เมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดค่ายสัมนา พวกเรายังไม่รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร สถานที่ที่จะไปมันดีไหม แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจอยู่มากทีเดียว
แต่เมื่อการเดินทางเสร็จสิ้นเรากับได้คำตอบที่คุ้มค่า ว่าค่ายจิตอาสาในครั้งนี้การเป็นผู้ให้ คือการมอบความสุขในช่วงเวลาสั้นที่น่าจดจำ
วันแรกของการเดินทาง
พวกเราเป็นนักศึกษาวารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เรียนวิชาjr 368 วารสารศาสตร์เพื่อประชาสัมคม เป็นวิชาเกี่ยวกับการเข้าถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนมีกิจกรรมให้พวกเราได้ทำร่วมกันนั้นคือค่ายอาสาพัฒนาชุมชนภายใต้ชื่อโครงการ “แบ่งปันฝันเพื่อน้อง” พวกเราเลือกสถานที่โรงเรียนบ้านภูคำเบ้า จังหวัดขอนแก่น โดยได้กำหนดการเดินทางวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค 2558 เพื่อไปช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียนให้น่าอยู่มากขึ้น
เริ่มต้นจากศูนย์พวกเราได้มีการวางแผนจัดกลุ่มดูแลในฝ่ายต่างๆอย่างเป็นระบบไม่ว่าจะฝ่ายครัวที่จะดูแลอาหารของพวกเราตลอดการไปค่ายฝ่ายสันทนาการเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลกิจกรรมเล่นกับน้องๆที่โรงเรียนฝ่ายสวัสดิการคือพวกที่ดูแลความเรียบร้อยของค่ายทั้งหมดฝ่ายจิตอาสา csr เป็นฝ่ายที่คอยหาเงินบริจาคหาสปอนเซอร์และเป็นฝ่ายที่ลงมือลงแรงในการพัฒนาชุมชนครั้งนี้
การทำค่ายอาสาสักค่ายหนึ่งขึ้นมาต้องใช้เงินจำนวนไม่ใช่น้อยพวกเราจึงคิดวางแผนไปยืนรับบริจาคกันตามสถานที่ๆคนพลุกพล่านโดยเริ่มจาก “อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” แต่ใช่ว่าใครจะยืนก็ได้พวกเราต้องทำจดหมายยื้นให้กับผู้ดูแลในเขตการปกครองของสถานที่นั้นก่อนจึงจะได้รับอนุญาติ พวกเราแบ่งการยืนรับบริจาคเป็น2กลุ่มโดยกลุ่มแรกจะยืนตรงตีนสะพานลอยฝังโรงพยาบาลราชวิถีส่วนอีกกลุ่มยืนตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งพวกเราจะยืนเรียงกันแล้วพูดพร้อมๆกันว่า “ขอเชิฐร่วมบริจาคสมทบทุนโครงการแบ่งปันฝันเพื่อน้อง ที่โรงเรียนบ้านภูคำเบ้า จังหวัดขอนแก่นด้วยนะคะ ”
และนอกจากเราจะไปยืนรับบริจาคกันแล้วก็ยังไปขอสปอนเซอร์ตามบริษัทต่างๆอย่าง บริษัทนามีบุ๊คจำกัด บริษัทแลกตาซอย บริษัทดัชมิลล์ ก็จะได้รับการสนับสนุนเป็นสิ่งของอุปกรณ์การเรียน 80 ชุด นมแลกตาซอย นมดัชมิลล์ หลายสิบลัง
เมื่อพวกเราได้ของตามที่ต้องการแล้วทุกฝ่ายต้องจัดการกับของๆตัวเองที่จะใช้ในค่ายโดยการจัดแยกใส่กล่องลังขนาดใหญ่และแยกไว้ตามกลุ่มๆเพื่อที่จะง่ายต่อการยกของขึ้นรถตัวแทนจะต้องดูแลสัมภาระของฝ่ายตนเอง ของรางวัลที่จะเอาไปแจกน้องมีมากมายจนพวกเราทุกฝ่ายต่างต้องช่วยกันแพ็คช่วยกันใส่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบจนเสร็จเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เราจะออกเดินทางกัน
เช้ามืดของวันที่ 28 ก.พ. 58 เวลาประมาณตีห้าครึ่ง เป็นเวลาที่พวกเรานัดกันมาขนของลงจากตึกไปไว้บนรถโดยรถที่พวกจะไปกันในวันนี้เป็นรถทหาร 6 ล้อ จำนวน 2 คัน และจะออกเดินทางกันในเวลา 7.30 น.
ระยะเวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 8 ชั่วโมง จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์สู่จังหวัดขอนแก่น กิจกรรมบนรถของพวกเรานอกจากจะปูเสือนอนข้างล่างแล้ว บ้างก็นั่งฟังเพลง บ้างก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บ้างก็กินขนมเม้าย์มอยกันตลอดการเดินทาง
ถึงโรงเรียน
เมื่อพวกเราเดินทางถึงหมู่บ้านภูคำเบ้า มุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนบ้านภูคำเบ้า มีน้องๆมายืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมถือดอกไม้ดอกสีชมพูดูน่ารักมาก เป็นภาพที่ประทับใจอย่างแรกที่ได้มาเยือน
จากนั้นเราช่วยกันขนของลงจากรถรีบจัดแจกสำภาระต่างๆไว้เป็นหมวดหมู่ แผนกฝ่ายสันทนาการเป็นคนคิดกิจกรรมไว้เล่นกับน้องๆ เรามีของเล่น อุปกรณ์การเรียน และขนมมาแจกมากมาย ก่อนอื่นเลยจัดกลุ่มมน้องๆตามสีเป็น 5 กลุ่ม น้องมีทั้งหมด 52 คน เป็นจำนวนที่ไม่มากเท่าไหร่ เมื่อจัดแจงให้น้องนั่งตามสีแล้ว ถึงเวลากล่าวเปิดงาน มีพี่เล็กประธานค่ายออกมากล่าวถึงจุดประสงค์และกิจกรรมต่างที่เรามาทำร่วมกันตลอดที่อยู่ที่นี่
ลำดับต่อไปเป็นโชว์จากน้องๆบ้านภูคำเบ้า โชว์ชุดแรกจากเด็กเล็กป.1-ป.3 ร้องเพลงประสานเสียง จำได้ไหม เพราะมาก ดูแล้วซึ้งตามจริงๆ
ต่อมาเป็นโชว์จากเด็กโต ป.4-ป.6 ออกมาเต้นเพลง โสดกระปิดกระปอย หืมมมบอกได้เลยเป็นโชว์ที่มันส์มาก น้องๆเต้นแรงสุดฤิทธิ์สุดเดชเลยทีเดียว
ดังนั้นพวกเราก็ไม่น้อยน่า จัดเกมให้น้องๆเล่นสุกตอบแทนไปเลย ก่อนอื่นสอนเต้นเพลงฮิปโป โอ้โหตัวมันใหญ่ น้องๆเต้นตามได้อย่างรวดเร็ว มีตัวเด็ดเต้นได้ฮามาก และอีกเพลง คือ นกกระยาง น้องๆรู้จักกันอยู่แล้วเพลงนี้ เต้นกันตามสเต็บจัดไป
ถึงช่วงเล่นเกมแจกรางวัลกันละ เกมแรกชื่อว่า ส่งแป้งฮาเฮ ง่ายๆเลยแค่ส่งแป้งไปเรื่อยๆเพลงหยุดอยู่ที่ใคร น้องคนไหนถือแป้งอยู่ก็โดนปะแป้ง แต่ก่อนโดนปะต้องเต้นให้ดูก่อน พอรู้ว่าจะได้รางวัลเท่านั้นแหละ 555 เต้นกันซะแรงเชียว
เกมที่สอง คือ พี่แต่งตัว น้องแต่งหน้า เกมนี้จับคู่พี่กับน้องในสีหนึ่งคู่ โดยมีชุดให้หนึ่งชุด และเครื่องสำอางค์ไว้แต่งหน้า สีไหนแต่งตัวได้เร็ว แต่งหน้าได้ฮาที่สุดก็ได้รางวัลไป จบเกมหน้าแต่ละคนแบบว่า เละ!!!
เกมที่สาม น้องๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกคนกล้าแสดงออก ได้รางวัลกันทุกคน เพราะเราอยากให้ทุกคนได้มีของติดมือกลับบ้านอย่างเท่าเทียม และแจกขนมกับนมให้น้องทานเป็นของว่าง เห็นรอยยิ้มและอิ่มท้องกันถ้วนหน้า
ถึงเวลาประกาศรางวัลเรียงความและวาดภาพกันแล้ว ซึ่งเราได้แจ้งให้ทางโรงเรียนให้น้องๆเขียนและวาดวันก่อนล่วงหน้าแล้ว พวกเรามีของรางวัลเป็นอุปกรณ์การเรียน และทุนการศึกษาให้น้องๆได้นำไปใช้ น้องที่ได้รางวัลดีใจกันใหญ่เลย อิ่มสุข อิ่มรอยยิ้ม จากน้องๆที่ชอบกับสิ่งที่เรามามอบให้ เป็นอันการจบกิจกรรมสันทนาการ
จากนั้นช่วยกันจัดของ และแบ่งกลุ่มออกเป็น 5กลุ่ม เพื่อไปนอนที่บ้านน้องๆในหมู่บ้านคืนนี้ ซึ้งคนในหมู่บ้านใจดีมากที่ให้ที่พักสำหรับพวกเรา ไม่งั้นเราคงได้นอนโรงเรียนยุงรุมกัดแน่ๆ เมื่อกับข้าวเสร็จทางแม่ครัของโรงเรียนจัเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ถึงเวลาตักอาหารให้น้องๆทานเป็นแกงเขียวหวาน แต่ละคนกินเก่งมากๆ ตัวเล็กตัวน้อยกินหมดเกลี้ยงจานเลยเมื่ออิ่มแลัวก็ปล่อยให้น้องๆกลับบ้าน พวกเรานั่งทานอาหารกันต่อเลย หิวมาก ใช้แรงในการเดินทาง และเล่นกิจกรรมกับน้องๆจนหมดแรง
หลังจากนั้นนั่งประชุมงานกันต่อ มีน้องๆมารายล้อมเต็มไปหมด จากตอนแรกปล่อยให้กลับบ้าน และกลับมาใหม่ เมื่อเห็นว่ามากันเยอะมาก จึงจับให้นั่งรวมกันอีกรอบ เล่นเกม สอนท่าเต้นอีกหลายเพลง และตอบคำถาม พวกเราแจกรางวัลให้น้องทุกคนที่มาร่วมในค่ำนี้อีกครั้ง เพราะเรานำของมาเยอะ
เวลาเกือบสองทุ่มเราเลิกกิจกรรม และต่างพากันแยกย้ายไปนอนบ้านน้องที่แบ่งกันไว้ ต่างคนต่างถือกระเป๋าเดินไปยังหมู่บ้าน เสียงหมาเห่าตลอดทาง แต่ดีที่น้องๆเจ้าถิ่นช่วยไล่ให้เสียงเงียบลง บ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ เหมือนบ้านชนบททั่วไป แต่นอนสบาย ติดที่อากาศค่อนข้างร้อน มีเสียงตุ๊กแกรัองด้วย บรื่อ !! น่ากลัวจริงๆ อาบน้ำเสร็จ กว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน ถึงเวลาเอนหลังแล้ว ฝันดีนะคืนแรกที่ภูคำเบ้า
วันที่สองที่บ้านภูคำเบ้า
วันที่สองของการทำกิจกรรมจิตอาสากำลังจะเริ่มขึ้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าวัดบ้านภูคำเบ้าจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำบุญถวายสังฆทานสร้างบุญกุศลให้กับตัวเองก่อน
ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปพวกเราเห็นพระสงฆ์แค่รูปเดียว หันซ้ายมองขวาคิดว่าวัดนี้มีพระรูปเดียว
จริงๆแล้ววัดนี้มีพระสงฆ์สามรูปเท่านั้น
และมีชาวบ้านที่นี่ต่างพากันมาเข้าวัดทำบุญคอยถวายภัตตาหารให้กับพระ ข้าวปลาอาหารคาวหวานมากมาย สิ่งที่แตกต่างจากที่เราเคยพบเห็นมาคือมีการสวดมนต์ที่แปลกแตกต่างจากวัดในกรุงเทพฯที่เราเคยพบเจอ
เริ่มเข้าสู้กิจกรรมอาสาของพวกเราเหล่าวารสารศาสตร์ ร่วมกันขัดพื้น ทาสีรั้ว กำแพง ประตูโรงเรียน เครื่องเล่น ถึงอากาศจะร้อนแค่ไหนแต่พวกเราไม่ท้อ และที่น่าประทับใจกว่านั้นคือเราได้เห็นน้ำใจจากเด็กตัวเล็กๆของน้องๆโรงเรียนบ้านภูคำเบ้ามาช่วยกันทาสี และยังมีน้ำใจตักน้ำมาให้พี่ๆดื่มและคอยถามตลอดว่าเหนื่อยมั้ย ร้อนมั้ย มันกับทำให้พี่มีแรงที่จะทำมันต่อไปจนสำเร็จ
ตกดึกพวกเราก็มาเติมความสุขให้น้องต่อ ด้วยการจัดกิจกรรมรอบกองไฟ โดยแบ่งน้องแบ่งพี่ตามให้อยู่ด้วยกัน บรรยากาศยามมืดที่แต่แสงพระจันทร์และกองไฟ พวกเราก็สามารถทำให้เกิดความสนุกไปพร้อมๆกันได้ มีกิจกรรมมากมายและต้องขอบคุณสปอร์นเซอร์อย่างแลตตาซอยที่ให้ของรางวัลมาช่วยเติมเต็มให้น้องมีความสุขยิ่งขึ้น
การเดินทางแบ่งปันฝันค่ายจิตอาสาจากพี่สู่น้อง ณ บ้านภูคำเบ้า จังหวัดขอนแก่น
เมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดค่ายสัมนา พวกเรายังไม่รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร สถานที่ที่จะไปมันดีไหม แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจอยู่มากทีเดียว
แต่เมื่อการเดินทางเสร็จสิ้นเรากับได้คำตอบที่คุ้มค่า ว่าค่ายจิตอาสาในครั้งนี้การเป็นผู้ให้ คือการมอบความสุขในช่วงเวลาสั้นที่น่าจดจำ
วันแรกของการเดินทาง
พวกเราเป็นนักศึกษาวารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เรียนวิชาjr 368 วารสารศาสตร์เพื่อประชาสัมคม เป็นวิชาเกี่ยวกับการเข้าถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนมีกิจกรรมให้พวกเราได้ทำร่วมกันนั้นคือค่ายอาสาพัฒนาชุมชนภายใต้ชื่อโครงการ “แบ่งปันฝันเพื่อน้อง” พวกเราเลือกสถานที่โรงเรียนบ้านภูคำเบ้า จังหวัดขอนแก่น โดยได้กำหนดการเดินทางวันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค 2558 เพื่อไปช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียนให้น่าอยู่มากขึ้น
เริ่มต้นจากศูนย์พวกเราได้มีการวางแผนจัดกลุ่มดูแลในฝ่ายต่างๆอย่างเป็นระบบไม่ว่าจะฝ่ายครัวที่จะดูแลอาหารของพวกเราตลอดการไปค่ายฝ่ายสันทนาการเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลกิจกรรมเล่นกับน้องๆที่โรงเรียนฝ่ายสวัสดิการคือพวกที่ดูแลความเรียบร้อยของค่ายทั้งหมดฝ่ายจิตอาสา csr เป็นฝ่ายที่คอยหาเงินบริจาคหาสปอนเซอร์และเป็นฝ่ายที่ลงมือลงแรงในการพัฒนาชุมชนครั้งนี้
การทำค่ายอาสาสักค่ายหนึ่งขึ้นมาต้องใช้เงินจำนวนไม่ใช่น้อยพวกเราจึงคิดวางแผนไปยืนรับบริจาคกันตามสถานที่ๆคนพลุกพล่านโดยเริ่มจาก “อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ” แต่ใช่ว่าใครจะยืนก็ได้พวกเราต้องทำจดหมายยื้นให้กับผู้ดูแลในเขตการปกครองของสถานที่นั้นก่อนจึงจะได้รับอนุญาติ พวกเราแบ่งการยืนรับบริจาคเป็น2กลุ่มโดยกลุ่มแรกจะยืนตรงตีนสะพานลอยฝังโรงพยาบาลราชวิถีส่วนอีกกลุ่มยืนตรงข้ามอีกฝั่งหนึ่งพวกเราจะยืนเรียงกันแล้วพูดพร้อมๆกันว่า “ขอเชิฐร่วมบริจาคสมทบทุนโครงการแบ่งปันฝันเพื่อน้อง ที่โรงเรียนบ้านภูคำเบ้า จังหวัดขอนแก่นด้วยนะคะ ”
และนอกจากเราจะไปยืนรับบริจาคกันแล้วก็ยังไปขอสปอนเซอร์ตามบริษัทต่างๆอย่าง บริษัทนามีบุ๊คจำกัด บริษัทแลกตาซอย บริษัทดัชมิลล์ ก็จะได้รับการสนับสนุนเป็นสิ่งของอุปกรณ์การเรียน 80 ชุด นมแลกตาซอย นมดัชมิลล์ หลายสิบลัง
เมื่อพวกเราได้ของตามที่ต้องการแล้วทุกฝ่ายต้องจัดการกับของๆตัวเองที่จะใช้ในค่ายโดยการจัดแยกใส่กล่องลังขนาดใหญ่และแยกไว้ตามกลุ่มๆเพื่อที่จะง่ายต่อการยกของขึ้นรถตัวแทนจะต้องดูแลสัมภาระของฝ่ายตนเอง ของรางวัลที่จะเอาไปแจกน้องมีมากมายจนพวกเราทุกฝ่ายต่างต้องช่วยกันแพ็คช่วยกันใส่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบจนเสร็จเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เราจะออกเดินทางกัน
เช้ามืดของวันที่ 28 ก.พ. 58 เวลาประมาณตีห้าครึ่ง เป็นเวลาที่พวกเรานัดกันมาขนของลงจากตึกไปไว้บนรถโดยรถที่พวกจะไปกันในวันนี้เป็นรถทหาร 6 ล้อ จำนวน 2 คัน และจะออกเดินทางกันในเวลา 7.30 น.
ระยะเวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 8 ชั่วโมง จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์สู่จังหวัดขอนแก่น กิจกรรมบนรถของพวกเรานอกจากจะปูเสือนอนข้างล่างแล้ว บ้างก็นั่งฟังเพลง บ้างก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน บ้างก็กินขนมเม้าย์มอยกันตลอดการเดินทาง
ถึงโรงเรียน
เมื่อพวกเราเดินทางถึงหมู่บ้านภูคำเบ้า มุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนบ้านภูคำเบ้า มีน้องๆมายืนต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมถือดอกไม้ดอกสีชมพูดูน่ารักมาก เป็นภาพที่ประทับใจอย่างแรกที่ได้มาเยือน
จากนั้นเราช่วยกันขนของลงจากรถรีบจัดแจกสำภาระต่างๆไว้เป็นหมวดหมู่ แผนกฝ่ายสันทนาการเป็นคนคิดกิจกรรมไว้เล่นกับน้องๆ เรามีของเล่น อุปกรณ์การเรียน และขนมมาแจกมากมาย ก่อนอื่นเลยจัดกลุ่มมน้องๆตามสีเป็น 5 กลุ่ม น้องมีทั้งหมด 52 คน เป็นจำนวนที่ไม่มากเท่าไหร่ เมื่อจัดแจงให้น้องนั่งตามสีแล้ว ถึงเวลากล่าวเปิดงาน มีพี่เล็กประธานค่ายออกมากล่าวถึงจุดประสงค์และกิจกรรมต่างที่เรามาทำร่วมกันตลอดที่อยู่ที่นี่
ลำดับต่อไปเป็นโชว์จากน้องๆบ้านภูคำเบ้า โชว์ชุดแรกจากเด็กเล็กป.1-ป.3 ร้องเพลงประสานเสียง จำได้ไหม เพราะมาก ดูแล้วซึ้งตามจริงๆ
ต่อมาเป็นโชว์จากเด็กโต ป.4-ป.6 ออกมาเต้นเพลง โสดกระปิดกระปอย หืมมมบอกได้เลยเป็นโชว์ที่มันส์มาก น้องๆเต้นแรงสุดฤิทธิ์สุดเดชเลยทีเดียว
ดังนั้นพวกเราก็ไม่น้อยน่า จัดเกมให้น้องๆเล่นสุกตอบแทนไปเลย ก่อนอื่นสอนเต้นเพลงฮิปโป โอ้โหตัวมันใหญ่ น้องๆเต้นตามได้อย่างรวดเร็ว มีตัวเด็ดเต้นได้ฮามาก และอีกเพลง คือ นกกระยาง น้องๆรู้จักกันอยู่แล้วเพลงนี้ เต้นกันตามสเต็บจัดไป
ถึงช่วงเล่นเกมแจกรางวัลกันละ เกมแรกชื่อว่า ส่งแป้งฮาเฮ ง่ายๆเลยแค่ส่งแป้งไปเรื่อยๆเพลงหยุดอยู่ที่ใคร น้องคนไหนถือแป้งอยู่ก็โดนปะแป้ง แต่ก่อนโดนปะต้องเต้นให้ดูก่อน พอรู้ว่าจะได้รางวัลเท่านั้นแหละ 555 เต้นกันซะแรงเชียว
เกมที่สอง คือ พี่แต่งตัว น้องแต่งหน้า เกมนี้จับคู่พี่กับน้องในสีหนึ่งคู่ โดยมีชุดให้หนึ่งชุด และเครื่องสำอางค์ไว้แต่งหน้า สีไหนแต่งตัวได้เร็ว แต่งหน้าได้ฮาที่สุดก็ได้รางวัลไป จบเกมหน้าแต่ละคนแบบว่า เละ!!!
เกมที่สาม น้องๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกคนกล้าแสดงออก ได้รางวัลกันทุกคน เพราะเราอยากให้ทุกคนได้มีของติดมือกลับบ้านอย่างเท่าเทียม และแจกขนมกับนมให้น้องทานเป็นของว่าง เห็นรอยยิ้มและอิ่มท้องกันถ้วนหน้า
ถึงเวลาประกาศรางวัลเรียงความและวาดภาพกันแล้ว ซึ่งเราได้แจ้งให้ทางโรงเรียนให้น้องๆเขียนและวาดวันก่อนล่วงหน้าแล้ว พวกเรามีของรางวัลเป็นอุปกรณ์การเรียน และทุนการศึกษาให้น้องๆได้นำไปใช้ น้องที่ได้รางวัลดีใจกันใหญ่เลย อิ่มสุข อิ่มรอยยิ้ม จากน้องๆที่ชอบกับสิ่งที่เรามามอบให้ เป็นอันการจบกิจกรรมสันทนาการ
จากนั้นช่วยกันจัดของ และแบ่งกลุ่มออกเป็น 5กลุ่ม เพื่อไปนอนที่บ้านน้องๆในหมู่บ้านคืนนี้ ซึ้งคนในหมู่บ้านใจดีมากที่ให้ที่พักสำหรับพวกเรา ไม่งั้นเราคงได้นอนโรงเรียนยุงรุมกัดแน่ๆ เมื่อกับข้าวเสร็จทางแม่ครัของโรงเรียนจัเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ถึงเวลาตักอาหารให้น้องๆทานเป็นแกงเขียวหวาน แต่ละคนกินเก่งมากๆ ตัวเล็กตัวน้อยกินหมดเกลี้ยงจานเลยเมื่ออิ่มแลัวก็ปล่อยให้น้องๆกลับบ้าน พวกเรานั่งทานอาหารกันต่อเลย หิวมาก ใช้แรงในการเดินทาง และเล่นกิจกรรมกับน้องๆจนหมดแรง
หลังจากนั้นนั่งประชุมงานกันต่อ มีน้องๆมารายล้อมเต็มไปหมด จากตอนแรกปล่อยให้กลับบ้าน และกลับมาใหม่ เมื่อเห็นว่ามากันเยอะมาก จึงจับให้นั่งรวมกันอีกรอบ เล่นเกม สอนท่าเต้นอีกหลายเพลง และตอบคำถาม พวกเราแจกรางวัลให้น้องทุกคนที่มาร่วมในค่ำนี้อีกครั้ง เพราะเรานำของมาเยอะ
เวลาเกือบสองทุ่มเราเลิกกิจกรรม และต่างพากันแยกย้ายไปนอนบ้านน้องที่แบ่งกันไว้ ต่างคนต่างถือกระเป๋าเดินไปยังหมู่บ้าน เสียงหมาเห่าตลอดทาง แต่ดีที่น้องๆเจ้าถิ่นช่วยไล่ให้เสียงเงียบลง บ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ เหมือนบ้านชนบททั่วไป แต่นอนสบาย ติดที่อากาศค่อนข้างร้อน มีเสียงตุ๊กแกรัองด้วย บรื่อ !! น่ากลัวจริงๆ อาบน้ำเสร็จ กว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน ถึงเวลาเอนหลังแล้ว ฝันดีนะคืนแรกที่ภูคำเบ้า
วันที่สองที่บ้านภูคำเบ้า
วันที่สองของการทำกิจกรรมจิตอาสากำลังจะเริ่มขึ้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าวัดบ้านภูคำเบ้าจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำบุญถวายสังฆทานสร้างบุญกุศลให้กับตัวเองก่อน
ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปพวกเราเห็นพระสงฆ์แค่รูปเดียว หันซ้ายมองขวาคิดว่าวัดนี้มีพระรูปเดียว
จริงๆแล้ววัดนี้มีพระสงฆ์สามรูปเท่านั้น
และมีชาวบ้านที่นี่ต่างพากันมาเข้าวัดทำบุญคอยถวายภัตตาหารให้กับพระ ข้าวปลาอาหารคาวหวานมากมาย สิ่งที่แตกต่างจากที่เราเคยพบเห็นมาคือมีการสวดมนต์ที่แปลกแตกต่างจากวัดในกรุงเทพฯที่เราเคยพบเจอ
เริ่มเข้าสู้กิจกรรมอาสาของพวกเราเหล่าวารสารศาสตร์ ร่วมกันขัดพื้น ทาสีรั้ว กำแพง ประตูโรงเรียน เครื่องเล่น ถึงอากาศจะร้อนแค่ไหนแต่พวกเราไม่ท้อ และที่น่าประทับใจกว่านั้นคือเราได้เห็นน้ำใจจากเด็กตัวเล็กๆของน้องๆโรงเรียนบ้านภูคำเบ้ามาช่วยกันทาสี และยังมีน้ำใจตักน้ำมาให้พี่ๆดื่มและคอยถามตลอดว่าเหนื่อยมั้ย ร้อนมั้ย มันกับทำให้พี่มีแรงที่จะทำมันต่อไปจนสำเร็จ
ตกดึกพวกเราก็มาเติมความสุขให้น้องต่อ ด้วยการจัดกิจกรรมรอบกองไฟ โดยแบ่งน้องแบ่งพี่ตามให้อยู่ด้วยกัน บรรยากาศยามมืดที่แต่แสงพระจันทร์และกองไฟ พวกเราก็สามารถทำให้เกิดความสนุกไปพร้อมๆกันได้ มีกิจกรรมมากมายและต้องขอบคุณสปอร์นเซอร์อย่างแลตตาซอยที่ให้ของรางวัลมาช่วยเติมเต็มให้น้องมีความสุขยิ่งขึ้น