โลกออนไลน์และสังคมโซเชียลรณรงค์ทั้งข้อเขียนและภาพ ไม่ซื้อสินค้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นสั่งสอนการผูกขาดทำรายย่อยเจ๊ง แนะรัฐบาลแก้กฎหมายผูกขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ในสังคมออนไลน์อาทิเช่น เฟซบุ้กและ LINE ได้มีการแชร์ข้อความและรูปภาพร้านเซเว่นอีเลฟเว่นพร้อมกับคำกล่าวว่า”ช่วยรณรงค์ออกไปมากๆในวันที่ 7-11 เดือนพฤษภาคมนี้เชิญรวมพลังออกแรงสู้กับทุนกอบโกย โดยไม่ซื้อ 7-11 “ พร้อมกับภาพที่ส่งมาว่า “ที่นี่มีครบ ยกเว้นคุณธรรม”
ก่อนที่จะมีการรณรงค์เกิดขึ้นนั้นได้มีบทความต่างๆเสนอออกตามสื่อและแชร์กันในเฟซบุ้กเกี่ยวกับการทำธุรกิจของบริษัทซีพีหรือเจริญโภคภัณฑ์กันจำนวนมากและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอาทิเช่นพล.อ.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต, สารี อ๋องสมหวัง จากมูลนิธิผู้บริโภค ฯลฯ
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
-----------------------------------------------------------------------------------------
พล.ท.นันทเดชเตือน”ซีพีกับก้าวที่สุ่มเสี่ยง”
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์” แสดงความคิดเห็นถึงการดำเนินกิจการของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (Charoen Pokphand Group) หรือ “ซีพี” ผ่านหัวข้อ “ซีพี กับ ก้าวที่สุ่มเสี่ยง”ว่า ความเป็นทุนมหึมาของซีพีนั้น ไม่มีใครจะหนีอิทธิพลได้ กล่าวได้ว่าในทุกวงการต้องมีคนของซีพี. แทรกอยู่ด้วย
ดังนั้นซีพี จึงเดินหน้า ทั้งขาย,เป็นนายหน้าสินค้าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ได้กำไร โดยอาศัยทุนที่เหนือกว่า ความพร้อมขององค์กร วัตถุดิบที่ผลิตได้เอง แบบไม่เกรงใจใคร พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย จึงยับเยินตามไปหมด
ไม่ทำผิดแต่ขอถาม 3 ข้อ
พล.ท.นันทเดช ระบุต่อว่าถามว่าซีพีผิดหรือไม่ ไม่ผิดหรอกครับ พ่อค้าต้องทำอะไรก็ได้ เพื่อให้มีกำไร เป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า
1.สมควรทำกันถึงขนาดนี้หรือไม่ ถ้า ซีพีทำได้ นายทุนอื่นๆก็จะทำตามแบบบ้าง คนจนจะไปทำมาหากินอะไรกันละ
2.ประเทศที่เจริญแล้วมีการผูกขาดการค้าแบบนี้ ตามซอย มีเซเว่นทุก 200 เมตรหรือไม่ เอาง่ายๆในจีน ซีพี ทำแบบนี้ได้หรือไม่
3.ถ้าการค้าปลีก ขายข้าวแกง การค้าเล็กๆริมถนนพังทลายไปหมด คนพวกนี้และครอบครัวจะไปทำอะไร สิ่งที่พวกเขาจะทำเรื่องแรกคือ ลุกมาต่อต้านซีพี ครับ
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆของซีพี นะครับ ใครที่ถ่ายภาพกับผู้ใหญ่ของ ซีพี หรือ เข้าร่วมกิจกรรมของซีพี เริ่มถูกนำมาโพสท์ข้อความไปในทางลบบ้างแล้ว ดังนั้น ถ้า ซีพีไม่ทำอะไรให้ชัดเจน คิดว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือน จะมีการต่อต้านซีพีมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องระมัดระวัง การเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลของซีพี ต้องระวังให้อยู่ในกรอบที่พอดีๆ ไม่เช่นนั้นจะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนไปด้วยแน่ๆ ครับ”พล.ท.นันทเดชกล่าว
ผู้กองปูเค็มเปิดยุทธการดีดหูเจ้าสัว
ในเฟซบุ้คของ”ผู้กองปูเค็ม”หรือ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเสมอมาเขียนไว้ในเฟซบุ้กจากเชียงรายไนท์บาร์ซาร์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เวลา 9:35 น.ว่า “นับแต่นี้ ผมจะขอตั้งชื่อแคมเปญรณรงค์ไม่เข้า 7/11 ไม่ซื้อสินค้าจาก 7/11 ตั้งแต่วันที่ 7-11 ของทุกเดือนว่า..”ยุทธการ #AntiCP ขั้นที่ 1”หรือนามเรียกขานว่า”ยุทธการดีดหูเจ้าสัว”วัตถุประสงค์คือ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการครอบงำตลาด ผูกขาดทางการค้า รวมถึงการแย่งอาชีพคนยากคนจนของ cp
เป้าหมายคือ ให้ cp ออกมาขอโทษสังคม และลด ละ เลิก การครอบงำตลาดและผูกขาดทางการค้า รวมถึงการแย่งอาชีพคนยากคนจน วิธีและแนวทางในการเปิด “ยุทธการดีดหูเจ้าสัว” คือให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ช่วยกันแชร์ใน Social Network แล้วคิดแผนจัดกิจกรรมหน้าร้าน 7/11 ทุกสาขาทั่วประเทศ ในวันที่ 7-11 ของทุกเดือน แล้วถ่ายรูปกิจกรรมมาอวดกัน ว่าใครจะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรมากกว่ากัน..และเราจะร่วมกันโหวตจังหวัดที่ชนะเลิศในแต่ละเดือน..
ในขั้นต้นผมขอประเดิมมอบรางวัลชนะเลิศเป็นทุนการศึกษาจำนวน 5,000 บาท (ห้าพันบาท) ให้กับผู้แทนจังหวัดที่ชนะเลิศประจำเดือนพฤษภาคมนี้..
ระยะเวลาในการเปิด "ยุทธการดีดหูเจ้าสัว" คือ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงพฤศจิกายน 2558
ขั้นสองยุทธการทุบเจ้าสัว
เฟซบุ้กของผู้กองปูเค็มกล่าวเพิ่มเติมว่า “ หากเรายังไม่บรรลุเป้าหมาย เราจะยกระดับการแสดงออกด้วยการเปิด “ยุทธการ #AntiCP ขั้นที่ 2”หรือนามเรียกขานว่า”ยุทธการทุบเจ้าสัว”
เราจะฉลองปีใหม่ 2559 ด้วยการมอบบทเรียนที่เจ้าสัวจะต้องจำไปจนวันตาย...
รายละเอียดของแผน..ขอรอประเมินสถานการณ์..
อนึ่ง..ผมได้ตอบ Comment ของคุณ Visidh Isratham น่าจะมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเล่นเรื่องไหน...แล้วมีแผนรณรงค์ให้ทางบริษัทรับรู้ว่าเราต้องการให้คุณทำอะไร...แสดงพลังให้รับรู้...ต้องมีจำนวนมากพอควรจึงจะส่งผลกระทบครับ
เปรียบเทียบร้านโซห่วยกับซีพี
ผู้กองปูเค็ม #AntiCP ญาติผมเปิดร้านขายของชำ ที่พิษณุโลก มียอดขายวันละประมาณ 10,000 บาท ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับปานกลางของร้านค้าที่มียอดขายนี้
หากมีกำไร 10% ก็หมายความว่าเขาจะมีกำไรวันละ 1,000 บาท หรือเดือนละ 30,000 บาทเงินจำนวนนี้พอเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น เนื่องจากต้องเช่าที่ขายของ..รวมถึงค่าโสหุ้ยต่างๆด้วย..
ส่วน 7/11 มียอดขายวันละ 77,000 บาท..นั่นหมายความว่า 7/11 มียอดขายถึง 7.7 เท่าของร้านขายของชำ..ระดับปานกลาง..
หาก 7/11 มาเปิดสาขาใกล้กับร้านขายของชำนี้ ก็จะทำให้ยอดขายของร้านขายของชำลดลง 50% (คิดในแง่ดีสุดๆแล้ว) หรือมียอดขายลดลง 5,000 บาท ญาติผมจะมีรายได้ลดลงเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว..
หากคิดในกรณีเลวร้ายที่สุดคือ ร้านขายของชำนี้จะขายของไม่ได้เลย..
การเปิดสาขาของ 7/11 ยังกระทบไปถึงร้านค้าในพื้นที่ใกล้เคียงอีก 100 ร้านค้า ขึ้นอยู่กับทำเล..
ชาวบ้านเหล่านี้หาเช้ากินค่ำ หาเลี้ยงครอบครัว จะไปทำมาหากินอะไร จะไปสู้รบปรบมือกับ cp ได้ยังไงกัน..
เศรษฐกิจตกต่ำ ส่วนหนึ่งจึงเกิดจาก cp นั่นแหละ ที่รุกเปิดสาขาทั่วประเทศ ถึง 8,100 สาขาทั่วประเทศ..
cp ทำให้คนตกงานเท่าไหร่แล้ว..
cp ทำให้ SME เจ๊งมาเท่าไหร่แล้ว..
เมื่อชาวบ้านหมดความอดทน..cp นั่นแหละ..ที่จะต้องออกมาขอโทษ..ลด ละ เลิก การค้าที่ไร้จริยธรรมอย่างเร่งด่วน...
มิฉะนั้นแล้ว..cp ก็จงรอพบกับชะตากรรมที่ไม่อาจคาดคิดมาก่อน..เร็วๆนี้..
กฎหมายมีแต่ไม่มีใครถูกลงโทษ
เฟซบุ๊กของคนชื่อ Drama-addic เขียนไว้ว่ามีคนรณรงค์ให้ต่อต้านเจ้าสัวด้วยการงดเข้าเซเว่นว่ะ ถถถถถถถถถถ....สายป่านเขายาวมากๆ แค่นี้ไม่กระเทือนซางหรอก แล้วไปประท้วงเขาเรื่องอะไรล่ะนั่น มันก็ทำธุรกิจไปตามกฏหมาย ไม่มีคำว่าจริยธรรมในแวดวงธุรกิจอยู่แล้ว ประเด็นคือรัฐควรจะออกกฏหมายมาควบคุมการ monopoly เป็นชาติแล้ว ไม่ใช่มาเรียกร้องกันตอนที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแบบเน้ มันสายเกินไปแล้ว
แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมืองไทยมี พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 แต่จวบจนถึงบัดนี้ กว่า 16 ปี ที่มีกฏหมายฉบับนี้มา ยังไม่มีธุรกิจใดที่ถูกดำเนินคดีว่าด้วยการทำ “การค้าที่ไม่เป็นธรรม” ได้แม้แต่รายเดียว แล้วมี พรบ. นี้ไว้ทำเกลืออะไรวะ?
5 วันคนซื้อไม่ตาย คนขายไม่เจ๊ง
เฟซบุ๊กของ Arwin Intrungsi ให้ความเห็นตามมาว่า “แค่ 5 วัน คนซื้อก็ไม่ตาย คนขายก็ไม่เจ๊ง เพราะแปะแกรวยมากมหาศาล เราเองยังใช้ทุยมูฟของเฮียแกเลย หนีแกไม่พ้นหรอก แต่ถ้าทุกคนช่วยกันให้มีผลคือแปะแกขาดทุนกำไรนิดหน่อยเห็นๆ ในช่วง 5 วันนี้ เผื่อแกจะรู้สึกสำนึกบ้างว่า จะทำค้าขายต้องมีคุณธรรม แบ่งกันกินแบ่งกันใช้บ้าง ไม่เอาเปรียบคน ไม่ CP (copy and paste)
“ไม่ส่งเสริมการทำลายทรัพยากรทางอ้อม ล่อใจชาวบ้านด้วยการรับซื้อวัตถุดิบทำอาหารสัตว์ จนภูเขาหัวโล้นเป็นลูกๆ เพื่อปลูกข้าวโพด ทำประมง อวนรุนอวนลากสัตว์เล็กปลาน้อยก็ไม่เว้น เพื่อเอาไปทำอาหารสัตว์ ไม่ทำเกษตรแบบพันธสัญญาให้เกษตรกรเป็นทาสจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายนี้ขอให้ลุงตู่ช่วยออกกฎหมายป้องกันการผูกขาดได้แล้ว สงสารคนยากคนจนมั่งเหวย”ข้อคิดเห็นสรุป
การรณรงค์งดเติมน้ำมัน 1 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในอดีตเมื่อน้ำมันเติมรถยนต์ตามปั๊มราคาแพงในสหรัฐอเมริกา จะมีการรณรงค์หยุดเติมน้ำมันพร้อมกัน 1 วันทั่วประเทศ วิธีการก็คือให้เติมล่วงหน้าไว้พอใช้ในการเดินทางไปทำธุรกิจ
สมมติว่าวันอังคารจะไม่เติมน้ำมันพร้อมกับทั่วประเทศจะทำให้ปั๊มน้ำมันขายไม่ออก ส่งผลกระทบไปถึงถังน้ำมันสำรองที่ต้องรับน้ำมันกลั่นแล้วจากโรงกลั่นเพื่อส่งออกจำหน่ายประจำวันตามปั๊มน้ำมันในอาณาบริเวณ
เมื่อปั๊มไม่อาจปล่อยน้ำมันออกไปได้ การสั่งน้ำมันก็จากปั๊มจะลดลงราคาน้ำมันก็จะลดลงมา ตามหลักของดีมานน์และซัพพลาย
จากเจียไต๋กลายเป็นบรรษัทข้ามชาติ
สารี อ๋องสมหวัง จากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเขียนไว้ในเฟซบุ๊ว่า “นับตั้งแต่เริ่มกิจการค้าขายเมล็ดพันธุ์ผักของร้านเจียไต้ บนถนนทรงสวัสดิ์ ย่านทรงวาด เมื่อปี 2464 บัดนี้ เจียไต๋หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้กลายเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของภูมิภาคและของโลก ในธุรกิจอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ อาหารแปรรูป และค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งนี้ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมและบริการอื่นๆ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ครอบครองตลาดเกินครึ่งหนึ่งในกิจการเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและเมล็ดพันธุ์ผัก มีอิทธิพลเหนือตลาดในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอาหารในร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าส่งขนาดใหญ่
ซีพียังเป็นผู้ครอบครองตลาดในสัดส่วนอันดับหนึ่งเหนือกว่าบริษัทอื่นๆในกิจการปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ การผลิตไก่เนื้อ อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ฯลฯ
ยิ่งขยายยิ่งผูกขาดมากขึ้น
ขณะนี้ซีพียังขยายธุรกิจของตนออกไปมากยิ่งขึ้นและนำไปสู่การผูกขาดมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับมอนซานโต้เพื่อผลักดันให้มีการปลูกพืชจีเอ็มโอในประเทศไทย การเจรจาเพื่อครอบครองกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เทสโก้-โลตัส เป็นต้น
หากปราศจากกติกาควบคุมกลุ่มทุนโดยสังคม การผูกขาดเช่นนี้จะนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างสำคัญ
ไม่เคยหยิบยกไปอภิปรายในสภา
แทบไม่เคยมีการหยิบยกกรณีการผูกขาดของเจริญโภคภัณฑ์ในระบบอาหารไปอภิปรายในสภา หรือการนำกฎหมายป้องกันการผูกขาดไปบังคับใช้อย่างจริงๆจัง ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลพลเรือน รัฐบาลทหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เนื่องจากอิทธิพลทางการเมืองของซีพีที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ระบบราชการ ระบบการศึกษา สื่อ และสถาบันต่างๆในสังคมไทย
การดำเนินการเพื่อให้เกิดระบบเกษตรและอาหารที่เป็นธรรม จะเกิดขึ้นได้จริง ต้องมาจากความตระหนักรู้ของประชาชน แล้วลุกขึ้นมาปฏิบัติการ ทั้งในวิถีชีวิตประจำวัน รวมไปจนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคม หาใช่รอผู้หยิบยื่นให้แต่อย่างใดไม่
หมายเหตุ :
1) ตัวเลขสัดส่วนการครอบครองตลาดของซีพีในรายงานจากแต่ละแหล่งยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ข้อมูลส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลภายในซึ่งบริษัทมักจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แผนภาพประกอบนี้จึงอาจมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป
2) อ่านซีรี่ส์ระบบอาหารที่เชื่อมโยงกับโพสต์นี้ได้ที่
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/900312656673923/?type=1&theater
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/902216769816845/?type=1&theater
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/899599226745266/?type=1&theater
หรือ
http://www.biothai.net/(ข้อมูลจาก Saree Aongsomwang สารี อ๋องสมหวัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค)
รณรงค์ไม่ซื้อสินค้า 7-11 เดือนพ.ค.รวม 5 วันสั่งสอนผูกขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ในสังคมออนไลน์อาทิเช่น เฟซบุ้กและ LINE ได้มีการแชร์ข้อความและรูปภาพร้านเซเว่นอีเลฟเว่นพร้อมกับคำกล่าวว่า”ช่วยรณรงค์ออกไปมากๆในวันที่ 7-11 เดือนพฤษภาคมนี้เชิญรวมพลังออกแรงสู้กับทุนกอบโกย โดยไม่ซื้อ 7-11 “ พร้อมกับภาพที่ส่งมาว่า “ที่นี่มีครบ ยกเว้นคุณธรรม”
ก่อนที่จะมีการรณรงค์เกิดขึ้นนั้นได้มีบทความต่างๆเสนอออกตามสื่อและแชร์กันในเฟซบุ้กเกี่ยวกับการทำธุรกิจของบริษัทซีพีหรือเจริญโภคภัณฑ์กันจำนวนมากและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอาทิเช่นพล.อ.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ, ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต, สารี อ๋องสมหวัง จากมูลนิธิผู้บริโภค ฯลฯ
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
-----------------------------------------------------------------------------------------
พล.ท.นันทเดชเตือน”ซีพีกับก้าวที่สุ่มเสี่ยง”
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์” แสดงความคิดเห็นถึงการดำเนินกิจการของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (Charoen Pokphand Group) หรือ “ซีพี” ผ่านหัวข้อ “ซีพี กับ ก้าวที่สุ่มเสี่ยง”ว่า ความเป็นทุนมหึมาของซีพีนั้น ไม่มีใครจะหนีอิทธิพลได้ กล่าวได้ว่าในทุกวงการต้องมีคนของซีพี. แทรกอยู่ด้วย
ดังนั้นซีพี จึงเดินหน้า ทั้งขาย,เป็นนายหน้าสินค้าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน ได้กำไร โดยอาศัยทุนที่เหนือกว่า ความพร้อมขององค์กร วัตถุดิบที่ผลิตได้เอง แบบไม่เกรงใจใคร พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย จึงยับเยินตามไปหมด
ไม่ทำผิดแต่ขอถาม 3 ข้อ
พล.ท.นันทเดช ระบุต่อว่าถามว่าซีพีผิดหรือไม่ ไม่ผิดหรอกครับ พ่อค้าต้องทำอะไรก็ได้ เพื่อให้มีกำไร เป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า
1.สมควรทำกันถึงขนาดนี้หรือไม่ ถ้า ซีพีทำได้ นายทุนอื่นๆก็จะทำตามแบบบ้าง คนจนจะไปทำมาหากินอะไรกันละ
2.ประเทศที่เจริญแล้วมีการผูกขาดการค้าแบบนี้ ตามซอย มีเซเว่นทุก 200 เมตรหรือไม่ เอาง่ายๆในจีน ซีพี ทำแบบนี้ได้หรือไม่
3.ถ้าการค้าปลีก ขายข้าวแกง การค้าเล็กๆริมถนนพังทลายไปหมด คนพวกนี้และครอบครัวจะไปทำอะไร สิ่งที่พวกเขาจะทำเรื่องแรกคือ ลุกมาต่อต้านซีพี ครับ
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆของซีพี นะครับ ใครที่ถ่ายภาพกับผู้ใหญ่ของ ซีพี หรือ เข้าร่วมกิจกรรมของซีพี เริ่มถูกนำมาโพสท์ข้อความไปในทางลบบ้างแล้ว ดังนั้น ถ้า ซีพีไม่ทำอะไรให้ชัดเจน คิดว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือน จะมีการต่อต้านซีพีมากขึ้น รัฐบาลจึงต้องระมัดระวัง การเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลของซีพี ต้องระวังให้อยู่ในกรอบที่พอดีๆ ไม่เช่นนั้นจะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนไปด้วยแน่ๆ ครับ”พล.ท.นันทเดชกล่าว
ผู้กองปูเค็มเปิดยุทธการดีดหูเจ้าสัว
ในเฟซบุ้คของ”ผู้กองปูเค็ม”หรือ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเสมอมาเขียนไว้ในเฟซบุ้กจากเชียงรายไนท์บาร์ซาร์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม เวลา 9:35 น.ว่า “นับแต่นี้ ผมจะขอตั้งชื่อแคมเปญรณรงค์ไม่เข้า 7/11 ไม่ซื้อสินค้าจาก 7/11 ตั้งแต่วันที่ 7-11 ของทุกเดือนว่า..”ยุทธการ #AntiCP ขั้นที่ 1”หรือนามเรียกขานว่า”ยุทธการดีดหูเจ้าสัว”วัตถุประสงค์คือ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการครอบงำตลาด ผูกขาดทางการค้า รวมถึงการแย่งอาชีพคนยากคนจนของ cp
เป้าหมายคือ ให้ cp ออกมาขอโทษสังคม และลด ละ เลิก การครอบงำตลาดและผูกขาดทางการค้า รวมถึงการแย่งอาชีพคนยากคนจน วิธีและแนวทางในการเปิด “ยุทธการดีดหูเจ้าสัว” คือให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ช่วยกันแชร์ใน Social Network แล้วคิดแผนจัดกิจกรรมหน้าร้าน 7/11 ทุกสาขาทั่วประเทศ ในวันที่ 7-11 ของทุกเดือน แล้วถ่ายรูปกิจกรรมมาอวดกัน ว่าใครจะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรมากกว่ากัน..และเราจะร่วมกันโหวตจังหวัดที่ชนะเลิศในแต่ละเดือน..
ในขั้นต้นผมขอประเดิมมอบรางวัลชนะเลิศเป็นทุนการศึกษาจำนวน 5,000 บาท (ห้าพันบาท) ให้กับผู้แทนจังหวัดที่ชนะเลิศประจำเดือนพฤษภาคมนี้..
ระยะเวลาในการเปิด "ยุทธการดีดหูเจ้าสัว" คือ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงพฤศจิกายน 2558
ขั้นสองยุทธการทุบเจ้าสัว
เฟซบุ้กของผู้กองปูเค็มกล่าวเพิ่มเติมว่า “ หากเรายังไม่บรรลุเป้าหมาย เราจะยกระดับการแสดงออกด้วยการเปิด “ยุทธการ #AntiCP ขั้นที่ 2”หรือนามเรียกขานว่า”ยุทธการทุบเจ้าสัว”
เราจะฉลองปีใหม่ 2559 ด้วยการมอบบทเรียนที่เจ้าสัวจะต้องจำไปจนวันตาย...
รายละเอียดของแผน..ขอรอประเมินสถานการณ์..
อนึ่ง..ผมได้ตอบ Comment ของคุณ Visidh Isratham น่าจะมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเล่นเรื่องไหน...แล้วมีแผนรณรงค์ให้ทางบริษัทรับรู้ว่าเราต้องการให้คุณทำอะไร...แสดงพลังให้รับรู้...ต้องมีจำนวนมากพอควรจึงจะส่งผลกระทบครับ
เปรียบเทียบร้านโซห่วยกับซีพี
ผู้กองปูเค็ม #AntiCP ญาติผมเปิดร้านขายของชำ ที่พิษณุโลก มียอดขายวันละประมาณ 10,000 บาท ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับปานกลางของร้านค้าที่มียอดขายนี้
หากมีกำไร 10% ก็หมายความว่าเขาจะมีกำไรวันละ 1,000 บาท หรือเดือนละ 30,000 บาทเงินจำนวนนี้พอเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น เนื่องจากต้องเช่าที่ขายของ..รวมถึงค่าโสหุ้ยต่างๆด้วย..
ส่วน 7/11 มียอดขายวันละ 77,000 บาท..นั่นหมายความว่า 7/11 มียอดขายถึง 7.7 เท่าของร้านขายของชำ..ระดับปานกลาง..
หาก 7/11 มาเปิดสาขาใกล้กับร้านขายของชำนี้ ก็จะทำให้ยอดขายของร้านขายของชำลดลง 50% (คิดในแง่ดีสุดๆแล้ว) หรือมียอดขายลดลง 5,000 บาท ญาติผมจะมีรายได้ลดลงเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว..
หากคิดในกรณีเลวร้ายที่สุดคือ ร้านขายของชำนี้จะขายของไม่ได้เลย..
การเปิดสาขาของ 7/11 ยังกระทบไปถึงร้านค้าในพื้นที่ใกล้เคียงอีก 100 ร้านค้า ขึ้นอยู่กับทำเล..
ชาวบ้านเหล่านี้หาเช้ากินค่ำ หาเลี้ยงครอบครัว จะไปทำมาหากินอะไร จะไปสู้รบปรบมือกับ cp ได้ยังไงกัน..
เศรษฐกิจตกต่ำ ส่วนหนึ่งจึงเกิดจาก cp นั่นแหละ ที่รุกเปิดสาขาทั่วประเทศ ถึง 8,100 สาขาทั่วประเทศ..
cp ทำให้คนตกงานเท่าไหร่แล้ว..
cp ทำให้ SME เจ๊งมาเท่าไหร่แล้ว..
เมื่อชาวบ้านหมดความอดทน..cp นั่นแหละ..ที่จะต้องออกมาขอโทษ..ลด ละ เลิก การค้าที่ไร้จริยธรรมอย่างเร่งด่วน...
มิฉะนั้นแล้ว..cp ก็จงรอพบกับชะตากรรมที่ไม่อาจคาดคิดมาก่อน..เร็วๆนี้..
กฎหมายมีแต่ไม่มีใครถูกลงโทษ
เฟซบุ๊กของคนชื่อ Drama-addic เขียนไว้ว่ามีคนรณรงค์ให้ต่อต้านเจ้าสัวด้วยการงดเข้าเซเว่นว่ะ ถถถถถถถถถถ....สายป่านเขายาวมากๆ แค่นี้ไม่กระเทือนซางหรอก แล้วไปประท้วงเขาเรื่องอะไรล่ะนั่น มันก็ทำธุรกิจไปตามกฏหมาย ไม่มีคำว่าจริยธรรมในแวดวงธุรกิจอยู่แล้ว ประเด็นคือรัฐควรจะออกกฏหมายมาควบคุมการ monopoly เป็นชาติแล้ว ไม่ใช่มาเรียกร้องกันตอนที่ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแบบเน้ มันสายเกินไปแล้ว
แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมืองไทยมี พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 แต่จวบจนถึงบัดนี้ กว่า 16 ปี ที่มีกฏหมายฉบับนี้มา ยังไม่มีธุรกิจใดที่ถูกดำเนินคดีว่าด้วยการทำ “การค้าที่ไม่เป็นธรรม” ได้แม้แต่รายเดียว แล้วมี พรบ. นี้ไว้ทำเกลืออะไรวะ?
5 วันคนซื้อไม่ตาย คนขายไม่เจ๊ง
เฟซบุ๊กของ Arwin Intrungsi ให้ความเห็นตามมาว่า “แค่ 5 วัน คนซื้อก็ไม่ตาย คนขายก็ไม่เจ๊ง เพราะแปะแกรวยมากมหาศาล เราเองยังใช้ทุยมูฟของเฮียแกเลย หนีแกไม่พ้นหรอก แต่ถ้าทุกคนช่วยกันให้มีผลคือแปะแกขาดทุนกำไรนิดหน่อยเห็นๆ ในช่วง 5 วันนี้ เผื่อแกจะรู้สึกสำนึกบ้างว่า จะทำค้าขายต้องมีคุณธรรม แบ่งกันกินแบ่งกันใช้บ้าง ไม่เอาเปรียบคน ไม่ CP (copy and paste)
“ไม่ส่งเสริมการทำลายทรัพยากรทางอ้อม ล่อใจชาวบ้านด้วยการรับซื้อวัตถุดิบทำอาหารสัตว์ จนภูเขาหัวโล้นเป็นลูกๆ เพื่อปลูกข้าวโพด ทำประมง อวนรุนอวนลากสัตว์เล็กปลาน้อยก็ไม่เว้น เพื่อเอาไปทำอาหารสัตว์ ไม่ทำเกษตรแบบพันธสัญญาให้เกษตรกรเป็นทาสจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายนี้ขอให้ลุงตู่ช่วยออกกฎหมายป้องกันการผูกขาดได้แล้ว สงสารคนยากคนจนมั่งเหวย”ข้อคิดเห็นสรุป
การรณรงค์งดเติมน้ำมัน 1 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในอดีตเมื่อน้ำมันเติมรถยนต์ตามปั๊มราคาแพงในสหรัฐอเมริกา จะมีการรณรงค์หยุดเติมน้ำมันพร้อมกัน 1 วันทั่วประเทศ วิธีการก็คือให้เติมล่วงหน้าไว้พอใช้ในการเดินทางไปทำธุรกิจ
สมมติว่าวันอังคารจะไม่เติมน้ำมันพร้อมกับทั่วประเทศจะทำให้ปั๊มน้ำมันขายไม่ออก ส่งผลกระทบไปถึงถังน้ำมันสำรองที่ต้องรับน้ำมันกลั่นแล้วจากโรงกลั่นเพื่อส่งออกจำหน่ายประจำวันตามปั๊มน้ำมันในอาณาบริเวณ
เมื่อปั๊มไม่อาจปล่อยน้ำมันออกไปได้ การสั่งน้ำมันก็จากปั๊มจะลดลงราคาน้ำมันก็จะลดลงมา ตามหลักของดีมานน์และซัพพลาย
จากเจียไต๋กลายเป็นบรรษัทข้ามชาติ
สารี อ๋องสมหวัง จากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเขียนไว้ในเฟซบุ๊ว่า “นับตั้งแต่เริ่มกิจการค้าขายเมล็ดพันธุ์ผักของร้านเจียไต้ บนถนนทรงสวัสดิ์ ย่านทรงวาด เมื่อปี 2464 บัดนี้ เจียไต๋หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้กลายเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของภูมิภาคและของโลก ในธุรกิจอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ อาหารแปรรูป และค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งนี้ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมและบริการอื่นๆ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ครอบครองตลาดเกินครึ่งหนึ่งในกิจการเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและเมล็ดพันธุ์ผัก มีอิทธิพลเหนือตลาดในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอาหารในร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าส่งขนาดใหญ่
ซีพียังเป็นผู้ครอบครองตลาดในสัดส่วนอันดับหนึ่งเหนือกว่าบริษัทอื่นๆในกิจการปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ การผลิตไก่เนื้อ อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ฯลฯ
ยิ่งขยายยิ่งผูกขาดมากขึ้น
ขณะนี้ซีพียังขยายธุรกิจของตนออกไปมากยิ่งขึ้นและนำไปสู่การผูกขาดมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับมอนซานโต้เพื่อผลักดันให้มีการปลูกพืชจีเอ็มโอในประเทศไทย การเจรจาเพื่อครอบครองกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เทสโก้-โลตัส เป็นต้น
หากปราศจากกติกาควบคุมกลุ่มทุนโดยสังคม การผูกขาดเช่นนี้จะนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างสำคัญ
ไม่เคยหยิบยกไปอภิปรายในสภา
แทบไม่เคยมีการหยิบยกกรณีการผูกขาดของเจริญโภคภัณฑ์ในระบบอาหารไปอภิปรายในสภา หรือการนำกฎหมายป้องกันการผูกขาดไปบังคับใช้อย่างจริงๆจัง ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลพลเรือน รัฐบาลทหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เนื่องจากอิทธิพลทางการเมืองของซีพีที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ระบบราชการ ระบบการศึกษา สื่อ และสถาบันต่างๆในสังคมไทย
การดำเนินการเพื่อให้เกิดระบบเกษตรและอาหารที่เป็นธรรม จะเกิดขึ้นได้จริง ต้องมาจากความตระหนักรู้ของประชาชน แล้วลุกขึ้นมาปฏิบัติการ ทั้งในวิถีชีวิตประจำวัน รวมไปจนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคม หาใช่รอผู้หยิบยื่นให้แต่อย่างใดไม่
หมายเหตุ :
1) ตัวเลขสัดส่วนการครอบครองตลาดของซีพีในรายงานจากแต่ละแหล่งยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ข้อมูลส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลภายในซึ่งบริษัทมักจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แผนภาพประกอบนี้จึงอาจมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป
2) อ่านซีรี่ส์ระบบอาหารที่เชื่อมโยงกับโพสต์นี้ได้ที่
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/900312656673923/?type=1&theater
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/902216769816845/?type=1&theater
https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873.100128.183063271732202/899599226745266/?type=1&theater
หรือ http://www.biothai.net/(ข้อมูลจาก Saree Aongsomwang สารี อ๋องสมหวัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค)