ประสบการณ์การแต่งงานที่ใครคิดอยากจัดขอให้อ่านกระทู้นี้ก่อน

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่มีสาระที่สุดสำหรับผม ผิดถูกอย่างไรชี้แนะด้วยครับ

ทั้งหมดนี้เล่าถึงประสบการณ์ตรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงงานแต่งงานของผม
หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังคิดจะแต่งหรือกำลังจัดงานแต่งงานสักเล็กน้อยก็ยังดี

ผมมีฝันที่อยากจะขอแฟนแต่งงานด้วยวิธีต่างๆมากมาย เพราะผมเป็นคนชอบทำเซอไพรส์มาก
แต่แล้ววันนึงผู้ใหญ่เริ่มเห็นว่าการอยู่กินกันก่อนแต่งของผมมันไม่สมควรอย่างยิ่ง ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้ถูกทำนองคลองธรรม
งานแต่งงานจึงบังเกิดขึ้นทันทีไม่รอวันครบรอบ 2 ปีที่ผมตั้งใจจะไปขอเธอแต่งงาน แผนพลังทลายสิ้น

พอสาวเจ้ารู้ตัวว่าจะได้แต่งงานก็ลากผมไปดู package Pre-Wedding ถ่อไปกันที่เมืองทอง wedding fair อะไรสักอย่าง
จริงๆตั้งใจแค่ไปดูลาดเลา แต่มวลสารพลังงานและมนต์สะกดจิตของเซลเล่นเอาพวกผมลุกจากที่นั่งไม่ได้เลย
โดนพนักงานตอดจนยอดไปตกที่หกหมื่น...... "60,000 นะครับ!!!!” ตอนนี้สาวเจ้าหน้ามืดแล้วครับ
อยากสวยอยากงาม "ครั้งเดียวในชีวิต" คาถานี้ใช้ได้ตลอดสำหรับเรื่องนี้ แต่ผมยอมไม่ได้หรอกเพราะยอดมันสูงเกินไป
และมันยากเกินกว่าที่ผมจะลุกหนี และปฏิเสธสิ่งที่อยู่ตรงหน้าลงได้ เพราะสาวเจ้าเตลิดไปไกลเกินกว่าจะกู่กลับมาได้
ผมเลยตัดทอน option จนยอดเหลือ 39,000 แล้วจบที่ยอดนี้ ตอนนั้นจำได้ว่าได้รูป 30 ใบ ถ้าซื้อเพิ่มใบละ 600 บาท
ผมก็สงสัยนะว่าทำไมซื้อไฟล์เพิ่มมันถึงแพงขนาดนั้น เซลก็ยังคอยสะกดจิตตลอดเวลาว่า
สิ่งเหล่านี้คือค่าคอมมิชชั่นที่ส่งต่อไปถึงผู้ร่วมทำงานทุกคน ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ
เค้าจะได้มีกำลังใจในการทำงาน แล้วงานมันก็จะออกมาดี เออ ตอนนั้นบอกเลยว่าตกหลุมพรางไปเต็มๆ
ก็คนมันไม่เคยแต่งงานนี่นา ใครจะไปรู้ว่าซื้อที่อื่นเค้าให้ภาพทุกไฟล์ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสักบาท แล้วก็ตั้งใจทำงานไม่ต่างกันเลย

พอถึงวันนัดดูชุด ไปถึงร้าน โอ้โหววววว เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนขายงานถึงได้พรีเซนต์ร้านเสียเหลือเกิน
หน้าร้านสุดหรูมันเป็นอะไรที่หลอกให้คนตายใจได้สบายๆ เข้าไปเลือกชุดอยู่ได้สักพักใหญ่ๆ
บอกเลยว่าแฟนผมรู้สึกเฟลมากกับชุดที่เห็น นั่งงมกันสุดท้ายได้มา 3 ชุดแล้วมาจำใจเลือก
พนักงานเห็นท่าไม่ดีเลยบอกว่าอยากชุดแบบไหนส่งรูปมา เดี๋ยวดูให้ กลับมาก็เลยมานั่งเลือกแล้วส่งให้ทางเมล
ส่งไปให้ก็ไม่อ่าน ต้องโทรตามให้อ่าน อ้างโน่นอ้างนี่ตลอด
สุดท้ายสรุปบอกไม่มีสักชุดที่เราส่งให้ดู จำเป็นต้องเลือกจากที่เค้ามีเท่านั้น
แฟนผมไม่ยอมแล้ว จะขอมัดจำคืนเพราะไม่พอใจกับสิ่งที่ได้รับเลยแม้แต่น้อย
(จริงๆมีเรื่องยิบย่อยอีกมากมายที่อยากขอคืนมัดจำ แต่เล่าแค่นี้พอ เพราะยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ)
ทางร้านยืนยันว่าไม่คืนให้ทุกกรณี นอกจากจะเอามัดจำแลกเป็นอย่างอื่นได้เท่านั้น แต่แน่นอนแฟนผมไม่ยอมท่าเดียว
เค้าเลยให้คนโทรมาเคลียร์กับผม บอกว่าให้เขียนเมลร้องเรียนมาให้ละเอียด
และรับปากว่าเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะส่งเรื่องนี้ให้ผู้ชายขายน้ำที่เป็นเจ้าของเครือสตูโอแต่งงานได้รับพิจารณาโดยตรง

.....สรุปเรื่องหายเงียบตามคาด.....

จริงๆแล้วผมโดนหลอกให้เขียนเรื่องร้องเรียนต่างหาก เพื่อให้ผู้จัดการได้อ่านแล้วมาเคลียร์กับจะได้รู้ว่าผมไม่พอใจเรื่องอะไรบ้าง
เค้าโทรมาบอกว่าชุดเค้ามีเป็นพันๆชุด เพราะเค้าเป็นสตูในเครือใหญ่ มีชุดหมุนเวียนมากมาย อยากได้ชุดแบบไหนส่งมาเดี๋ยวจัดให้
แล้วไยทำไมไม่ดูแลตั้งแต่แรก? เป็นกระดิ่งอะไรถึงต้องให้ผมโวยวายก่อนถึงจะได้สิทธิเหล่านี้???
หลังจากประฝีปากกับผู้จัดการร้าน บอกเลยว่าผมไม่อยากใช้บริการที่อีกแล้ว พอกันที ส่วนเงินมัดจำเดี๋ยวค่อยว่ากัน

เมื่อคืนมัดจำไม่ได้ วันก็ใกล้เข้ามาเลยไปซื้อ package สุดประหยัดจากที่ search มาได้จาก google
ไปถึงเค้าดูใจกว่าสตูสุดหรูย่านใจกลางเมืองเยอะเลย ชุดก็มีให้เลือกมากกว่า ไม่มีบังคับอะไรหรือพยายามจะโน้มน้าวอะไรเรา
แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่า ถ้าจ่ายไม่แพงแล้วงานออกมาสมราคามันก็บุญหัวตั้งเท่าไหร่แล้ว อย่าไปหวังว่ามันจะดีเกินราคาเลย
สตูดิโอเค้ามีช่างภาพหลายคน งานที่ให้เราดูมันก็หลากหลายช่างภาพ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะได้ช่างภาพคนไหน
เป็นความเสี่ยงที่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย เราอาจจะฟิกตอนดูเล่มงานว่าขอเป็นคนที่ถ่ายเล่มนี้ๆนะ เราชอบ
แต่สุดท้ายเราจะรู้ได้ไงว่าใช่หรือไม่ เพราะในตลาดโยนงานช่างภาพ ก็มีลงหาช่างถ่าย pre-wedding ด่วนไปแทนกันเยอะแยะ
และ budget ค่าถ่ายก็ถูกต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียว เห็นงี้แล้วรู้สึกหลอนแทนคู่บ่าวสาวที่ถูกคนแทนไปถ่ายเหลือเกิน งานออกมาเป็นไงก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้นถ้าอยากถ่าย Pre-Wedding ให้ตามหาภาพที่ชอบแล้วเสาะหาว่าใครเป็นคนถ่าย ดูงานเค้าเยอะๆ
ถ้าถูกใจจริงๆ ก็ล็อคให้เค้ามาถ่ายให้เราเลย แบบนี้จะได้เนื้องานที่แน่นอน
ส่วนเรื่องชุดกับช่างแต่งหน้าก็มี freelance มีร้านให้เลือกเยอะแยะ ต้องขยันๆดูหน่อย
เราก็จะได้ช่างภาพที่ต้องการ ชุดที่เราชอบ ช่างแต่งหน้าที่เราอย่างน้อยเราก็เคยเห็นพอร์ทงานเค้า
ซึ่งค่าใช้จ่ายมันจะแพงกว่าพวกขายรวม package แต่เราสามารถจะฟิกทุกอย่างได้เอง
สบายใจกว่าเสี่ยงกับสิ่งที่เราไม่รู้อะไรเลยในเบื้องหลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร้านที่ขายรวม package จะไม่ดีทุกร้านนะ
เพราะก็มีช่างภาพไปเปิดสตูดิโออยู่เยอะ ตรงนี้เราก็สามารถ one stop service โดยเอาเนื้องานช่างภาพเป็นหลักได้
ภาพพวกนี้จะอยู่กับคุณไปอีกแสนนาน และคุณไม่ได้มีโอกาสได้ถ่ายแบบนี้บ่อยๆ ต้องพิถีพิถันกันหน่อย
วันนั้นผมโชคดีตรงที่มีเพื่อนช่างภาพมือสมัครเล่นไปแจมถ่ายด้วย ภาพเสียเงินแทบไม่ได้ใช้
ส่วนใหญ่ใช้แต่ภาพจากช่างภาพที่ไปแจม ซะอย่างงั้น ฮ่าๆๆ

เราเตรียมงานกันได้ระดับนึงแล้ว แต่วันครบรอบ 2 ปีของเราที่ใกล้เข้ามามันทำให้ผมคิดถึงแผนขอแต่งงานที่เคยตั้งใจไว้
ผมเลยตัดสินใจว่าจะทำมัน เพราะเราตั้งใจไว้แล้วนี่ ถึงแม้มันจะเลยจุดนั้นมาแล้วก็ตาม อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
เลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเวปบอร์ดนึงว่าจะเซอไพรส์ยังไงดี ส่วนใหญ่ก็สงสัยแหละว่าจะแต่งกันอยู่ละ จะมานั่งขอกันทำไมอีก
บางส่วนก็แนะนำอะไรดีๆมาอีกมากมาย ซึ่งผมพยายามมองข้ามคอมเมนต์ฉุดรั้งไป ที่มันจะทำให้ผมต้องพับโครงการนี้ลง
ผมตั้งใจว่าจะใส่ชุดมาสคอตหมีพูห์เข้าไปเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานในร้านที่เธอทำงาน แต่ชุดมาสคอตเช่าแพงเอาเรื่อง
เพื่อนๆในเวปบอร์ดจึงมอบน้ำใจด้วยการให้ยืมชุดมาสคอตไก่มาใช้แทน จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
และได้ติดต่อ คิง-ตู้ เพื่อนนักดนตรี (ลืมบอกว่าผมเป็นนักดนตรีด้วย) มาร่วมแผนนี้ด้วย
หลายคนอาจจำได้สองคนนี้คือ คิง-ตู้ ดูโอที่เข้ารอบ blind audition ใน The Voice Season 3
เช้าของวันครบรอบ 2 ปี ผมลืมตาตื่นนอนมา มีคำถามแรกอยู่ในหัวว่า “จะเอาจริงๆเหรอวะ จะแต่งงานกันอยู่แล้วนะเว้ย”
มันเป็นเสียงที่ฉุดรั้งที่ทำให้ผมอยากยกเลิกแผน เพราะคิดว่ามันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ
แต่ผมจำคอมเมนต์นึงได้ขึ้นใจ เค้าบอกผมว่า

"ถึงขนาดไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันแล้ว  ยังต้องมาเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานอีกเหรอ
ขนาดเป็นหญิงด้วยกัน  เราอ่านแล้วยังรำคาญแทน"

นี่แหละที่ทำให้ผมไม่ยอมล้มเลิกแผนนี้เด็ดขาด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม
สุดท้ายผลที่ได้คือ แฟนผมนั่งดูคลิปนี้แล้วน้ำตาไหลทุกปี เธอบอกว่ามันคือสิ่งที่เธอภูมิใจ
มันคือสิ่งที่เธอสามารถพูดกับใครๆได้ว่าเธอก็มีโมเม้นนี้ เธอบอกว่าไม่ว่ายังไงผู้หญิงก็อยากถูกขอแต่งงาน
และนี่คือสิ่งที่เธอได้รับจากผม มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างที่ผมประมาณไว้เลย
มีใน youtube ด้วยนะใครอยากดูลองค้นขอแต่งงานดู ไม่กล้าเอาลงเดี๋ยวหาว่าโฆษณา ฮ่าๆๆ

แล้วเงินมัดจำที่ไม่ได้คืนจากสตูสุดหรูแต่บริการสุดหดหู่เราจะทำยังไงกับมันดี?
สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงเปลี่ยนเป็นชุด premium ราคาแพงไปซะ เพราะมันก็ทำได้แค่นั้น
ว่าที่เจ้าสาวเลือกชุดสุดถูกใจ สนนราคา 35,000 โอ้คุณพระ ลมจะจับ แค่เช่ามันจะแพงอะไรขนาดนั้น
แต่เตี่ยผมชอบมาก เค้าบอกเดี๋ยวเตี่ยออกให้หมื่นนึง จัดไปเตี่ยชอบ ผมนี่ยิ่งปฏิเสธยากเลยทีนี้
สรุปเสียเพิ่มไปอีก 15,000 จากที่มัดจำไป 20,000 นี่มันนรกอะไรกันนนนนนนน!!!

ผมเตรียมกันเองทุกอย่าง การ์ดออกแบบเองส่งร้านอัดรูป ซองซื้อสำเพ็ง ของรับไหว้ของชำร่วยเดินดูกันเองที่จตุจักร
จัดตกแต่งสถานที่ติดต่อหามาลงเองเพราะเค้าเป็นรุ่นพี่ของน้า ตกแต่งนี่เลือกเองทุกอย่าง งานก็ออกมาสวยคนชมผมก็ชอบมากๆ
presentation ทำเอง นั่งตัดต่ออยู่ 8 ชั่วโมงรวดข้าวน้ำไม่ได้กินเลย เช็คแล้วเช็คอีก เรียกได้ว่าโคตรตั้งใจทำมากๆ
นักดนตรีก็มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนที่ผมสอนดนตรีมาช่วยเล่นให้ช่วงแรกเป็นบรรเลงเปียโนกับไวโอลิน ช่วงหลังเป็นวง band เพื่อนๆกันจ้างมาเล่น
เครื่องเสียงก็เป็นของรุ่นพี่ที่เคยอยู่ห้องซ้อมด้วยกันก็จ้างเค้ามาลง ที่อื่นถูกกว่ามั๊ยผมไม่สนใจ ผมหวังเอาคนกันเองนี่แหละคุยง่ายสุด
โต๊ะจีนก็ไปเลือกไปชิมมาเอง เลือกธีมเอง เลือกเมนูเอง เรียกได้ว่าคิดเองทำเองทุกอย่าง
แต่ทุกอย่างก็ถูกครอบงำด้วยอำนาจของแม่ ที่เค้าเป็นคนหัวโบราณ ผมคิดจะทำอะไรที่ผิดไปจากชาวบ้านเค้าทำไม่ได้ค่อยได้
ทำได้แค่เพียงเลือกสรรในสิ่งที่อยู่ในกรอบให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ใครที่กำลังจัดงานจะรู้ดี
ว่างบประมาณจัดงานกับอำนาจผู้ใหญ่ เป็นอะไรที่เราต่อกรได้ยาก ควบคุมแทบไม่ได้เลย

แล้ววันสำคัญของผมก็มาถึง....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่