หวัดดีชาวโรค(ชีพจรลงเท้า)
"บางครั้ง จุดหมายปลายทาง ไม่สำคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทาง”
เพราะเรื่องราวระหว่างทางนี่แหละแม้บางครั้งจะเป็นแค่ตัวประกอบโผล่มาทีละฉากสองฉาก แต่ตัวประกอบก็ทำให้เรื่องราวของแต่ละฉากมาปะติดปะต่อจนเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้นะเออ โฮะๆๆๆๆ
เข้าเรื่องกันเหอะนะ คือเรากับเพื่อนอีก2คน ขอเรียกว่าแก๊งค์ลูกหมู3 ตัวนะ ได้มีแพลนที่จะเดินทางไปเที่ยวสังขละบุรีกัน
แต่ความชิคมันไม่ได้มีแค่การไปเดินสะพนมอญ อัพรูปแม่น้ำแสงแดด หรืออาหารที่ดูน่ากินๆเท่านั้น เพราะทริปนี้ก่อนจะถึงสังขละบุรี พวกเรามีความชิคตั้งแต่นอนค้างกาญจนบุรี1คืน เดินเที่ยวช่องเขาขาด โบกรถกลางทาง อดอาหารข้ามวันกันแล้วแหละ
เอาหละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียว เอ๊ยเสียต่อเวลา มาเริ่มกันเถอะ
แต่ แด แด๊นนนนนนนนนนนนซ์
คือพวกเราได้มีการวางแผนที่จะเที่ยวสังขละ เป็นเวลายาวนานมาก ตั้งแต่สะพานยังสร้างเสร็จไม่ดีเลย
แต่ด้วยเวลาและอะไรหลายๆอย่างไม่ตรงกันก็เลยทำให้ต้องเก็บความอยากเอาไว้ก่อน และแล้วเวลาอันเหมาะเหม็งก็มาถึงเมื่อได้กลับไปอ่านรีวิวในพันติ้ปนี่แหละ ความเสี้ยนบังเกิดขึ้น เลยทักแชทชวนแอนเดอะแก๊งค์
เรา : เห้ยพวกแก นั่งรถไฟฟรี ชิคๆไปสังขละกันมะ (ทำตัวประดุจเป็นฮิปตะเตอร์)
แอนเดอะแก๊งค์ลูกหมู : เอาดิ อยากไปมานานแล้วเหมือนกัน
เรา : เจ้ดสะโด้ว โคอะล่ามาช นี่ก้ไม่คิดว่าจะใจง่ายขนาดนี้นะเนี่ย
เมื่ออะไรหลายๆอย่างลงตัว เริ่มบุ้ควันโดยสรุปได้ว่าจะออกเดินทางกันวันที่16-19เมษายน
แต่วันที่16 เพื่อนเรามันดันมีเรียนเลิก2 โมง ถ้าออกตอน2โมงแล้วจะถึงสังขละกี่โมงเนี่ย แต่ถ้าไปเช้าอีกวันนึงก็มีเวลาเที่ยวน้อยอะดิ้ เอาไงดีติ้กต่อกๆ
เรา : ปิ๊ง งั้นเราก้ไปนอนกาญจนบุรีก่อนดิ1 คืนแล้วเช้ารุ่งขึ้นค่อยหารถไปสังขละ พวกแกโอเคมั๊ย
แอนด์เดอะแก๊งค์ : เงียบบบบบบ .............
เรา : ไม่รุ้แหละ ถือโอกาสใช้การปกครองแบบเผด็จการ หาที่พักในกาญจน์ที่เดินทางสะดวก ไว้แล้วแหละ ยังไงพวกเอ็งก็ต้องไปนอนกับข้าก่อน โทษฐานมีเรียนตะไมมมม ไม่ยอมโดดเรียน ห๊ะ !!!!
เนื่องจากเพื่อนเรามีเรียนตอนบ่ายนั่นเองทำให้ไม่สามารถที่จะนั่งรถไฟแบบชิคๆคูลๆไปกาญจน์ได้อีกแบ้ว เพราะรถไฟมีรอบน้อยทำให้พวกเราตัดสินใจนั่งรถตู้ที่ท่ารถอนุสาวรีย์ เพื่อไปลงบขก.จังหวัดกาญจน์
ขอใช้อุโมงค์ร่นเวลาของโดราเอม่อนและโนบิตะ ปิ๊ววววววววว
.
.
.
.
.
และแล้วก็มาถึงบ่ายวันที่16 ที่พวกเราลอยคอเอ้ยรอคอย เอ้ยถูกแบ้ว
พวกเรานัดเจอกันที่BTS เพื่อจะไปลงอนุสาวรีย์ชัย แล้วก็ขึ้นรถไปกาญกัน ซึ่งท่ารถที่พวกเราขึ้นคืออยู่ข้างๆเซนจูรี่เป็นวินแฮปปี้ ค่าโดยสารสนนราคาอยู่ที่120 บาทรถออกทุก15นาที แต่อย่างว่าแหละกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพื่อนเรามันเพิ่งเลิกเรียนมาข้าวยังไม่ได้กินจึงขอแวะกินข้าวก่อนละกันนะ ค่อยเดินมาจองตั๋ว ซึ่งอาหารมื้อสุดท้ายในกทม.ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเที่ยวกันนั้นก็คือ ฮาจิบังราเมน ในเซนจูรี่นั่นเอง เพราะมันเป็นร้านแรกเดินเข้าไปก็เจอเลยกินง่ายดีคนไม่เยอะ รีบกินรีบไป เพราะตอนนี้ใจบินไปถึงสะพานมอญแบ้ว (เฮ้ยยย ใจเย็นดิ)
และเมื่อกินกันอิ่มหมีพลีมันแล้ว ก็ได้เวลาอันสมควรที่จะเดินไปจองตั๋วรถซึ่งตอนนั้นรถตู้ที่จะออกคันล่าสุดมีที่นั่งว่าง3ที่พอดี
เรา :พี่ค่ะไปกาญ3ที่ค่ะ ขอลงตรงสุสานทหารนะคะ
คนขายตั๋ว :น้องคับ ไม่ผ่านนะ รถพี่ไปแค่บขส. ถ้าจะไปต้องหารถต่อไปเอง
เรา : อ้าวเวนน แล้วไง ทำไมตอนจองที่พักเขาถึงบอกว่ารถตู้ผ่านละเอาไงดีๆๆ (คิดอยู่3วิ)
โอเคคะ ถ้ามีรถต่อไปสุสานทหารเด่วพวกหนูหารถไปกันเองก็ได้ค่ะ
พอจองตั๋วจ่ายตังเสร็จก็ขึ้นรถได้เลยเพราะรถกำลังจะออกแบ้ว แต่เจ้ากรรมไม่มีที่นั่งให้พวกเรา3คนได้นั่งเม้ามอยหรือนั่งสัปปะหงกเอาหัวชนกันเลย เพราะอิชั้นต้องจรลีมานั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนเพื่อนอีก2คนได้ไปนั่งหลังสุดแอร์ก็เป่าไปไม่ถึง (น่าฉงฉานจุงเบย แต่ข้านั่งหน้าเหงาฉิบผาย)
เอาหนะ ไม่กี่ชม.เอง หลับ2ตื่นก็ถึงแล้ว คร่อกกกกกก ZZzzzzzzzzzzzzzzzzzz
2 ชม.ต่อมา
รถตู้วินแฮปปี้ได้ย่างกรายมาถึงชานชลาที่9 เศษ3ส่วน4แบ้ววววววว อีบ้า นี่พวกเราเดินทางมาถึงบขส.กานนะจ้ะรุบีแล้วต่างหากหละ
ก่อนออกเดินทางไปยังที่พัก ขอแวะไปฉี่ก่องน้า ห้องน้ำจะอยู่ด้านในบขส.ด้านในสุดเลย ระหว่างทางที่เดินไปห้องน้ำแอบเห็นวินรถที่เราจะไปสังขละกันในวันพรุ่งนี้. ดีเลยพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเดินหา
เอาละค่ะ เมื่อทำธุระกันเสร็จสรรพแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่พักได้แล้วเพราะนี่ก็5โมงกว่าแล้วงะ ว่าแต่เราจะไปยังไงหละ ที่พักอยู่ตรงไหน ว่าแล้วก็เดินออกมาหน้าบขส. จำได้ว่าพี่คนขายตั๋วเขาบอกว่ามันมีรถสองแถวผ่านนี่หน่า มองหาวินสองแถวแปป
เมื่อเจอวินสองแถว ก็รีบตรงปี่ไปที่ลุงคนขับ พร้อมการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยเรียกเรียกและการกวักมือหยอยๆของลุงคนขับว่า จะไปไหนกันอิหนู และด้วยความที่อยากถึงที่พักแล้วก็เลยไม่รอช้า บอกลุงไปด้วยเสียงดังฟังชัดว่าไปซอยสุสานทหารค้า ลุงคนขับก็ทำหน้าครุ่นคิด3วินาที ซึ่งเราเห็นว่าไม่ได้การละ ลองบอกชื่อที่พักไปดีกว่าเผื่อลุงรู้จักจะได้จอดส่งหน้าที่พักเลย ลุงค่ะๆรู้จักธาราราฟด์รีสอร์ทไหม คือมันอยู่ในซอยสุสานทหารอะคะ ลุงก็สบตาเราแล้วยิ้มตอบรับอย่างหวานชื่อว่า อ๋ออ ที่เป็นที่พักใช่ไหม ป้ะๆขึ้นรถเลย พวกเราก็ไม่รอช้ารีบขึ้นสองแถว แต่เดี๋ยวก่อนนนนนนน
ค่าโดยสารเท่าไหร่อะลุง ต้องถามเอาไว้ก่อนเดี๋ยวเงินไม่พอจ่าย อิอิ ลุงแกก็บอกว่าสองแถวที่นี่มันต้องเหมาไปอะ ลุงคิด100 นึงก็แล้วกัน ในใจก็คิดว่าแพงจัง แต่ด้วยความที่นี่ก็เย็นมากแล้วเราควรถึงที่พักแล้วไปพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ได้แล้ว ก็เลยตอบตกลงไปแล้วก็ขึ้นรถ(อันนี้ของจริงละ)
โหน่งเน้งโหน่งแกละบนสองแถวกันประมาณ10 นาทีก็ถึงที่หมายของวันนี้ ธาราราฟด์รีสอร์ท
แว๊บแรกที่สัมผัสได้ว่าจะต้องมาฝากชีวิตไว้ที่พักที่นี่หรอคือ
เห้ยแกร บรรยากาศดีเอาะ ทำไมวิวมันสวยแบบเน้ ติดแม่น้ำแคว
แต่เดี๋ยวก่อน คือทำไมทางขึ้นบ้านพักมันไปอยู่บนหลังคาแบบนั้นอ่า
เเล้วตรูจะทำหลังคาเขาพังไหม ยิ่งอวบๆกันอยู่ทั้งสามคนเบย

และนี่ก็คือทางขึ้นที่พักที่เรามองว่าทำไมมันแปลกๆหว่า
คือเดินขึ้นหลังคา และหลังคาที่เห็นก็คือห้องพักของพวกเรา

น่าเสียดาย ที่เราลืมถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบของที่พักมา
แต่จะบอกว่าวิวดีมาก เเละโชคดีที่เรามาถึงก่อนพระอาทิตย์อัสดงไปเสียก่อน
เลยได้มีโอกาสนั่งชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ค่อยดูอาทิตย์ลงลับของฟ้าไปเรื่อยๆๆ
ก่อนที่จะไม่เห็นแสงตะวันในวันนี้

เป็นภาพที่สวยงามมากๆ สำหรับวันนี้
พวกเราหมู3ตัวก็ได้นั่งเม้ามอยริมแม่น้ำดูดวงตะวันลับขอบฟ้ากันไปโดยลืมไปว่าอาหารเย็นของวันนี้จะกินอะไรดี
เพราะเมื่อมองไปรอบๆกาย เหมือนจะไม่มีอะไรขายเเล้ว เลยวิ่งไปดูที่หน้าฟร้อนต์ อุเเม่เจ้า ครัวปิด1ทุ่ม
พร้อมกับก้มมองนาฬิกาตัวเอง นี่มัน1ทุ่มครึ่งเเล้ว เอาไงดี เเต่เพื่อนเรา2คนบอกว่ายังไม่ค่อยหิวมากเพราะก่อนหน้านี้ซัดฮาจิบังไปเเล้วก่อนขึ้นรถตู้
ก็เลยลองเดินออกมาหน้าที่พักเห็นว่าทางด้านซ้ายมือเหมือนจะมีร้านอะไรสักอย่างก็เลยลองเดินไปดู
ปรากฏว่าเป็นร้านอาหาร มีไอติมขาย มีCoffee Barเล็กๆอยู่ในร้าน เอาละเหวย รอดตาย
แต่ด้วยความที่ยังไม่หิวมาก หมู3ตัวจึงจบทริปวันนี้ด้วยไอติมวอลล์คนละแท่ง อิอิ
หลังจากที่กินไอติมกันเสร็จเเล้ว ก็รีบเดินกลับที่พักเลยเพราะในร้านเริ่มจะไม่มีลูกค้าคนไทยเเล้ว
มีแต่ชาวต่างชาติซึ่งเราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ก็เลยรีบกลับเข้าที่พักจะดีที่สุด
เมื่อมาถึงที่พักก็เตรียมตัวชาร์ตแบตมือถือพร้อมกับแบตร่างกายตัวเองให้พร้อม
เตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่ ฮู่เร่ฮุ่ย
ค่ำคืนนี้ขอลาไปดูละครเรื่องกลกิมโนก่อนน้ะจ้ะนายจ๋า
[SR] แบกเป้โบกรถเที่ยวสังขละ กาญจนบุรี ช่องเขาขาด ไปกับแก๊งค์ลูกหมู3ตัว (ขอเรียกว่าไดเอททริปก็เเล้วกันจ้า)
"บางครั้ง จุดหมายปลายทาง ไม่สำคัญเท่าเรื่องราวระหว่างทาง”
เพราะเรื่องราวระหว่างทางนี่แหละแม้บางครั้งจะเป็นแค่ตัวประกอบโผล่มาทีละฉากสองฉาก แต่ตัวประกอบก็ทำให้เรื่องราวของแต่ละฉากมาปะติดปะต่อจนเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้นะเออ โฮะๆๆๆๆ
เข้าเรื่องกันเหอะนะ คือเรากับเพื่อนอีก2คน ขอเรียกว่าแก๊งค์ลูกหมู3 ตัวนะ ได้มีแพลนที่จะเดินทางไปเที่ยวสังขละบุรีกัน
แต่ความชิคมันไม่ได้มีแค่การไปเดินสะพนมอญ อัพรูปแม่น้ำแสงแดด หรืออาหารที่ดูน่ากินๆเท่านั้น เพราะทริปนี้ก่อนจะถึงสังขละบุรี พวกเรามีความชิคตั้งแต่นอนค้างกาญจนบุรี1คืน เดินเที่ยวช่องเขาขาด โบกรถกลางทาง อดอาหารข้ามวันกันแล้วแหละ
เอาหละเพื่อไม่ให้เป็นการเสียว เอ๊ยเสียต่อเวลา มาเริ่มกันเถอะ
แต่ แด แด๊นนนนนนนนนนนนซ์
คือพวกเราได้มีการวางแผนที่จะเที่ยวสังขละ เป็นเวลายาวนานมาก ตั้งแต่สะพานยังสร้างเสร็จไม่ดีเลย
แต่ด้วยเวลาและอะไรหลายๆอย่างไม่ตรงกันก็เลยทำให้ต้องเก็บความอยากเอาไว้ก่อน และแล้วเวลาอันเหมาะเหม็งก็มาถึงเมื่อได้กลับไปอ่านรีวิวในพันติ้ปนี่แหละ ความเสี้ยนบังเกิดขึ้น เลยทักแชทชวนแอนเดอะแก๊งค์
เรา : เห้ยพวกแก นั่งรถไฟฟรี ชิคๆไปสังขละกันมะ (ทำตัวประดุจเป็นฮิปตะเตอร์)
แอนเดอะแก๊งค์ลูกหมู : เอาดิ อยากไปมานานแล้วเหมือนกัน
เรา : เจ้ดสะโด้ว โคอะล่ามาช นี่ก้ไม่คิดว่าจะใจง่ายขนาดนี้นะเนี่ย
เมื่ออะไรหลายๆอย่างลงตัว เริ่มบุ้ควันโดยสรุปได้ว่าจะออกเดินทางกันวันที่16-19เมษายน
แต่วันที่16 เพื่อนเรามันดันมีเรียนเลิก2 โมง ถ้าออกตอน2โมงแล้วจะถึงสังขละกี่โมงเนี่ย แต่ถ้าไปเช้าอีกวันนึงก็มีเวลาเที่ยวน้อยอะดิ้ เอาไงดีติ้กต่อกๆ
เรา : ปิ๊ง งั้นเราก้ไปนอนกาญจนบุรีก่อนดิ1 คืนแล้วเช้ารุ่งขึ้นค่อยหารถไปสังขละ พวกแกโอเคมั๊ย
แอนด์เดอะแก๊งค์ : เงียบบบบบบ .............
เรา : ไม่รุ้แหละ ถือโอกาสใช้การปกครองแบบเผด็จการ หาที่พักในกาญจน์ที่เดินทางสะดวก ไว้แล้วแหละ ยังไงพวกเอ็งก็ต้องไปนอนกับข้าก่อน โทษฐานมีเรียนตะไมมมม ไม่ยอมโดดเรียน ห๊ะ !!!!
เนื่องจากเพื่อนเรามีเรียนตอนบ่ายนั่นเองทำให้ไม่สามารถที่จะนั่งรถไฟแบบชิคๆคูลๆไปกาญจน์ได้อีกแบ้ว เพราะรถไฟมีรอบน้อยทำให้พวกเราตัดสินใจนั่งรถตู้ที่ท่ารถอนุสาวรีย์ เพื่อไปลงบขก.จังหวัดกาญจน์
ขอใช้อุโมงค์ร่นเวลาของโดราเอม่อนและโนบิตะ ปิ๊ววววววววว
.
.
.
.
.
และแล้วก็มาถึงบ่ายวันที่16 ที่พวกเราลอยคอเอ้ยรอคอย เอ้ยถูกแบ้ว
พวกเรานัดเจอกันที่BTS เพื่อจะไปลงอนุสาวรีย์ชัย แล้วก็ขึ้นรถไปกาญกัน ซึ่งท่ารถที่พวกเราขึ้นคืออยู่ข้างๆเซนจูรี่เป็นวินแฮปปี้ ค่าโดยสารสนนราคาอยู่ที่120 บาทรถออกทุก15นาที แต่อย่างว่าแหละกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพื่อนเรามันเพิ่งเลิกเรียนมาข้าวยังไม่ได้กินจึงขอแวะกินข้าวก่อนละกันนะ ค่อยเดินมาจองตั๋ว ซึ่งอาหารมื้อสุดท้ายในกทม.ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเที่ยวกันนั้นก็คือ ฮาจิบังราเมน ในเซนจูรี่นั่นเอง เพราะมันเป็นร้านแรกเดินเข้าไปก็เจอเลยกินง่ายดีคนไม่เยอะ รีบกินรีบไป เพราะตอนนี้ใจบินไปถึงสะพานมอญแบ้ว (เฮ้ยยย ใจเย็นดิ)
และเมื่อกินกันอิ่มหมีพลีมันแล้ว ก็ได้เวลาอันสมควรที่จะเดินไปจองตั๋วรถซึ่งตอนนั้นรถตู้ที่จะออกคันล่าสุดมีที่นั่งว่าง3ที่พอดี
เรา :พี่ค่ะไปกาญ3ที่ค่ะ ขอลงตรงสุสานทหารนะคะ
คนขายตั๋ว :น้องคับ ไม่ผ่านนะ รถพี่ไปแค่บขส. ถ้าจะไปต้องหารถต่อไปเอง
เรา : อ้าวเวนน แล้วไง ทำไมตอนจองที่พักเขาถึงบอกว่ารถตู้ผ่านละเอาไงดีๆๆ (คิดอยู่3วิ)
โอเคคะ ถ้ามีรถต่อไปสุสานทหารเด่วพวกหนูหารถไปกันเองก็ได้ค่ะ
พอจองตั๋วจ่ายตังเสร็จก็ขึ้นรถได้เลยเพราะรถกำลังจะออกแบ้ว แต่เจ้ากรรมไม่มีที่นั่งให้พวกเรา3คนได้นั่งเม้ามอยหรือนั่งสัปปะหงกเอาหัวชนกันเลย เพราะอิชั้นต้องจรลีมานั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนเพื่อนอีก2คนได้ไปนั่งหลังสุดแอร์ก็เป่าไปไม่ถึง (น่าฉงฉานจุงเบย แต่ข้านั่งหน้าเหงาฉิบผาย)
เอาหนะ ไม่กี่ชม.เอง หลับ2ตื่นก็ถึงแล้ว คร่อกกกกกก ZZzzzzzzzzzzzzzzzzzz
2 ชม.ต่อมา
ก่อนออกเดินทางไปยังที่พัก ขอแวะไปฉี่ก่องน้า ห้องน้ำจะอยู่ด้านในบขส.ด้านในสุดเลย ระหว่างทางที่เดินไปห้องน้ำแอบเห็นวินรถที่เราจะไปสังขละกันในวันพรุ่งนี้. ดีเลยพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเดินหา
เอาละค่ะ เมื่อทำธุระกันเสร็จสรรพแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่พักได้แล้วเพราะนี่ก็5โมงกว่าแล้วงะ ว่าแต่เราจะไปยังไงหละ ที่พักอยู่ตรงไหน ว่าแล้วก็เดินออกมาหน้าบขส. จำได้ว่าพี่คนขายตั๋วเขาบอกว่ามันมีรถสองแถวผ่านนี่หน่า มองหาวินสองแถวแปป
เมื่อเจอวินสองแถว ก็รีบตรงปี่ไปที่ลุงคนขับ พร้อมการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยเรียกเรียกและการกวักมือหยอยๆของลุงคนขับว่า จะไปไหนกันอิหนู และด้วยความที่อยากถึงที่พักแล้วก็เลยไม่รอช้า บอกลุงไปด้วยเสียงดังฟังชัดว่าไปซอยสุสานทหารค้า ลุงคนขับก็ทำหน้าครุ่นคิด3วินาที ซึ่งเราเห็นว่าไม่ได้การละ ลองบอกชื่อที่พักไปดีกว่าเผื่อลุงรู้จักจะได้จอดส่งหน้าที่พักเลย ลุงค่ะๆรู้จักธาราราฟด์รีสอร์ทไหม คือมันอยู่ในซอยสุสานทหารอะคะ ลุงก็สบตาเราแล้วยิ้มตอบรับอย่างหวานชื่อว่า อ๋ออ ที่เป็นที่พักใช่ไหม ป้ะๆขึ้นรถเลย พวกเราก็ไม่รอช้ารีบขึ้นสองแถว แต่เดี๋ยวก่อนนนนนนน
ค่าโดยสารเท่าไหร่อะลุง ต้องถามเอาไว้ก่อนเดี๋ยวเงินไม่พอจ่าย อิอิ ลุงแกก็บอกว่าสองแถวที่นี่มันต้องเหมาไปอะ ลุงคิด100 นึงก็แล้วกัน ในใจก็คิดว่าแพงจัง แต่ด้วยความที่นี่ก็เย็นมากแล้วเราควรถึงที่พักแล้วไปพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ได้แล้ว ก็เลยตอบตกลงไปแล้วก็ขึ้นรถ(อันนี้ของจริงละ)
โหน่งเน้งโหน่งแกละบนสองแถวกันประมาณ10 นาทีก็ถึงที่หมายของวันนี้ ธาราราฟด์รีสอร์ท
แว๊บแรกที่สัมผัสได้ว่าจะต้องมาฝากชีวิตไว้ที่พักที่นี่หรอคือ
เห้ยแกร บรรยากาศดีเอาะ ทำไมวิวมันสวยแบบเน้ ติดแม่น้ำแคว
แต่เดี๋ยวก่อน คือทำไมทางขึ้นบ้านพักมันไปอยู่บนหลังคาแบบนั้นอ่า
เเล้วตรูจะทำหลังคาเขาพังไหม ยิ่งอวบๆกันอยู่ทั้งสามคนเบย
และนี่ก็คือทางขึ้นที่พักที่เรามองว่าทำไมมันแปลกๆหว่า
คือเดินขึ้นหลังคา และหลังคาที่เห็นก็คือห้องพักของพวกเรา
น่าเสียดาย ที่เราลืมถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบของที่พักมา
แต่จะบอกว่าวิวดีมาก เเละโชคดีที่เรามาถึงก่อนพระอาทิตย์อัสดงไปเสียก่อน
เลยได้มีโอกาสนั่งชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ค่อยดูอาทิตย์ลงลับของฟ้าไปเรื่อยๆๆ
ก่อนที่จะไม่เห็นแสงตะวันในวันนี้
เป็นภาพที่สวยงามมากๆ สำหรับวันนี้
พวกเราหมู3ตัวก็ได้นั่งเม้ามอยริมแม่น้ำดูดวงตะวันลับขอบฟ้ากันไปโดยลืมไปว่าอาหารเย็นของวันนี้จะกินอะไรดี
เพราะเมื่อมองไปรอบๆกาย เหมือนจะไม่มีอะไรขายเเล้ว เลยวิ่งไปดูที่หน้าฟร้อนต์ อุเเม่เจ้า ครัวปิด1ทุ่ม
พร้อมกับก้มมองนาฬิกาตัวเอง นี่มัน1ทุ่มครึ่งเเล้ว เอาไงดี เเต่เพื่อนเรา2คนบอกว่ายังไม่ค่อยหิวมากเพราะก่อนหน้านี้ซัดฮาจิบังไปเเล้วก่อนขึ้นรถตู้
ก็เลยลองเดินออกมาหน้าที่พักเห็นว่าทางด้านซ้ายมือเหมือนจะมีร้านอะไรสักอย่างก็เลยลองเดินไปดู
ปรากฏว่าเป็นร้านอาหาร มีไอติมขาย มีCoffee Barเล็กๆอยู่ในร้าน เอาละเหวย รอดตาย
แต่ด้วยความที่ยังไม่หิวมาก หมู3ตัวจึงจบทริปวันนี้ด้วยไอติมวอลล์คนละแท่ง อิอิ
หลังจากที่กินไอติมกันเสร็จเเล้ว ก็รีบเดินกลับที่พักเลยเพราะในร้านเริ่มจะไม่มีลูกค้าคนไทยเเล้ว
มีแต่ชาวต่างชาติซึ่งเราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ก็เลยรีบกลับเข้าที่พักจะดีที่สุด
เมื่อมาถึงที่พักก็เตรียมตัวชาร์ตแบตมือถือพร้อมกับแบตร่างกายตัวเองให้พร้อม
เตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่ ฮู่เร่ฮุ่ย
ค่ำคืนนี้ขอลาไปดูละครเรื่องกลกิมโนก่อนน้ะจ้ะนายจ๋า