์ เพราะถือเป็นพาหนะเล็ฏเช่นเดียวกัน และมีสิทธิใช้พื้นที่ได้มากกว่ารถลาก รถเข็น ซึ่งหลายๆคนคงลืมไปว่าประชากรบนถนนที่ชอบด้วยกฏหมายนั้นครอบคลุมพาหนะชนิดต่างๆ ไปจนถึง คนเดินข้ามถนน คนเดินริมไหล่ทาง และสัตว์ต่างๆทั้งที่มีคนควบคุมและไม่ควบคุม  ดังนั้นทุกกรณีนี้ "มีสิทธิ"ใช้ถนนได้เท่ากันกับรถยนต์
ถนนถูกออกแบบมารองรับการใช้รถยน์เป็นความเข้าใจที่ถูกแต่ยังไม่ครบ เพราะถนนออกแบบมาให้พาหนะทุกชนิดและส่วนประกอบอื่นๆใช้งานได้ร่วมกันกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นถนนใหญ่ หลวง หรือถนนเล็ฏ ตรอก ซอย ถูกจัดเป็น"ทางสัญจร" ทั้งสิ้น
มีถนนที่กำหนดการใช้งานหรือไม่?  มีครับ ทางพิเศษ ทางยกระดับ สะพานข้ามแยก อุโมงค์ พื้นที่เหล่นี้ถือเป็นพื้นที่ห้ามเฉพาะรถยนต์เท่านั้น รถจักยานยนต์ จักรยาน รถลาก รถเข็น คน สัตว์ *ห้าม* ใช้ เนื่องจากอันตรายและไม่เหมาะสม
ดังนั้น ถนนอื่นๆนอกนั้น เป็นสิทธิของคนทุกคนในประเทศไทยที่จะเลือกใช้งาน หรือใช้พาหนะขับชี่ลากจูงได้โดยเสรี ตราบใดที่สอดคล้องกับระเบียบกฏข้อห้ามที่ พรบ. กำหนด

กรณีภาษี ดังนั้นต่อเนื่องจากคำตอบแรก จะสังเกตุได้ว่า คนไทยทุกคนมีหน้าที่ตอ้งเสียภาษี ยกเว้นกณียกเว้นรายได้บุคคลขั้นต่ำ หรือกรณียกเว้นพิเศษถือว่า"ม่ต้องเสียภาษี" ไม่ได้แปลว่า "ไม่เสียภาษี" ซึ่งหน้าที่นี้จะพ่วงมากับสิทธิการใได้ใช้สาธารณูปโภคต่างๆ อาทิสวนสาธารณะ สวนหย่อม ลานกีฬา ศูนย์เยาวชน และแน่นอน ถนนอันเป็นทางสัญจรสาธารณะถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่คนไทยทุกคนมีสิทธิใช้ได้ รัฐได้สร้างมาเพื่อให้ตอบสนองการใช้งานทุกชนิด ไม่ได้แปลว่า เก็บภาษีรถยนต์แล้วถนนสร้างมาให้รถยนต์ ไม่ได้แปลว่าคนๆนี้มีรายได้ปีละไม่เกิน 24,000 บทงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีจะไม่มีสิทธิใช้สวนสาธารณะ ลานกีฬา
แล้วภาษีรถยนต์? เพื่อ? รถยนต์ก่อให้เกิดความเสียหายกับผิวถนนและทางสัญจร ลดหลั่นกันไปตามขนาด นอกจากนั้นรถยนต์ยังปล่อยมลพิษเข้าสู่บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมอันเป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยเรื้อรังหลายชนิด อีกทั้งอัตราอุบัติเหตุต่างๆที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ ซึ่งในแง่ของสาธารณะสุขถือว่าต้องสิ้นเปลืองงบประมาณที่จะต้องมารองรับทั้งผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยโรคเรื้อรังดังกล่าว แปลง่ายๆก็คือภาษีรถยนต์เก็บไปเพื่อเ)็นค่าบริหารจัดการอันเกิดจากการกระทำของรถยนต์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทำไมจักรยานไม่มีภาษี? จักรยานถือเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับโลกและก่อให้เกิดมลพิษน้อย มีอัตราอะบัติเหตุต่ำ การวิจัยของสถาบันการศึกษาในยุโรปหลายเล่มแสดงผลชัดเจนว่าผู้คนที่สัญจรด้วยจักรยานมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังต่างๆน้อยกว่าคนที่ขับรถไปทำงานถึง 3 เท่า และอัตราการเจ็บป่วยลดลองเป็น 5 เท่าในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายด้วยจักรยาน ด้วยเหตุนี้จักรยานจึงถือเป็นพาหนะที่หลายประเทศในโลกสนับสนุนให้ใช้กันอย่างกว้างขวาง เพราะส่งผลดีกับองค์รวม

อย่าเพิ่งหลุดประเด็นนะครับ นี่คือคำตอบเรื่องภาษี ผมไม่ได้มาขาย green concept แต่มันเชื่อมโยงกัน

ประเด็นต่อมาจักรยานกีดขวาง มองเห็นได้ยาก กรณีนี้มองอย่างเป็นกลางจริงๆแล้วพบว่ามีนักจักรยานที่ทำตัวให้ไม่น่ารักอยู๋ขริง ทุกคนต้องยอมรับได้ แต่ปัญหาคือคุณร็กันหรือไม่ว่าจักรยานนั้นมีข้อบังคับอะไรบ้าง?? หากคุณไม่เข้าใจแนวคิดเรือ่งทางสัญจร คุณจะไม่ร็เลยว่าจักรยานมีสิทธิใช้พื้นถนน และเมื่อไม่ร็ว่ามีสิทธิคุณจึงโบ้ยว่าจักรยานไม่ควรมาอยู่ ทั้งที่จริงๆแล้วสิทธินี้มาพร้อมหน้าที่ของจักรยานที่ตอ้งปฏิบัติตาม ข้อสำคัญต่างๆที่จำเป็นและควรรู้ยกตัวอย่างได้ดังนี้
-จักรยานต้องวิ่งชิดซ้ายของช่องทางเดินรถซ้ายสุดเท่านั้น ยกเว้นกรณีที่มีสิ่งกีดขวางสามารถหลบออกใช้ขอบซ้ายช่องทางจราจรถัดไปได้ กรณีเปลี่ยนช่องทางเพื่อเปลี่ยนทิศทางต้องทำในระยะที่เหมาะสมและให้สัญญาณมือชัดเจน  ...แปลได้ว่า
...จริงๆจักรยานมีสิทธิใช้ขอบซ้ายเลนซ้ายสุดนะครับ ไม่ใช่ว่าเค้าต้องอยู๋บนไหล่ทางเท่นั้นนะครับ พึงระวังด้วย เพราะขอบซ้ายของช่องทางซ้ายสุดมีทั้งจักรยานและจักรยานยนต์ใช้งาน
มีกรณีอื่นๆหรือไม่??  มีครับ เช่นหากช่องทางซ้ายสุดเป็นช่องทางรถสาธารณะหรือช่องทางรถเมล์ จักรยานสามารถใช้ช่องทางถัดไปได้โดยต้องชิดขอบทางซ้ายของช่องทางให้มากที่สุด   ...ที่สำคัญ กฏหมายระบุชัดเจนว่าหากในบริเวณดังกล่าวมีทางจักรยาน ผู้ขี่ต้องใช้ทางจักรยานนั้น แทนถนน  ข้อนี้เป็นจุดสำคัญที่ต้องมารื้อกัน เพราะทางจักรยานหลายๆที่มันขี่ไม่ได้ครับ อันนี้ไม่ว่ากันแต่กฏหมายว่าเช่นนี้

-จักรยานระบุว่าต้องมีไฟหน้า ไฟท้าย ส่องสว่างชัดเจน และต้องเปิดให้เห็นได้ชัดเจน(มีระยะกำหนดทุกอย่าง)ในยามค่ำคืน ข้อนี้นักปั่นต้องมาถามคำถามตนเองแล้วว่าข้อนี้ทำถูกต้องกันทุกกรณีหรือยัง มีกรณีที่ไม่ติดไฟหรือไม่ ผมตอบแทนได้เลยว่ามี ผมเห็นอยู่เป็นปกติมาก  อันที่จริงกฏหมายระบุชัดเจนเลยนะครับว่าจักรยาน"ต้อง"มีไฟหน้าและไฟท้าย ติดเอาไว้แม้ว่าจะไม่เปิดในเวลากลางวันก็ตาม แต่อะลุ่มอะหล่วยให้ไม่จำเป็นต้องมีในยามแสงสว่างเพียงพอ แต่หากกลางคืนไม่มีไฟส่องสว่างทั้งหน้าและหลัง ถือเป็นความผิด แม้ว่าไม่มีใบขับขี่ก็สามารถจับปรับดำเนินคดีได้เพราะผิด พรบ. อย่างชัดเจน  นอกจากไฟส่องสว่างจริงๆแล้วยังบังคับให้ติดกระดิ่งส่งเสียงได้ยินอย่างน้อยระยะ 10 เมตรอยู่ด้วย  
...ข้อนี้ผมเชื่อว่าทุกท่านเห็นพ้องต้องกันว่าาานักปั่นเองก็ละเลยถ้านับกันตามตัวหนังสือจริงๆ และต้องยอมรับว่านักปั่นอีกจำนวนมากละเลยไม่เพียงตัวหนังสือแต่เป็นเชิงปฏิบัติด้วย

-ผู้ชับขี่จักรยานต้องให้สัญญาณสื่อสารกับผู้ใช้ทางอื่นร่วมกันอย่างชัดเจน ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนช่องทาง ซึ่งในอดีตประเทศไทยเคยมีใบขับขี่จักรยานและระบุสัญญาณมือต่างๆเอาไว้อย่างชัดเจน ต่อมายกเลิกใบขับขี่พาหนะชนิดไปแล้วจึงไม่ได้มีการอบรมสัญญาณมืออย่างเป็นมาตรฐาน เหลือระบุเพียงให้ส่งสัญญาณสื่อสารกันให้ชัดเจน
...ข้อนี้คงตอบคำถามได้หลายข้อนำครับ เรือ่งใบขับขี่ เรื่องสัญญาณมือ

-จักรยานห้ามขับในลักษณะขนาดกันเกิน 2 แถว ข้อนี้ระบุชัดเจนมากๆครับ จักรยานสามารถตีคู่ขนานได้ไม่เกิน 2 แถว แปลว่าสองแถวได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่กีดขวางการจราจร พึงแบ่งปันพื้นผิวจราจรกับพาหนะอื่นๆเช่นกัน
รวมไปถึงกำหนดห้ามขับขี่หวาดเสียวประมาทต่างๆ เช่นปล่อยมือ ฉวัดเฉวียน ข้อนี้ระบุเลยว่าห้ามทำ

...จักรยานควรขี่บนถนนหรือไม่? ต่างคนต่างคิดต่างในมุมมองที่แตกต่างกันไป
แน่นอนครับว่า ณ ปัจจุบันนี้ อย่ามานั่งถามหาวินัยจราจรและการเคารพกฏหมาย เพราะจากความเห็นมากมายเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าผู้ขับรถยนต์ จักรยานยนต์อีกจำนวนมาก"ไม่ร็กฏหมาย" อย่างแท้จริงแล้วให้ความเห็นบนบรรทัดฐานของมุมมองตนเอง ต่อไปนี้จะเป็นคำตอบของคำถามต่างๆที่ถามกัน

...ทำไมต้องมาขี่บนถนน??
แล้วทำไมเค้าจะมาขี่ไม่ได้ครับในเมื่อเค้ามีสิทธิจะขี่
...ถนนเมืองไทยอันตรายเกินไปกับจักรยานหรือไม่??
...อันตรายเกินไป เนื่องจากมีความเข้าใจผิดดังที่อธิบายมาข้างต้นมากมาย ส่งผลให้เกิดปัญหาเป็นปฐมเหตุ เพราะจะขาดซึ่งความระมัดระวังกับผุ้ใช้ถนนอื่นๆ อย่าลืมนะครับว่าถ้าเข้าใจถูกต้อง ถนนนี้เป็นทางสัญจรสาธารณะที่ใช้ได้หลากหลาย ผู้ขับขี่ทุกชนิด"มีหน้าที่" ระมัดระวัง ไม่ก่อเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น  แปลง่ายๆ .... เคาสั่งและบังคับให้ต้องระวังครับ ไม่ใช่มารำคาญว่าต้องคอยระวัง มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องระวัง และมันเป็นหน้าที่ของทุกคน ทั้งคนจูงวัว คนเดินถนน ต้องระวังทั้งตนเองและผู้อื่น ห้ามขับรถ สัญจรโดยประมาทอย่างเด็ดขาด
...ทำไมไม่ไปขี่ในสวน??
สวนสาธารณะที่ขี่จักรยานได้มีอยู๋ไม่เกิน 10 ที่ทั่วประเทศไทย สวนสาธารณะที่ขี่จักรยานได้และสามารถออกกำลังกายได้มีอยู่ไม่เกิน 5 ที่ในประเทศไทยเนื่องจากจำกัดความเร็วและมีการใช้คนละรูปแบบ  อย่าลืมว่าจักรยานมีการใช้งานหลากหลายรูปแบบนะครับ ทั้งสัญจร ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ตราบใดที่ไม่ได้ขัดต่อกฏหมาย มีเสรีภาพเต็มที่ที่จะออกมาใช้ได้ ถ้าว่ากันตามตัวหนังสือ เด็ก 4 ขวบก็มีสิทธิขึ้นมาขี่จักรยานเล่นบนถนน และเป็นหน้าที่ของคนขับรถต้องมองให้เห็นและระวัง ส่วนเด็กก็ต้องสังเกตุเห็นได้ง่าย (ในต่างประเทศระบุให้จักรยานขนาดเล็กกว่าเท่าไหร่ๆต้องติดธงสูงชัดเจน) แต่ที่ไม่เอาออกมาเพราะคนรู้ครับว่ามันอันตรายเกินไป

อันตรายเกินไป  เพราะอะไร??
คำถามนี้ ลองอ่านให้เข้าใจตั้งแต่ต้น จะได้คำตอบว่า...มันอันตรายเพราะคนไทย คนขับรถยนต์เมืองไทย "ขาด"ความเข้าใจอย่างแท้จริง ทุกคนคิดบนฐานความคิดของตนเอง  ซึ่งไม่ผิดหรอกครับที่คุณจะคิดบนมุมมองของคุณ คุณจะเห็นว่าไม่เหมาะ เห็นว่าไม่ควร แต่กฏหมายระบุว่าทำได้ คุณต้องระแวดระวังแม้จะไม่เห็นด้วยเพราะเป็นหน้าที่ของคุณหากจะขึ้นมาใช้ถนนสาธารณะ
คนไทยมีน้ำใจ???.... เป็นคำถามที่แสนจะน่าเศร้า เพราะลองโยนกฏหมายทิ้งไปให้หมด  มีใครสนใจจะแบ่งปันถนนกันบ้างมั้ย? จักรยานมากันเป็นพันคนก็ขี่ขยายอัดเต็มสองช่องทางล้ำไปช่องทางที่สาม  รถยนต์เคยสนใจหรือไม่กับคนอื่นที่ร่วมใช้ถนนอย่างถูกต้อง
เพราะถ้าเรามีน้ำใจเสียอย่าง กฏหมายบังคับเหล่านี้อาจไม่จำเป็นก็ได้ จริงมั้ยครับ

บนถนนมันเสี่ยงมาจะออกมาขี่กันทำไม??
ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินจากที่อธิบายมาแล้ว ก็คงต้องถามกวนๆกันว่าแล้วจะให้ไปขี่ในน้ำ ในทะเลหรืออย่างไร ใช่ครับมันเสี่ยง คนขี่จักรยานทุกคนรู้ทั้งนั้นแต่เค้ากำลังใช้สิทธิของเค้า หลายๆคนพยายามรักษาวินัย พยายามทำตัวเองให้สังเกตุได้ง่าย เคารพกฏจราจรเต็มที่ แต่ความเสี่ยงที่ว่ามันเกิดจากปัจจัยอื่น อุบัติเหตุจักรยาน 4 กรณีล่าสุดที่โด่งดังเกิดจากอะไร  เมาแล้วขับซัลโวสอยยกพวง  ขับรถเร็วหวาดเสียวไม่ระวัง(ประมาท)จนเฉี่ยวชน  รถสิบล้อขับเบียดช่องไหล่ทางจนเกี่ยวนักปั่นกลิ้งโดนทับ  และ...มอเตอร์ไซค์แซงเบียดบรรทุกของหนักควบคุมรถไม่ได้เสยท้ายนักปั่นแขนเดียว  มันเกิดจากคนปั่นจักรยานหรือเกิดจากความประมาท? แล้วเราต้องแก้ที่ใครครับ
ในเมื่อพ่อลูกอยู่ริมถนนยังมีรถพุ่งมาชนจนพ่อต้องปกป้องลูกเอาไว้จนตัวตาย  ในเมื่อรถตู้โดยสารวิ่งมาดีๆโดนเบียดเฉี่ยวชนจากรถเก๋งจนคนกระเด็นระเนระนาด  ในเมื่อขับรถมาในช่องทางตัวเองดีๆยังมีรถบินข้ามเกาะกลางมาประสานงากันได้เพราะเมา
จักรยานตกเป็นประเด็นมากขึ้นเพราะ มีประชากรมากขึ้น  ประชากรจักรยานมากขึ้นในขณะที่วินัยและน้ำใจจราจรห่วยเท่าเดิม ก็กลายเป็นเหยื่อมากขึ้น  คำถามก็คือ  เราจะห้ามจักรยานหรือจะสำนึกมีวินัย?  ไม่ต้องตั้งคำถามนี้กับคนอื่น กับคนขับรถแย่ๆ

คุณ คุณ และตัวคุณเอง  อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เข้าใจสิทธิและปัจจัยความเป็นจริง แม้คุณจะมองว่าไม่เห็นด้วย ไม่เหมาะสม แต่สิ่งที่คุณควรทำคือ อะไร? อย่างน้อยเดี๋ยวคุณสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งออกไปบนถนน ลองถามตัวเองมั้ยครับว่าคุณมองถนนแตกต่างจากเดิมแล้วหรือยัง พร้อมหรือยังที่จะร็และเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ในการใช้ถนนร่วมกันให้ดีที่สุด คนละนิด คนละน้อย เพียงเท่านี้สังคมก็จะค่อยๆน่าอยู๋ขึ้น
วิธีการแก้ปัญหาด้วยการเอาปัญหาออกไป ไม่ได้แป้ปัญหาหรอกครับ มันคือการซ่อนและหมกปัญหาเอา
รู้สิทธิของตนเองและผู้อื่น ร็หน้าที่ของตนเอง มีน้ำใจ มีวินัย แล้วปัญหาต่างๆจะลดล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่